“ฮ่า!...ฮ่า!..ไอ้เชี่ยย! โคตรขำ” เสียงหัวเราะแสนดุดันดังก้องกังวานไปทั่วห้องรับแขกคฤหาสน์กิตติกูล เมื่อว่าที่ลูกเขยอย่างเทาเย่เล่าเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำให้เพื่อนสนิทฟัง นอกจากเฉินจะไม่คิดสงสารเพื่อนตรงหน้า ร่างสูงกำยำยังขำหนักราวกับกำลังดูซิตคอมอยู่อย่างไงอย่างงั้น
เสียงขำราวกับคนกำลังจะขาดใจตายทำเทาเย่อารมณ์ครุกรุ่นไม่น้อยเลย นี่เขาอุตสาเรียกมันมาเพื่อหาคนปลอบใจ ไม่ใช่เรียกมาให้ซ้ำเติม นี่ขนาดไอ้เฉินยังไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ เขายังรู้สึกเหมือนคนไร้พวกพ้อง ยืนหัวเดียวกระเทียมลีบก็ไม่ผิด
“สมแล้วที่เป็นเพื่อนอิ้ง กูบอกแล้วไงว่าสองคนนี้ศีลต้องเสมอกัน ไม่งั้นคบกับเด็กแสบทรวงแบบอิ้งไม่ได้หรอก” เฉินพูดแล้วก็ส่ายหน้าขำ เด็กที่กล้าแกล้งตายเพื่อให้ผู้ชายตามไปอยู่ด้วยแบบอิ้งน่ะ ต้องคบเพื่อนที่แสบและร้ายพอตัวกันอยู่แล้ว และยิ่งเป็นเพื่อนสนิทด้วยแล้วก็ต้องดีกรีไม่ธรรมดา
“กูก็พอมองออกว่าต้องแสบพอตัว แต่กูไม่คิดว่าหนูซันจะปากร้ายได้ขนาดนี้นี่หว่า แถมด่ากูว่าตอแหลส่งท้ายอีก”
“ก็มึงมันตอแหลจริงๆ”
“ถ้ากูมีเพื่อนเยอะนะ กูจะเลิกเป็นเพื่อนกับมึงไอ้เฉิน!” เทาเย่ว่าพลางจิบวิสกี้ในมือไปด้วย ก่อนสมองจะคิดอะไรขึ้นมาได้
ร่างสูงรีบวางแก้วลงทันที พร้อมกับมองซ้ายแลขวาเพื่อให้แน่ใจ ว่าตอนนี้ที่ห้องรับแขกห้องนี้มีแค่เขากับไอ้เฉินเท่านั้น จะไม่มีใครผ่านมาได้ยินเรื่องที่กำลังจะคุยกันต่อจากนี้
“ว่าแต่เมื่อคืนใครวะที่มาหากู”
“หึ!” เฉินที่เห็นเพื่อนจอมเจ้าชู้มองซ้ายมองขวาอยู่นานก็อดขำไม่ได้ ก่อนจะหยักคิ้วถามกลับไป “อย่าบอกนะว่าที่มึงมองซ้ายขวาเนี่ย มึงกลัวน้องซันมาได้ยินเหรอ”
คนถูกถามจี้ใจดำถึงกลับขมวดคิ้ว เขาแค่ไม่ต้องการให้หนูซันเกลียดเขามากขึ้นกว่าเดิมต่างหาก แค่เมินหน้าเขาก็ทุกข์ใจจะแย่ ถ้าเกิดมีเรื่องให้บาดหมางเพิ่มขึ้นมาอีก นอกจากหน้าเขาที่หนูซันจะไม่มอง เผลอๆอาจจะปิดปากเงียบไม่พูดกับเขาอีกเลยก็ได้
“แต่ก็ดีแล้วแหละที่มึงกลัวน้องซันรู้ กูขอแสดงความยินดีด้วยนะ มึงไม่ต้องตามหามีนอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้เขามาหามึงเองแล้วเพื่อน” เฉินกล่าวขึ้นพร้อมกับเลื่อนมือถือบนโต๊ะไปให้เทาเย่
คนตัวสูงรีบคว้ามือถือขึ้นมาดูด้วยความร้อนรนใจ ก่อนมันจะกลายเป็นคำว่าเคร่งเครียด พับผ่า!! ให้มันได้แบบนี้สิ ตลอด6ปีที่ผ่านมาเขาตามหามีนแทบตาย แต่อีกฝ่ายกลับทำตัวเหมือนราวกับเศษฝุ่น หาร่องรอยไม่เจอ แม้จะใช้ทั้งอำนาจและอิทธิพลที่มีล้นมือก็แล้ว เขาก็ยังหาไม่เจอ แต่พอใกล้งานแต่งเขากับหนูซัน มีนกลับเข้ามาหาเขาเอง เวรแล้วไง!
