[PLAY BOY] EP10

1922 คำ
“เฮ้ย! หนูซัน..” หนูซันปิดเกมเขาได้จริงๆ ปิดด้วยการคว่ำแก้ววิสกี้ในมือเขาให้หกเลอะเสื้อเขานี่ไง! “มันเปียก หนูซันเห็นไหมคะ” “เห็นสิเราไม่ได้ตาบอดสักหน่อย แล้วตอนนี้เราก็ตาสว่างแล้วด้วย” คนทำผิดคว่ำแก้ววิสกี้ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนรู้สึกผิด หนูซันนั่งกอดอกเชิดหน้าอยู่บนโซฟา ปล่อยให้เทาเย่ลุกขึ้นยืนเช็ดหยดวิสกี้บนเสื้อคนเดียว จะดุก็ดุไม่ลง เพราะหนูซันเวลาเชิดหน้าหนีเขามันน่ารักสมบุคลิกคุณหนูไฮโซผู้ทรงอิทธิพลชะมัด ถือว่าชดเชยที่เขาทำหนูซันเสียความรู้สึกมาตลอด6ปีที่ผ่านมาก็แล้วกัน(?) “เอ่อ…งั้นเฮียว่าเฮียกลับก่อนจะดีกว่า เชิญน้องซันคุยกับไอ้เทานิสัยแย่ได้ตามสบายเลยนะ กูกลับละไอ้เทา” เฉินเห็นท่าจะบรรยากาศไม่ค่อยดีก็ขอตัวกลับก่อนจะดีกว่า เรื่องในครอบครัวก็ปล่อยให้เขาเคลียร์กันเอง เฉินขอไม่ยุ่ง เมื่อเฉินขอตัวเดินออกไปทั้งห้องรับแขกก็เหลือแค่เทาเย่กับหนูซัน คนพี่ขยับแขนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตชุ้มวิสกี้ แล้วถอดโยนทิ้งไว้บนพื้นใกล้ๆโซฟา เสียงเสื้อกระทบพื้นทำคนตัวเล็กที่นั่งข่มความกลัวสะดุ้งเฮือก ดวงตากลมเหลือบมองคนพี่ที่เหลือเพียงแค่กางเกงขายาวสีเข้ม แล้วพยายามกลั้นใจทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ในใจมันทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นระคนปะปนกันไปหมด เฮือกก!! หนูซันสะดุ้งและเกร็งขึ้นอีกครั้งเมื่อเทาเย่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ร่างสูงร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามกำยำ โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องที่มีมัดกล้ามเนื้อหกลูกล่อตาล่อใจ และวีไลน์สุดแสนจะเซ็กซี่ชวนให้อยากดูจุดสิ้นสุดของมัน ว่าจะไปจบที่ส่วนไหนภายใต้กางเกงเนื้อผ้าชั้นดีตัวนี้ “ถึงตอนนี้จะไม่มีใครเห็น แต่เฮียช่วยแต่งตัวให้มันดูดีกว่านี้ได้ปะ ให้สมกับเป็น เทาเย่ ฉาง หน่อยได้ไหม ใส่แต่กางเกงนั่งกินเหล้าเป็นคนขี้เมาไปได้” คำพูดของหนูซันทำเทาเย่ที่กำลังรินวิสกี้ต้องหยุดชะงักทันที น้องพูดกับเขาแต่หันหน้ามองไปอีกทาง “หนูซันด่าเฮียได้เจ็บขึ้นทุกวันเลยรู้ไหมคะ” “รู้ค่ะ แล้วก็จะด่าให้เจ็บกว่านี้ด้วย ถ้าเฮียยังไม่ยอมยกเลิกงานแต่ง” “หนูซันรู้ไหมคะ ว่าไม่มีคนปกติดีที่ไหนชอบให้คนด่าหรอกนะคะ แต่โชคดีที่เฮียไม่ปกติ เพราะฉะนั้นเชิญหนูซันด่าและสาปส่งเฮียได้ตามสบายเลยค่ะ เฮียไม่ถือ” เทาเย่พูดด้วยท่าทีสบาย ใบหน้าหล่อหยักคิ้วให้คู่หมั้นตัวน้อยเมื่อหนูซันหันกลับมาเผชิญหน้าด้วย ก่อนจะเอนกายพิงที่วางแขนของโซฟาอีกฝั่ง พร้อมกับแก้ววิสกี้รสดีในมือ ท่าทีไม่ยินร้ายแต่ยินดีของเทาเย่สร้างความหงุดหงิดให้คนน้องไม่น้อย หนูซันฟึดฟัดและกำลังจะลุกจากโซฟา ทว่าคนพี่ก็ไม่วายจะรั้งเอาไว้ ขาเรียวยาวและหนักทั้งสองข้าง ถูกยกขึ้นมาเกยบนหน้าตักเล็กเต็มแรง ทำเอาคนกำลังจะลุกต้องเซกลับลงมานั่งใหม่เหมือนเดิม “เฮีย! ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆนะ ขาก็ใหญ่แถมหนักอีก ยกออกไปเลยเราจะขึ้นห้องไปนอนแล้ว เราขี้เกียจคุยกันคนขี้เมาอย่างเฮีย” “อยู่ดื่มกับเฮียสักแก้วสองแก้วจะเป็นไรคะ นี่ว่าที่ผัวนะ” “ใครเขาอยากได้คนโง่แถมสติไม่ดีแบบเฮียเป็นผัวกัน” “เยอะแยะค่ะ” เทาเย่ตอบอย่างไม่ยีระ เขาจะเป็นทายาทมาเฟียตระกูลฉางต่อหน้าทุกคน แต่จะยอมเป็นไอ้เทาเย่คนโง่สติไม่ดีกับหนูซันคนเดียวเท่านั้น “เหอะ! ไม่ใช่หนูซันคนนี้แล้วหนึ่งค่ะ!” คนตัวเล็กหัวเราะขึ้นจมูก ตามมาด้วยประโยคกระแทกกระทั้น คะ ขา แบบที่ไม่เคยพูดกับคนพี่มาก่อนอีกเช่นกัน เทาเย่ได้ยินคำว่าค่ะจากปากจิ้มลิ้มก็อมยิ้มเอ็นดู พลางจินตนาการถึงกาลเบื้องหน้า ถ้าหากเขาเรียก ‘หนูซันขา’ แล้วอีกฝ่ายตอบมาว่า ‘คะ เฮียเทา’ ชีวิตเขามันคงจะชื่นมื่นไม่น้อย คิดแล้วเทาเย่ก็ได้แต่นั่งยิ้มคนเดียว จนหนูซันรู้สึกขนลุก! “ยิ้มอะไรอะเฮีย อย่างกับคนโรคจิตเลย” “เฮียชอบจังเลยค่ะ เวลาหนูซันพูดคะ ขา กับเฮีย ไหนลองพูดใหม่สิคะ เฮียเทาขาาาา เอาแบบหวานๆเลยนะคะ เฮียชอบ เฮียอยากฟังอีก” “เฮียชอบเหรอ” คนตัวโตรีบพยักหน้าระรัว “งั้นดี ถ้าเฮียชอบเราจะได้ไม่พูดมันอีก เพราะเราไม่ต้องการให้คนอย่างเฮียมาชอบเรา” “ไหนวันนั้นบอกว่ารักเฮียไงคะ” เทาเย่ดึงเอาเรื่องเมื่อหลายวันก่อนมาพูดถึง คนที่ร้องไห้ฟูมฟายสารภาพรักเขาวันนั้นน่ะ จะตัดใจจากเขาง่ายเหมือนกรรไกรตัดกระดาษเลยเหรอ “วันนั้นบอกรัก แล้วก็บอกว่าจะไม่รักแล้วไง ส่วนวันนี้คือไม่รักแล้วทั้งใจ เฮียเข้าใจหรือยัง” “แต่วันหน้าก็รักใหม่ได้นี่ค่ะ” “เมื่อกี้เราก็พูดภาษาคนนะ แต่แปลกทำไมเฮียกลับฟังเราไม่รู้เรื่อง” ถึงจะไม่มีการกล่าวถึงสัตว์ชนิดไหนเข้ามาในประโยคเมื่อครู่ เทาเย่กลับรู้สึกว่าหนูซันกำลังด่าว่าเขาเป็นหมา