เมื่อทั้งเคาะทั้งทุบประตูแล้วไม่ได้ผล เทาเย่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขยับร่างกายที่เมื่อยขบ ปลดเนกไทแสนจะอึดอัดเหวี่ยงทิ้งลงพื้น ถอดเสื้อสูทเนื้อผ้าอย่างดีทิ้งไว้ข้างเท้าแล้ว…ทิ้งตัวลงนอนหน้าประตูห้องหนูซัน!พร้อมกับมือที่นอนกุมขมับไปด้วย
ได้! ในเมื่อไม่ยอมเปิดเขาก็จะนอนตรงนี้อย่างที่หนูซันบอกนั่นแหละ อย่าคิดว่า เทาเย่คนนี้ไม่กล้านอนพื้นแข็งๆนะ เขาจะประชดจนทำให้หนูซันรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เขานอนตรงนี้ให้ดู คอยดูได้เลย!
แต่แทนที่คนตัวเล็กจะรู้สึกผิดที่ปล่อยให้คู่หมั้นรวยหลายหมื่นล้าน ต้องนอนพื้นแข็งๆทั้งที่ตลอดชีวิตนอนบนฟูกนิ่มๆมาจนเคยชิน หนูซันกลับเมินเฉยกับสภาพคนตัวโตนอนขดเป็นลูกหมาหน้าห้อง แล้วเดินข้ามร่างกำยำออกมาจากห้องนอนในเช้าวันถัดมาโดยไม่ได้แยแสอะไรคนพี่เลย
!!!
เทาเย่ ฉาง ลืมตาตื่นมาด้วยความร้อนรน เมื่อประตูที่เขานอนเฝ้ามาทั้งคืนถูกแง้มเปิดไว้ พร้อมกับห้องนอนกว้างไร้เงาเจ้าของ เขานอนชิดประตูมาทั้งคืน การที่หนูซันเดินออกไปจากห้องนี้ได้นั่นก็เท่ากับว่า…
‘หนูซันต้องเดินข้ามตัวเขาออกไป…น้องเดินข้ามเขาเลยเหรอเนี่ย!!’’
.
@คฤหาสน์ตระกูลฉาง
“สวัสดีครับคุณเทาเย่” เหล่าลูกสมุนของ ท่านเจ้าสัว ถังอี้ ฉาง ก้มศีรษะทำความเคารพผู้นำตระกูลรุ่นปัจจุบัน เมื่อร่างสูงได้เดินย่างกรายเข้ามาในเขตคฤหาสน์ฉาง
“ป๊าล่ะ”
“ท่านเจ้าสัวทานมื้อเช้าอยู่ที่ห้องอาหารครับคุณเทาเย่”
คนตัวโตพยักหน้ารับคำตอบ เมื่อรู้ว่าผู้เป็นบิดาอาศัยอยู่ส่วนไหนของ
คฤหาสน์ เทาเย่ก็รีบเดินไปหาทันที นาทีนี้ชีวิตคู่ของเขาต้องมีผู้ใหญ่ที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนช่วยชี้แนะ ปัญหาของเขากับหนูซันมันบานปลายและทับถมกันหนาแน่นจนแยกชั้นไม่ออกแล้ว ขืนปล่อยไว้มันจะยิ่งยุ่งยากมากเกินแก้ไข
“ลมอะไรหอบแกมาไอ้เจ้าเทา สีหน้าแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องเกิดขึ้นล่ะสิ” ผู้เป็นบิดาทักลูกชายเพียงคนเดียวเสียงดุ
ท่านเจ้าสัว ถังอี้ ฉาง วัย50ตอนปลายกำลังนั่งคีบถั่วคั่วเข้าปาก ดูไม่มีท่าทีร้อนรนใจกับสีหน้าไม่สู้ดีของลูกชายเลยสักนิด เทาเย่มองคนตรงหน้าแล้วถอนหายใจ ว่าที่เมียก็เมิน ส่วนป๊าก็สนใจถั่วคั่วในถ้วยข้าวต้มมากกว่าเขาซะอีก เห้ออ! ให้มันได้แบบนี้สิเทาเย่ แต่ถึงจะถูกให้ความสนใจน้อยกว่าถั่วคั่วยังไง เทาเย่ก็ต้องนั่งลงขอคำปรึกษาพลางสำรวจผู้ชายสูงวัยตรงหน้าไปด้วย
นี่ดีนะที่ป๊าเขาแขวนด้ามปืนทิ้งไปหลายปีแล้ว ไม่งั้นเจ้าสัวถังอี้ตรงหน้าคงต้องมานั่งวุ่นวายกับการหาคำปฏิเสธดีๆ ไว้บอกคู่ค้าที่พยายามเอาลูกสาวหรือเด็กสาวแรกรุ่นมาเสนอ เพื่อหวังว่าจะทำธุรกิจกันได้ง่ายขึ้นเป็นแน่ ก็ป๊าเขาน่ะยังไม่ทิ้งคราบความหล่อแบบมาเฟียฮ่องกงไปเลยสักนิด ถึงตอนนี้จะแอบมีพุงยื่นออกมานิดหน่อยก็เถอะ แต่ถ้าใส่สูท ผูกไทด์ แต่งตัวเต็มยศขึ้นมา ก็กลับมาโซฮ็อตเรียกสาวๆได้ไม่ยากเลย
“ใช่ ผมมีเรื่อง แล้วผมก็จะมาปรึกษาป๊าด้วย”
“เรื่องที่แกจะปรึกษาเนี่ย ใช่เรื่องที่หนูซันให้แกนอนหน้าห้องเมื่อคืนหรือเปล่า” เจ้าสัวถังอี้แซวลูกชายอารมณ์ดี ผิดกับคนถูกแซวที่นั่งหน้าหงิกกับเหตุการณ์ไม่คืนไม่หาย
ไม่เปิดให้เข้าไปนอนไม่ว่า แต่นี่ยังจะไม่รู้สึกผิดแถมยังมาเดินข้ามตัวเขาออกไปอีก หนูซันนะหนูซัน!
“ป๊ามันไม่ตลกเลยนะ” เทาเย่ดุคนโตกว่า แทนที่ป๊าจะเห็นใจเขากลับมานั่งถามแล้วหัวเราะซะได้! “หนูซันไม่ยอมเข้าใจอะไรผมเลยป๊า ทั้งๆที่ทุกสิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันเนี่ย ผมทำเพื่อเขาทุกอย่าง ป๊าก็เห็นป๊าก็รู้”
“ฉันรู้แล้วมันยังไง แกเคยบอกหนูซันหรือยัง ว่าไอ้ที่ทำอยู่ทุกวันเนี้ย แกทำ
เพื่อเขาทั้งหมด”
“….” คนถูกถามนั่งเงียบ ไม่มีคำตอบอะไรให้ผู้เป็นบิดา
“หึ! ไม่เคยล่ะสิท่า แกมาโวยวายกับฉันมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกไอ้เทาเย่” ถังอี้ใช้ตะเกียบยาวในมือชี้หน้าลูกชายตัวดี
ตัวเองอยากปากหนักไม่พูดเอง พอเรื่องมันแย่ก็วิ่งโร่มาระบายให้เขาฟัง แทนที่จะหันหน้าคุยกับคู่หมั้นตัวเอง นี่ขนาดเขาไปขอให้หนูซันย้ายมาอยู่กับลูกชายเขาแล้วนะ เจอหน้ากันทุกวันแทนที่ความสัมพันธ์มันจะดีขึ้นดันแย่ลง! ไอ้ลูกเวรเอ๊ย!