เทาเย่มองภาพผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่ที่ถูกถ่ายผ่านทางกล้องวงจรปิด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ พอๆกับเรื่องของเขากับมีนที่มันผูกปมไว้ยุ่งเหยิงจนหาวิธีคลายออกได้ยาก เขาไม่น่าเอาความสนุกเพียงช่วงค่ำคืน มาทำให้ตัวเองขมขื่นถึงทุกวันนี้เลย
“มึงจะแต่งก็รีบแต่ง แต่งแล้วมึงก็รีบจดทะเบียนสมรสเลย ไม่ต้องรอฤกษ์งามยามดีอะไรทั้งนั้นแหละ เพราะถ้ามึงยังช้าอยู่แบบเนี่ยนะ สักวันมีนได้เข้ามาหาน้องซันแน่ แล้วมึงก็รู้ใช่ไหมว่าถ้าน้องซันรู้เรื่องนั้นขึ้นมา แม้แต่ปลายเส้นผมน้องก็มึงจะไม่ได้เห็นอีก”
“กูขอบคุณมึงมากเลย คำพูดมึงทำกูเครียดกว่าเดิมอีก กูอยากแต่งใจจะขาดมึงก็เห็น….แต่มึงดูหนูซันดิ”
หึ! คิดแล้วใจดวงน้อยๆของเขาก็เจ็บ เทาเย่ ฉาง นับวันรอแห่ขบวนขันหมากไปสู่ขอ หนูซัน ดัสกร กิตติกูล เช้า กลางวัน เย็น แต่ว่าที่เจ้าสาวเขากลับขอยกเลิกงานแต่งและขอถอนหมั้นทุกวัน3เวลาหลังอาหาร ทำสม่ำเสมอยิ่งกว่าทานยาตามที่หมอสั่งซะอีก!
“หึ! ตลกว่ะ มึงอยากแต่งใจจะขาด แต่น้องกลับอยากถอนหมั้นใจจะขาดเหมือนกัน เป็นคู่ที่โคตรเหมาะสมกันดีนี่หว่า” เฉินยังไม่หยุดกระแนะกระแหนจี้ปมเทาเย่ ยิ่งเห็นคนจอมเจ้าชู้เคร่งเครียดเหมือนเขายิ่งอารมณ์ดี
ทว่าเทาเย่ก็อยู่กับสีหน้าทุกข์ใจได้ไม่นาน เมื่อจู่ๆไอ้เพื่อนปากดีตรงหน้ามันก็ยกแก้ววิสกี้ชูขึ้นทักทายใครบางคน ซึ่งก็เป็นคนที่ทุกคนก็รู้ว่าใคร แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าหนูซันมายืนอยู่ด้านหลังเขามานานเท่าไรแล้วด้วย
คนมีชนักติดตัวค่อยๆหันกลับไปมองด้านหลัง หนูซันอยู่ในชุดนอนสายทางสีฟ้าสดใสสมวัย คนตัวเล็กยืนกอดอกจ้องมองเขาหน้าเขม็ง ตอนนี้ในใจคนตัวโตมันว้าวุ่นไปหมด ไม่รู้ว่าน้องมายืนตั้งแต่เมื่อไร ได้ยินอะไรที่เขากับไอ้เฉินคุยกันบ้าง นาทีนี้เทาเย่ไม่รู้จะโทษที่หนูซันเท้าเบาจนเดินมาใกล้ขนาดนี้เขายังไม่ได้ยิน หรือโทษไอ้เฉินไอ้เพื่อนเวรตรงหน้านี้ดี ที่มันเห็นหนูซันมายืนแล้วก็ไม่ยอมบอกเขา
เทาเย่คนนี้ขอสาบานเลย! ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งแรกที่เขาจะแก้ไขคือการไม่คบไอ้เฉินเป็นเพื่อน!