ถึงได้ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง! “เฮียคิดว่าคนอย่างเฮียมีอะไรดีให้เรารักงั้นเหรอ เฮียลองบอกเรามาสักข้อสองข้อก็ได้ ตอนนี้เลยนะ” “เฮียหล่อ เฮียรวย เฮียมีอิทธิพลค่ะ” “หึ! ถ้ามีแค่นี้ก็อย่ามามั่นหน้าใส่เราอีกนะ เพราะไอ้ที่เฮียมีเราก็มีไม่ต่างจากเฮีย ขนาดเสื้อผ้าเรายังไม่เคยซื้อซ้ำกันเลย แล้วเราจะอยากได้ผู้ชายที่มีเหมือนที่เรามีทุกอย่างมาทำไม มาประดับบารมีเหรอ เหอะ! กิตติกูลมีบารมีมากเพียงพอด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว โดยไม่ต้องพึ่งพาตระกูลฉางเลยด้วยซ้ำ” ประโยคที่หนูซันพูดออกมามันจริงทุกอย่าง กิตติกูลเป็นตระกูลที่ใหญ่โตมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีบารมีที่ใครต่างก็ยำเกรงให้ความนอบน้อมกันทั้งนั้น มีอำนาจล้นมือจนมาเฟียบางกลุ่มต้องก้มหัวให้ มีเงินเหลือล้นจนใช้ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่หมด แล้วคนที่เพียบพร้อมอย่างหนูซันจะยังต้องการอะไรในชีวิตเขาอีก คำตอบคือไม่มี…!!! คนน้องสบตามองหน้าคนพี่นิ่งเงียบ จู่ๆบทสนทนาก็จบลงอย่างหาทางไปต่อไม่ได้ ความว่างเปล่าที่มันปรากฏในสายตาของหนูซันทำเทาเย่ใจหล่นวูบ น้องเหมือนไม่เหลือเยื่อใยอะไรให้เขาแล้วจริงๆ มันว่างเปล่า ไร้ความรู้สึก ไร้หนทางที่จะกอบร่างสร้างสัมพันธ์กันได้อีก “……” เมื่อบทสนทนามันจบลงแล้ว หนูซันก็ไม่ควรเสียเวลาให้กับผู้ชายตรงหน้าอีกต่อไป คนตัวเล็กผลักขาบนหน้าตักออกแล้วเตรียมจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ถูกคนพี่รั้งเอาไว้ได้ทัน ร่างสูงใช้ขาแข็งแรงทั้งสองข้างสอดเข้าเกี่ยวเอวเล็กคอดเอาไว้ และรีบพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง เอนซบใบหน้าแห่งความกลัวลงบนไหล่บาง เขากลัวจริงๆนะ กลัวหนูซันจะหันหลังให้เขาจริงๆ กลัวน้องจะทิ้งเขาไปจริงๆ ความอบอุ่นจากแก้มซากบนหัวไหล่ทำหนูซันที่กำลังดิ้นขลุกขลักหยุดชะงัก เสียงถอนลมหายใจของเฮียเทาดังอยู่ใกล้ใบหู อ้อมแขนแกร่งขยับเข้าสวมกอดเอวบางด้วยความทะนุถนอม น้ำเสียงทุ้มแสนมีเสน่ห์เอื้อนเอ่ยขอความเห็นใจ “เฮียรู้ค่ะว่ากิตติกูลมีครบทุกอย่าง เป็นตระกูลเก่าแก่ ชื่อเสียงกว้างขวาง มีอิทธิพลล้นมือ ขนาดพวกแก๊งมาเฟียบางกลุ่มยังต้องให้ความเกรงใจ แม้แต่บ้านเฮียก็ยังต้องก้มหัวให้บ้านหนูเลยในบางเรื่อง แต่หนูซันลองให้โอกาสเฮียสักครั้งไม่ได้เหรอคะ ลองให้เฮียพิสูจน์ตัวเองให้หนูซันดูก่อนได้ไหม