“บางเรื่องผมก็ยังบอกหนูซันตอนนี้ไม่ได้ไหมอะป๊า ถ้าเกิดหนูซันรู้ต่อให้เอาช้างมาฉุด น้องก็ไม่ยอมแต่งงานกับผมแน่ๆ”
“ไอ้ที่ยังบอกตอนนี้ไม่ได้เนี่ยเรื่องไหน เรื่องพ่อกับแม่หนูซัน หรือเรื่องอามีนที่แกยังหาตัวเขาไม่เจอ”
“ก็….ทั้งหมดนั่นแหละป๊า”
ทุกเรื่องที่มันสร้างความร้าวฉานให้กับความสัมพันธ์ของเขากับหนูซันตอนนี้เนี่ย มันดันเป็นเรื่องหนักหนาที่ไม่สามารถบอกหนูซันได้สักเรื่องเดียว และถึงบอกไปก็ใช่ว่าคนตัวเล็กจะเข้าใจเขาได้ภายในวันสองวันซะด้วย
“แกรู้ไหมว่าอะไรคือสิ่งที่ฉันทำผิดพลาดที่สุดในชีวิต” ถังอี้เงยหน้าขึ้นมาถามลูกชาย “คือการที่ฉันเอาแต่ทำเพื่อม๊าแก แต่ไม่เคยบอกเหตุผลอะไรให้ฟังเลย จนม๊าแกจากไปนั่นแหละฉันถึงได้รู้ ว่าไอ้การกระทำมันไม่ได้ชัดเจนกับทุกๆเรื่อง บางเรื่องมันต้องใช้เสียงบอกด้วย การกระทำมันต้องควบคู่กันไปกับคำพูด คนสองคนมันถึงจะรักและเข้าใจกันได้”
“….”
“และสิ่งที่ฉันรู้สึกว่าเป็นความผิดพลาดที่สุดจริงๆในชีวิตนี้เนี่ย แกรู้ไหมว่ามันคืออะไร”
“ผมจะรู้กับป๊าไหมล่ะ ผมไม่ใช่อับดุลนะ ที่ป๊าถามแล้วผมจะตอบได้เลย”
“เออ! สิ่งที่ผิดพลาดและบาปมหันต์เลยของฉัน คือการที่ฉันต้องมีลูกแบบ
แกนี่ไงไอ้เทาเย่ ไอ้ลูกเวร ถ้าฉันไม่ได้หนูซันมาเป็นลูกสะใภ้ แกก็เตรียมตัวเปลี่ยนนามสกุลแล้วออกจากตระกูลฉางไปได้เลย”
พูดแล้วก็ขึ้น! ทำไมลูกชายเพียงคนเดียวที่เขามีมันถึงได้โง่ดักดานแบบนี้นะ อุตสาหาคนที่เพียบพร้อมและดีที่สุดมาให้แล้วแท้ๆ ดันโง่หาวิธีปรับความเข้าใจกับเขาไม่เป็น! โง่จนตัวเขาเองก็สงสัยว่าไอ้ลูกที่เลี้ยงมานี่คือลูกคนหรือว่าลูกควาย!
“ป๊า! นี่ผมเป็นลูกป๊าจริงไหมเนี่ย? ถ้าป๊าไม่ให้ผมดูแลธุรกิจป๊าจะให้ใครดูแล”
“ฉันก็ให้หนูซันดูแลไง”
“ป๊าบ้าหรือเปล่าเนี่ย! หนูซันตัวนิดเดียวจะให้มาดูแลธุรกิจของป๊าเนี่ยนะ”
“เหอะ!” ถังอี้ยิ้มขำมุมปาก ใจหนึ่งก็อยากเอาตะเกียบแทงปากลูกชายสุดโง่ให้ตายห่าไปเลย อีกใจก็เสียดายแรงที่ต้องลุกเอาตะเกียบไปแทงมัน รู้สึกว่าเป็นการใช้แรงที่เปล่าประโยชน์ที่สุด “หนูซันน่ะเก่งกว่าที่แกคิดนะไอ้เทา เผลอๆนะ แกปล่อยให้หนูซันดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง หนูซันอาจจะทำมันได้ดีกว่าแกด้วย”
“ดูป๊ามั่นใจกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้จังเลยนะ”
“ฉันก็มั่นใจแบบที่ฉันมั่นใจในตัวแกนั่นแหละ ถ้าแกไม่เชื่อแกก็บอกความจริงกับหนูซันสิ แล้วปล่อยให้หนูซันจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองดู อย่างน้อยๆว่าที่ลูกสะใภ้ฉันก็ทำจอมเจ้าชู้อย่างแกนอนหน้าห้องได้ก็แล้วกัน ฮ่า! ฮ่า!” ถังอี้พูดจบก็ระเบิดหัวเราะเสียงดัง เมื่อนึกถึงรูปที่คนของเขาที่ส่งไปดูแลคฤหาสน์กิตติกูลส่งมาให้ดู
เทาเย่ ฉาง ที่คุมลูกน้องเป็นพันชีวิตต้องมานอนปวดหลังบนพื้นแข็งกระด้างเพราะว่าที่เมียไม่ให้เข้าห้อง!
ในขณะที่ถังอี้นั่งขำสะใจ เทาเย่กลับนั่งเครียดกับปัญหาที่เขาต้องแบกรับไว้ จะบอกหนูซันตอนนี้ก็ไม่ได้ ปัญหาทุกอย่างมันจะง่ายขึ้นทันที…ถ้าหากหนูซันแต่งงานกับเขาให้มันเป็นเรื่องเป็นราวไป เพราะฉะนั้น….
“ป๊า! ผมอยากแต่งงานให้เร็วที่สุด!”
.
@คฤหาสน์กิตติกูล
“พอดีซันมีเรื่องอยากคุยกับคุณพ่อน่ะครับ คุณพ่อไม่มีเวลาว่างคุยกับซันเลยเหรอครับ แค่5นาทีก็ไม่มีเลยเหรอ คุณพ่อยุ่งตลอด3ปีไม่มีเวลาพักเลยเหรอครับคุณแม่” เสียงใสปนความตัดพ้อเอ่ยถามผู้เป็นมารดาที่อยู่ปลายสาย
[คุณพ่อติดประชุมอยู่นะคะคุณลูก หนูบอกแม่ก็ได้นะ เดี๋ยวแม่บอกกับคุณพ่อเขาให้เองค่ะ]
“แต่หนูซันอยากคุยกับคุณพ่อครับ หนูซันคิดถึงคุณพ่อ คุณพ่อไม่คิดถึงหนูซันเลยเหรอครับ ไม่อยากรู้เลยเหรอว่าหนูซันอยู่ยังไง หนูซันเป็นยังไงบ้าง เฮียเทาดูแลหนูซันดีหรือเปล่า คุณพ่อไม่สนใจหนูซันเลยเหรอครับ” หนูซันปล่อยคำพูดตัดพ้อออกมามากมาย
หลังจากคุณพ่อกับคุณแม่ต้องเดินทางไปขยายธุรกิจในประเทศแถบยุโรป เขาก็ถูกย้ายมาอยู่กับเฮียเทาอย่างปฏิเสธไม่ได้ แถมเวลาตลอดเกือบ3ปีที่ผ่านมา พวกท่านก็ไม่เคยบินกลับเมืองไทยมาเยี่ยมเขาเลยสักครั้ง ได้แต่โทร.คุยกันเพียงอย่างเดียว แต่โทร.ไปทีไรหนูซันก็ได้คุยแค่กับคุณแม่เท่านั้น เพราะคุณพ่อไม่เคยว่างมารับสายเขาได้เลย…
“งั้นแค่นี้ก่อนนะครับคุณแม่” หนูซันรีบกดวางสายก่อนที่ตัวเองจะร้องไห้ออกมาเพราะความน้อยใจที่ถูกละเลย
คุณพ่อกับคุณแม่ไม่เคยละเลยเขาแบบนี้มาก่อน ทำไมตอนนี้ถึงได้ห่างเหินเหมือนจะทิ้งเขาไว้ที่เมืองไทยแบบนี้ล่ะ ความคิดต่างๆมากมายไหลเข้ามาให้คนตัวเล็กฟุ้งซ่านไม่หยุด หรือว่าคุณพ่อกับคุณแม่มีปัญหากัน พวกท่านอาจจะแยกกันอยู่ หรือพวกท่านหย่าขาดจากกัน ครอบครัวที่เคยอบอุ่นของเขามันถึงห่างเหิน เหมือนพร้อมจะแตกหักสลายไปแบบนี้กันนะ
!!!
แต่แล้วความคิดต่างๆมากมายของหนูซันก็ต้องมีอันสงบลง เมื่อมีคนตัวโตมายืนกอดอกมองดูอยู่ไม่ไกลนัก ทันทีที่เห็นเทาเย่หนูซันก็มองคนพี่ตาขวาง แบบที่ไม่เคยกระทำมาก่อน จนคนถูกมองก็อดสงสัยออกมาไม่ได้