“หนูซันยังไม่นอนเหรอคะ มายืนตรงนี้นานหรือยังเอ่ยยย” เทาเย่ยิ้มเจื่อนกลบเกลื่อนเรื่องมีนที่คุยค้างเอาไว้ก่อนหน้า หวังว่าหนูซันจะยังไม่ได้ยินนะ
“ถ้าเรานอนแล้วจะมายืนอยู่ตรงนี้เหรอ เฮียนี่สมกับที่ป๊าเฮียบอกมาจริงๆเลย”
“ป๊าเฮียบอกมาว่าอะไรเหรอคะ”
“ป๊าบอกมาว่าเฮียอะโง่” คำตอบของหนูซันทำคนยิ้มเจื่อนถึงกับหน้าเสีย
นี่เทาเย่ต้องเป็นคนยังไงในสายตาของว่าที่เมียอีกบ้าง เป็นคนเจ้าชู้ เป็นคนมักมาก ล่าสุดเป็นคนโง่ แถมโง่ทั้งในสายตาป๊าและเมียพร้อมกันอีก!
หนูซันเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย โซฟาขนาดกลางที่ถูกเว้นว่างไว้คือเป้าหมายที่ถูกเลือก และหนูซันก็คือเป้าหมายที่เทาเย่เลือกเช่นกัน ทันทีที่ร่างบางทิ้งตัวนั่ง คนตัวสูงก็อัปเปหิตัวเองตามหนูซันไป โซฟาที่ตัวไม่ใหญ่อยู่แล้วพอมีคนสองคนมานั่งรวมกันก็ดูแคบไปถนัดตา แถมเทาเย่ยังขยับเข้าไปแนบชิดน้องน้อยซะจนไม่เหลือช่องว่าง
หนูซันขยับหนีหนึ่งที เทาเย่ขยับตามสองที เขาจะเบียด จะบด จะแนบ จะชิด ให้ระหว่างเขากับหนูซันออกซิเจนยังแทรกกลางไม่ได้
“เฮียจะมากอดเราไว้ทำไม!” เสียงใสดุคนพี่ที่เอื้อมมือมาโอบเอวเล็กของตัวเองไว้ แถมยังโอบแน่นราวกับกลัวเขาจะล่องหนหายตัวไปอีก
“เฮียกลัวว่าหนูซันจะตกโซฟาอะค่ะ”
“เฮียไม่มีตามองเหรอว่ามันมีพนักวางแขนกั้นอยู่ แล้วถ้าเกิดว่าเราต้องตกโซฟาจริงๆมันก็เป็นเพราะเฮียนั่นแหละ เบียดมาอยู่ได้” คนตัวเล็กตอบกลับตาขวาง
ก็มันจริงนิน่า เฮียเทาขยับเบียดเข้ามาหาเขา จนเขาหมดทางหนีนั่งชิดริมโซฟาแล้วเนี่ย ทั้งเบียดเข้าหา ทั้งถูไถไปมาไม่หยุด ถ้าถูนานกว่านี้อีกนิดเลขจะขึ้นให้ซื้อลอตเตอรี่แล้วเหอะ!
เทาเย่ที่เห็นน้องมองตาขวางก็ไม่ได้สลดลงเลย ร่างสูงยังคงทำตัวเหมือนคำด่าเสียดแทงใจ จากผิวปากน่าจูบตรงหน้าเป็นคำชมแสนไพเราะเสนาะหู นอกจากจะไม่สลดคนตัวโตยังแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนน้องมากยิ่งขึ้น
ใบหูบางและขาวสะอาดตาคือเป้าหมายที่เทาเย่อยากกลั่นแกล้ง ลมหายใจอุ่นเป่ารินรดติ่งหู คล้ายสายลมหยอกเย้ายอดหญ้าในฤดูหนาว ทว่าลมของ เทาเย่ ฉาง มันคือลมที่ร้อนระอุ พร้อมหลอมละลายทุกสิ่งที่สัมผัสน่ะสิ
“แต่งกันเมื่อไหร่มันจะยิ่งกว่านั่งเบียดอีกค่ะ” เสียงกระเส่ากระซิบ ปากหยักขยับเฉียดติ่งหูที่เริ่มแดงระเรื่อไปมาอย่างตั้งใจยั่วยวนให้…คนน้องโมโห!