ถ้าแต่งงานกันไปแล้วเฮียทำหนูเสียใจ วันนั้นหนูซันจะทิ้งเฮียอย่างหมูอย่างหมาเฮียจะไม่ว่าเลยค่ะ” “หึ! ให้โอกาสเหรอเฮีย เฮียกล้าพูดคำนี้กับเราเหรอ” หนูซันอยากจะใจแข็งให้เก่งกว่านี้สักพันเท่า เขาจะได้ไม่รู้สึกเจ็บกับคำขอโอกาสจากอ้อมกอดอบอุ่นนี่ ดวงตากลมสีอ่อนไหวสั่นหนัก น้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตาเมื่อนึกถึงโอกาสที่เขาเปิดให้คนพี่มาตลอด แต่มันกลับถูกมองข้ามและเพิกเฉย “เฮียมีโอกาสมาตลอด6ปี แต่เฮียไม่เคยมองโอกาสที่เฮียเคยมีเลยสักครั้ง เฮียคิดว่าเฮียคู่ควรกับโอกาสของเราขนาดนั้นเลยเหรอ เฮียถึงกล้ามาขอมันอีกครั้ง” “ค่ะ เฮียคิดว่าเฮียคู่ควรกับมัน จะโอกาสครั้งนี้หรือที่ผ่านมาก็แล้วแต่ เฮียคิดว่าเฮียคู่ควรกับมันทุกโอกาสค่ะ” “ตลกว่ะเฮีย” หนูซันพูดเสียงกลั้วขำ แต่มันกลับสั่นไปด้วยเสียงสะอื้นที่พยายามปิดกั้นไว้ ไหล่บางที่เคยเป็นที่พักพิงของคนตัวสูง ตอนนี้กลับขยับหนีห่าง หนูซันได้เบี่ยงตัวหลบเพื่อหันมาสบตากับคนพี่ เทาเย่ใจแทบร่วงทันทีที่ได้เห็นดวงตาตรงหน้าเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ดวงตาที่เคยสุกใสตอนนี้แดงระเรื่อ วันนั้นหนูซันร้องไห้เพราะรักเขา ขอร้องให้เขารักตอบ ผิดหวังกับการกระทำที่ผ่านของเขา แต่วันนี้หนูซันกลับร้องไห้เพราะอยากไปจากเขา ร้องเพราะพยายามหนีจากเขาแต่เขาไม่ยอมปล่อย… “เฮียนี่มัน…ไม่มีสำนึกเลยจริงๆอะ พูดมาขนาดนี้แล้วเฮียยังคิดไม่ได้อีกอะ ว่าควรทำยังไงกับงานแต่งของเรา เราเหนื่อยจะคุยกับเฮียเต็มทีแล้วว่ะ” “แต่เฮียไม่เหนื่อยค่ะ” “เฮียรู้ตัวบ้างปะ ว่าเฮียอะแม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลยว่ะ!” หนูซันขึ้นเสียงดังใส่ พร้อมกับน้ำตาหยดโตที่ร่วงลงมาบนแก้มนิ่ม เทาเย่อยากจะเอื้อมมือไปปาดมันออกให้ ทว่าหนูซันกลับเบี่ยงใบหน้าหลบฝ่ามือของเขา ทำให้เขาได้แต่เก็บมือกลับมากำหมัดแน่นคนเดียวบนตักตัวเอง “ค่ะ เฮียยอมเป็นคนเห็นแก่ตัว ขอแค่ได้แต่งงานกับหนูซัน ขอแค่ให้หนูซันเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเฮีย ให้หนูซันมาเป็นคนของตระกูลฉาง เฮียยอมเป็นคนทุกแบบ” “แม้แต่เป็นคนที่เราไม่มีวันจะกลับไปรักน่ะเหรอ” “หนูซันเลิกรักเฮียไม่ได้หรอกค่ะ ถึงหนูซันจะเลิกรัก เฮียก็จะทำให้หนูกลับมารักเฮียอีกให้ได้ค่ะ” “…..”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม