‘ไม่สำเร็จเหรอแจ้ ได้ไงเนี่ย’
‘ฉันว่าอมพระมาพูด ตี้มันก็ไม่ยอมแล้วแหละ’
‘อะไรวะ’ ชายหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดหลุดปากบ่นลอย ๆ แต่ดูเหมือนคนในสายต้องรับไปเสียอย่างงั้น
‘จะบ่นให้ได้อะไรขึ้นมา! แกก็ทำเขาไว้เจ็บแสบพอตัวเลยนะแล้วจะมาฟูมฟายเอาอะไรตอนนี้’
‘เอ่อ...ขอโทษนะแจ้ ปิงไม่ได้ตั้งใจแต่ขอบคุณแจ้มากนะมีอะไรจะโทรไปปรึกษาแล้วกัน’
ปรึกษาหรือยัดปัญหากันแน่ล่ะ สำหรับลภัทร์ผลลัพธ์ย่อมสำคัญกว่าวิธีการเสมอ เขากดตัดสายโยนโทรศัพท์ไว้บนลิ้นชักข้างเตียง ล้มตัวลงนอนบนฟูกหนา แล้วต้องใช้วิธีไหนเกลี้ยกล่อมอดีตแฟนสาวพลางนึกถึงวันวานที่เคยมีกันและกัน เขายอมรับผิดที่คิดว่าเธอคือของตาย ช่างโง่เขลา... เพิ่งมาเห็นคุณค่าในวันที่สายไปเช่นนี้
หัวใจของเขายังคงโหยหาปาราวตีเสมอมา
วันรุ่งขึ้นลภัทร์แวะไประบายอารมณ์ที่คั่งคาจิตใจด้วยการซ้อมยิงปืน ลูกกระสุนพวยพุ่งจากรังเพลิงปลอกกระสุนทรงยาวร่วงเกลื่อนพื้นจำนวนนับไม่ถ้วน เสียงดังสนั่นทั่วบริเวณ สมาธิแน่วแน่ สายตาอันเฉียบคมแม่นยำเหตุใดครั้งนี้กลับต่างออกไป ลภัทร์ถอดที่ครอบหูออกพลางถอนหายใจแรง
“วันนี้ปิงดูไม่ค่อยมีสมาธิเลยนะ” ครูฝึกประเมินผลงานจากเป้ากระดาษ ปกติศิษย์เอกจะไม่ยิงกระจัดกระจายนอกกรอบมากมายเช่นนี้
“เหรอครับ คงเพราะมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”
“สงบสติอารมณ์ไว้ ปิงเป็นคนเรียนรู้อะไรได้เร็วนะแต่จุดอ่อนของปิงคือความใจร้อน รู้ตัวหรือเปล่า...พยายามแก้ไขจุดนี้นิดนึงนะ”ลภัทร์ไม่ทันฟังสิ่งที่ครูฝึกตั้งใจจะบอกกล่าวต่อเลย เขาสะดุดกับคำว่าจุดอ่อนเข้าแล้ว
‘จุดอ่อน จุดอ่อนของตี้อยู่ที่ไหน คิดสิ!’
เหตุใดลภัทร์จึงมุ่งมั่นเช่นนี้
ปาราวตีกอดอกเดินวนไปมาบนระเบียงบ้านยามเช้า คำแก้ต่างจากพิมพ์ผกาเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ ทุกอย่างยิ่งตอกย้ำให้ย้อนนึกถึงวันเก่า ๆ ระหว่างเขาและเธอ
‘…เพราะตี้ชอบความหมายของมัน ที่แปลว่าตลอดกาลเหมือนชื่อเล่นตี้เลย อินฟินีตี้’
ปาราวตีส่ายศีรษะไล่มโนทัศน์เหล่านั้น ขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตขนปุยย่างเท้าเงียบเชียบลอดประตูสำหรับแมวเข้ามา กระโดดขึ้นเตียง ล้มตัวลงนอน ได้เวลาเจ้าร่ำรวยพักผ่อนหลังมื้อเช้าแล้ว
“ความรัก...ที่หล่อเลี้ยงหัวใจเรา มีแค่มือเปล่าก็ปีนเขาถึงยอดได้...ใช่มั้ยร่ำรวย”
ปาราวตีพูดพลางกระชับวงแขนกอดเจ้าเหมียวอ้วนเพื่อนรักให้แน่นขึ้น การสัมผัสสัตว์เลี้ยงช่วยเธอคลายความวิตกกังวลได้อย่างน่ามหัศจรรย์
“เดี๋ยวไว้จะพาเพื่อนใหม่มาให้รู้จักนะ เราบังเอิญพบกันตั้งสองรอบเชียวแหละ เขาทำให้ตี้คิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลาเลย ตอนนี้ก็ยังคิดถึงนะ”
ปาราวตีหันมองจอโทรศัพท์ข้างหัวนอน อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอนตัวลงนอนไปพร้อมกับเจ้าร่ำรวย
หลายวันต่อมาชยัญต์รีบบึ่งรถออกจากออฟฟิศตอนช่วงพักเที่ยง เมื่อปาราวตีแนะนำร้านอร่อยย่านบางลำพูซึ่งไม่ไกลจากโฮสเทลเท่าไหร่นัก ระหว่างทางเขาหยิกแขนตัวเองไปพลางเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใช่ความฝันเหมือนที่แล้วมา ใช้เวลาไม่นานเกินรอ สาวร่างบางกับเอกลักษณ์ประจำตัวที่คุ้นตายืนโบกมือไหว ๆ หน้าร้านที่นัดหมาย
หมูตุ๋นสะท้านยุทธภพ
“ตี้มาทานร้านนี้บ่อยเหรอ”
“เรียกว่าโตมากับร้านนี้เลยแหละ แม่พามาตั้งแต่เด็กตอนขึ้นมัธยมปลายหลังเลิกเรียนตี้ก็แวะซื้อกลับบ้านไปฝากแม่ประจำ โดนใช้ให้หิ้วยันเรียนจบเลย”
“งั้นต่อไปนี้เแท็ปอาสาเป็นคนซื้อไปฝากเองนะ จะฝากกับมือเลย โอเคปะ” ชยัญต์เลิกคิ้วอย่างสนใจพร้อมรอยยิ้มขี้เล่นน่ารัก
“ได้สิกำลังหาคนช่วยเอาไปฝากพอดี”
“จริงหรอ วันนี้เลยก็ได้นะ” น้ำเสียงสุดกระตือรือร้นรีบถามถึงเมนูโปรดของผู้ใหญ่
“แต่...แม่ตี้อยู่เยอรมนีนะ แท็ปมีวีซ่าหรือยัง ถ้ายังไม่มีก็ไปทำเรื่องก่อนนะเดี๋ยวเข้ายุโรปไม่ได้”
“อ้าว! อยู่คนละทวีปเลยกว่าจะไปถึงบูดคาถุงแน่ ๆ แล้วตี้อยู่ไทยคนเดียวเหรอ”
“ใช่ค่ะ! เอ...ไม่สิอยู่กับแมวต่างหาก หนึ่งคนกับหนึ่งตัวที่บ้าน ตี้โตแล้วดูแลตัวเองได้”
เธอเล่าว่ามารดาได้แต่งงานใหม่กับวิศวกรชาวเยอรมันหลังจากปาราวตีสำเร็จการศึกษา นางลงมือปรับปรุงห้องแถวไม้เก่าให้เป็นโฮสเทลแล้วยกให้ลูกสาวเป็นคนบริหารจัดการ
“โจฮันดีกับแม่มากเลยนะ เขาช่วยเอาภาพวาดของตี้ไปฝากจัดแสดงที่หอศิลป์ที่บ้านเขาด้วย ช่วยขายอีกต่างหาก แม่ยังบอกอีกนะว่าเขาเหมือนหมอดูตาทิพย์เลย เขารู้เรื่องราวของตี้ผ่านรูปภาพพวกนั้นจากสีสันกับฝีแปรง น่ามหัศจรรย์มั้ยล่ะ”
ชยันต์มองหญิงสาวเบื้องหน้าเปิดปากเล่าเรื่องธุรกิจและงานอดิเรกที่เธอรัก เขาสัมผัสได้ว่าผู้หญิงคนนี้มีความฝันและกำลังวิ่งตามสิ่งที่ตนเองปรารถนาอยู่ตลอดเวลา ใครบ้างไม่อยากเป็นคนพิเศษของเธอ
“แล้วคุณแม่มีแผนจะกลับมาไทยหรือเปล่า”
“ท่าจะยังนะอยู่ที่นั่นมีความสุขน่าดู หน้าหนาวเล่นไอซ์สเก็ตบ้าง สโนว์บอร์ด หน้าร้อนว่าง ๆ ก็ล่องเรือยอร์ช ชีวิตดี๊ดีสองคนสามีภรรยา ปล่อยลูกสาวเฝ้าบ้านเหงาหงอย”
“หลังจากนี้คงไม่เหงาแล้วล่ะ จะวุ่นวายให้หายเหงาเลยตกลงปะ”
“ตกลงก็ได้ แท็ปจะโทรมาวุ่นวายก็ได้นะ ตี้อนุญาต”
ชายหนุ่มยิ้มกรุ่มกริ่ม พยักหน้ารับเบา ๆ พักกลางวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชยันต์ต้องหวนคืนสู่การทำงานอีกครั้งอย่างอิ่มเอมใจที่สุดในรอบหลายปี
ยามบ่ายคล้อยวันเดียวกัน ปาราวตีรับโทรศัพท์นัดหมายล่วงหน้าจากใครคนหนึ่งจากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมงรถมินิแวนสีดำติดฟิล์มทึบมืดทั้งคันเคลื่อนมาจอดหน้าโฮสเทล เธอยิ้มกว้างกระวีกระวาดลุกไปเปิดประตูรับผู้มาเยือนวัยกลางคนที่มีของฝากติดไม้ติดมือมาด้วย
“พี่น้อยสวัสดีค่ะ” หญิงสาวพนมมือไหว้อย่างนอบน้อม “ไม่เห็นต้องมาเองเลย ตี้แวะไปรับก็ได้นะคะ ตี้รู้ว่าช่วงนี้งานที่กระทรวงเยอะมากเลย”
“สวัสดีครับคุณตี้ ไม่รบกวนเลยครับ อันที่จริงท่านอยากมาด้วยตัวเองแต่ท่านปลีกตัวจากภารกิจไม่ได้จริง ๆ นี่ของฝากครับ ท่านทราบว่าคุณตี้ชอบดื่มไวท์ ท่านเลยจัดขวดที่ดีที่สุดมาให้ถือเป็นการตอบแทนสำหรับภาพวาดด้วย”
‘ท่าน’ผู้ที่ทั้งสองกำลังกล่าวถึงคือ วุฒิ อุดมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เขาไหว้วานให้ผู้ช่วยนำเครื่องดื่มมูลค่าสูงยี่ห้อดังมาส่งให้ถึงมือหญิงสาวผู้น่าเอ็นดูคนนี้ หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาวุฒิได้เป็นประธานการเจรจานโยบายระหว่างประเทศแบบทวิภาคีกับเหล่าผู้แทนจากประเทศญี่ปุ่น ข้อตกลงเป็นที่น่าพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้นแขกบ้านแขกเมืองยังได้รับมอบภาพวาดที่ถูกสังสรรค์ด้วยสีน้ำมันโทนสว่างสดใสเป็นรูปยักษ์วัดแจ้งและยักษ์วัดโพธิ์เคียงคู่กันบนผ้าใบผืนใหญ่เป็นของที่ระลึกอีกด้วย
วุฒิเลือกผลงานจากศิลปินผู้ไม่ประสงค์ออกนามแทนศิลปินชื่อดัง
ศิลปินที่มีลายเซ็นเป็นสัญลักษณ์อินฟินิตี้บนมุมล่างขวาของภาพ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วุฒิไหว้วานให้ศิลปินผู้นี้วาดภาพ ปาราวตีไม่เคยรับสิ่งตอบแทนในรูปเงินทองจากเขา ครั้งหนึ่งเธอเคยได้รับแคชเชียร์เช็คแต่เธอนำไปขึ้นเงินแล้วแบ่งบริจาคในมูลนิธิการกุศลต่าง ๆ แทน
“ตี้เต็มใจค่ะ ภูมิใจมากด้วยที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจเพื่อประเทศด้วย ยังไงฝากกราบขอบคุณคุณลุงด้วยนะคะที่เมตตาตี้มาตลอด”
“วันคล้ายวันเกิดของท่านเดือนหน้า คุณตี้สะดวกไปร่วมอวยพรท่านมั้ยครับ”
“ตี้ส่งกระเช้าดอกไม้ไปดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเป็นประเด็นให้คุณลุงกังวลใจอีก”
“ผมเข้าใจครับ ครั้งก่อนท่านสั่งสืบสาวแล้วส่งฟ้องสำนักข่าวนั้นเลย”
สี่ปีที่แล้วในงานเลี้ยงรับรองวันคล้ายวันเกิดของเขา ครั้งแรกที่ปาราวตีได้ถ่ายรูปร่วมกับวุฒิและทุกสิ่งคล้ายจะปกติดี แต่กลับเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงในเวลาต่อมา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับเมียเก็บรุ่นลูก
ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างคนใหญ่คนโตของบ้านเมืองกับหญิงสาวธรรมดา...จำต้องถูกเก็บเป็นความลับต่อไป
ลภัทร์เหยียดยิ้มมุมปากทันที่ที่นึกออกว่าอะไรที่จุดอ่อนของอดีตแฟนสาว เขาหาโอกาสอันเหมาะเจาะช่วงที่ปาราวตีไม่อยู่บ้านและเจ้าร่ำรวยกำลังนอนหงายท้องแผ่หลาอาบแดดอุ่นอยู่หน้าบ้าน ชายหนุ่มสืบเท้าเข้าใกล้ นั่งยองที่ประตูรั้วพยายามใช้ความคุ้นเคยหลอกล่อเจ้าแมวตัวกลม
“เมี๊ยว เมี๊ยว มานี่เร็วร่ำรวย เมี๊ยว!”
ร่ำรวยคล้อยหน้ากลมแป้น ม่านตาหรี่เป็นขีดเส้นตรง ไล่มองตามเสียงเรียกหาแล้วนอนนิ่งไม่ไหวติงดั่งทองไม่รู้ร้อนช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่คาดเดายากยิ่ง คนหน้ารั้วเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดหวั่นไปพลาง
“เมี้ยว ร่ำรวย ร่ำรวย เมี้ยว!”
คิดจะเกมทดสอบความอดทนก็ไม่บอก เอาสิ ใครจะทนได้นานกว่ากัน เจ้าร่ำรวยจ้องเขม็งส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มายังลภัทร์ที่เริ่มมีท่าทีกระวนกระวายและปวดเมื่อยจากการนั่งย่อเข่า
กระทั่งผ่านไปหลายนาที
“เห้ย! ทีเมื่อก่อนไม่เรียกก็มาหานะ ตามจนจะสิงกันอยู่แล้ว ตอนนี้เรียกทำไมไม่มาวะ หูหนวกหรือไง!”
ลภัทร์เกาะรั้วเหล็กดัดร้องเรียกจนหมดความอดทน มันก็หาได้สนใจเขาไม่พลางสะบัดหางยาวฟูไปมาบนพื้นเหมือนกำลังเย้ยหยันอีกฝ่าย ลภัทร์จำต้องงัดไม้ตายสุดท้ายออกมาแล้วมันได้ผล เป้าหมายพยุงร่างต้วมเตี้ยมขึ้นจากพื้น วิ่งตรงปรี่เข้าหา
“ตี้เอาอะไรให้กินเนี่ย แมวหรือหมูวะ” เขาบ่นไปพลางระหว่างอุ้มเจ้าร่ำรวยขึ้นรถแล้วป้อนเม็ดนมสำหรับแมวให้มันไปหลายชิ้น ทีนี้ตัวประกันอยู่ในมือแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็แค่...รอเจ้าของมาไถ่ตัวกลับไป
‘ตี้กรี๊ดบ้านแตกแน่ ๆ แต่ช่วยไม่ได้บังคับให้พี่ปิงทำเองนะ’
เป็นเรื่องปกติถ้าปาราวตีไม่เจอเจ้าร่ำรวยในบ้านเพราะบ่อยครั้งที่มันชอบแวะไปนอนเล่นที่บ้านเพื่อนบ้านหลังใดหลังหนึ่ง ทุกคนในละแวกทราบโดยทั่วกันว่าปาราวตีคือเจ้าของแมวขาใหญ่คุมซอยตัวนี้ แต่แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นปาราวตีก็ยังไม่เห็นเงาเจ้าร่ำรวย
“ป้าคะ เมื่อคืนร่ำรวยมาที่บ้านหรือเปล่า”
“ไม่เห็นนะตี้ เห้ย! พวกเอ็งเห็นแมวของตี้เขามั้ย” ทุกคนพร้อมใจส่ายหน้าโดยมิได้นัดหมาย ปาราวตีจึงเดินตามหาตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย จนเริ่มไม่สบายใจและได้พบคำตอบที่ต้องการ
“อ๋อ! ไอ้อ้วนดำเหรอ เมื่อวานผมเห็นอยู่นะ แฟนพี่มาพามันขึ้นรถไปนะ”
“แฟนเหรอ บ้าน่ะ ฉันไม่มีแฟนสักหน่อย”
“แฟนพี่คนตี๋ ๆ ล่ำ ๆ ที่มาหากันบ่อย ๆ ไง ไม่เจอกันตั้งนาน ขับรถเบนซ์รุ่นใหม่ป้ายแดงอย่างเท่เลยอะ...”
กรี๊ด! คนชี้เบาะแสยกนิ้วอุดหูแทบไม่ทันเมื่อปาราวตีแผดเสียงดังแสบแก้วหูขึ้น พวกไม่รู้เบื้องหลังมาชมให้ได้ยินแบบนี้คนฟังจะบ้าตาย
“ไอ้ปิงมึงเอาแมวกูไปไหน!”
ลภัทร์จะใช้วิธีโง่ ๆ เช่นนี้ไปเพื่ออะไร ปาราวตีเกิดความวิตกกังวลจนคิดผูกเรื่องราวไปต่าง ๆ นานาว่าลภัทร์อาจจับร่ำรวยใส่กรงแล้ววางให้หมาจรจัดทั้งฝูงรุมเห่าใส่จนขาดใจตายหรือให้มันวิ่งเป็นเป้าซ้อมยิงปืนเคลื่อนที่ แม้กระทั่งจับขึงกำแพงเอาน้ำเย็นสาดทรมานจนช็อกตาตั้งไปหรือเอาไปปล่อยวัดแล้ว...!
ขณะนั้นปาราวตีได้รับข้อความเย้ยหยันและรูปถ่ายชวนคลั่งจากลภัทร์ เธอก่นด่าอีกฝ่ายสารพัดเท่าที่จะนึกออก รีบสตาร์ทรถคู่ใจมุ่งหน้าไปยังห้างทองอมรกุลสาขาเยาวราชทันที