“ทะลึ่งว่ะเฮีย! ไอ้คนลามก”
“จะทะลึ่งหรือว่าลามก ไอ้เฮียตรงหน้าหนูซันคนนี้ก็คือว่าที่สามีหนูในอนาคตนะคะ”
“ทำไมเฮียถึงเป็นคนที่เข้าใจอะไรยากแบบนี้เนี่ย อยากให้เราโกนหัวบวชนักหรือไง ไอ้มารความสุขชีวิต”
แค่กก!!...
คนถูกด่าถึงกับสำลักวิสกี้ที่กำลังดื่ม มารศาสนาว่าหนักแล้ว นี่มารชีวิตเลยเหรอเนี่ย!? เหมือนแค่เกิดมาเป็น เทาเย่ ฉาง ทำอะไรมันก็ผิดไปหมดเลย ถูกไล่มานอนนอกห้องก็กลายเป็นคนผิด คลั่งรักอยากแต่งงานมากก็กลายเป็นมาร ม๊าจะต้องหลั่งน้ำตาถ้าหากรับรู้ว่าเขาต้องเติบโตมาสู้ชีวิตขนาดนี้!!
“หนูซันด่าเฮียมาตั้งเยอะแล้วอะ ดื่มสักหน่อยดีกว่านะคะ เฮียเป็นห่วงเดี๋ยวคอหนูแห้ง” เทาเย่รินวิสกี้ใส่แก้วใบใหม่ให้คนน้อง พร้อมด้วยบริการยกแก้วขึ้นป้อนจรดริมฝีปากบาง เอาอกเอาใจหวังให้คนน้องเห็นความแสนดีของตัวเองขึ้นมาสัก0.5%ก็ยังดี
ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่เป็นดั่งที่คิดไว้ หนูซันหลุบตามองแก้ววิสกี้ตรงหน้าสลับกับโครงหน้าหล่อจัดของคู่หมั้น ก่อนจะยกมือขึ้นดันแก้ววิสกี้ให้ห่างจากริมฝีปากตัวเองเหมือนไม่อยากแตะต้องและรังเกียจ
“เราว่าคนที่อันตรายที่สุดในชีวิตเราไม่ใช่ศัตรูทางธุรกิจคุณพ่อหรอก แต่เป็นเฮียนั่นแหละ”
“อ้าว! เฮียยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะคะ เฮียแค่รินวิสกี้ให้หนูซันเองนะ เฮียก็อยากจะเอาใจหนูบ้างไงคะ ซ้อมเป็นสามีที่แสนดีของหนูไง”
“เหอะ! อย่างที่เฮียเอาใจคนอื่นๆน่ะเหรอ อ่อ! ไม่ใช่สิ เฮียทำเพราะไม่ได้อยากเอาใจหรอก เฮียทำเพราะเฮียอยากจะเอาอย่างอื่นซะมากกว่า”
พอได้ยินคำพูดประโยคเชือดเฉือนแกรมรู้ทัน เทาเย่ก็อดอมยิ้มไม่ได้ ปากหยักกดรอยยิ้มมุมปาก ดวงตาแสนเจ้าเล่ห์จ้องมองคนน้องไม่ละ นิ้วเรียวยาวถูกยกขึ้นเกลี่ยเส้นผมสีอ่อนของคู่หมั้นตัวน้อยด้วยความถนอม แล้วจับมันทัดใบหูสีระเรื่อเอาไว้ คนตัวสูงทำทุกอย่างด้วยความชินไม้ชินมือไปหมด แถมสายตายังแพรวพราวราวกับจะจับหนูซันกินเสียตรงนี้ให้ได้
“งั้นหนูซันก็รู้สิคะ ว่าเฮียอยากเอา…อะไรหนู”
“รู้สิ แล้วเฮียก็จะไม่มีวันได้เอาด้วย” หนูซันตอบแล้วเหยียดรอยยิ้มอย่างที่เทาเย่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน
มันดูเจ้าเล่ห์ มีเล่ห์เหลี่ยมซุกซ่อนกลไกลอันตรายอยู่ในรอยยิ้มหวานๆ ดูเหมือนคนที่รู้ทันทุกอย่างแต่ยังแกล้งเล่นตามน้ำไปเรื่อย รอวันที่อีกฝ่ายเสแสร้งจน
ถึงวินาทีสุดท้าย แล้วค่อย…ปิดเกม(?)