สิบวันที่ โดนัลด์ เลิฟ ปล่อยให้ปาจรีย์อยู่ฮาวายกับมารดาของตัวเองโดยไม่ยอมส่งข่าวหรือติดต่อกลับมาสักครั้ง เวลาทั้งหมดของหญิงสาวจึงอยู่กับการเข้าครัวและพักผ่อนในคฤหาสน์สุดหรูท่ามกลางการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมจากมาดามมาเรียม หญิงสาวรู้สึกได้ว่านางเอ็นดูเธอ คงจะเป็นเพราะความเหงาที่ต้องอยู่กับบรรดาสาวใช้ เมื่อมีเพื่อนคุยจึงทำให้นางสดชื่นแจ่มใสขึ้น
หญิงสาวย่อตัวลงบนเตียงริมชายหาด พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้าไป ที่นี่สวยดุจสวรรค์บนดิน หากจะคิดในอีกแง่มุมหนึ่ง เธอคงไม่มีโอกาสได้พักผ่อนยาวนานขนาดนี้ แต่อีกใจก็นึกโมโหเจ้านายจอมเผด็จการ ถ้าเธอไม่ได้ทำงานคงอดตายเข้าสักวัน เธอไม่ได้เป็นคนมีเงินถุงเงินถังจนสามารถหยุดยาวได้เช่นนี้
นางปรานีเองก็ไม่ได้โทร.กลับหาลูกสาว นางมักเป็นอย่างนี้เสมอ หากมีเรื่องจำเป็นจริงๆ คนเป็นลูกต้องโทร.ย้ำๆ ถ้าโทร.เพียงครั้งเดียวนางจะคิดว่าไม่มีเรื่องอะไรใหญ่โต และตอนนี้คงยุ่งอยู่กับงานที่ร้านจนแทบไม่มีเวลาพักเหมือนเคย ในใจของหญิงสาวก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้กลับไปช่วยตามคำร้องขอของมารดา เธอได้แต่บอกตัวเองในใจว่าขอเวลาอีกหน่อย
ปาจรีย์ยกขาขึ้นวางพาดบนเตียงพร้อมกับโน้มตัวลงนอนพิงกับพนัก เลื่อนแว่นกันแดดที่อยู่บนศีรษะลงมาปิดเปลือกตาก่อนจะปิดตาลง
เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ ดังแทรกขึ้น นี่คงจะเป็นสายแรกในรอบสิบวันที่โทรศัพท์ของเธอทำงาน จนบางทีเธอก็ลืมไปแล้วว่ามีมันอยู่ข้างๆ แม้ไม่มีคนโทร.หา แต่ก็ไม่ลืมหยิบติดมือมาตลอด
หญิงสาวรีบคว้าเครื่องมือสื่อสารที่ส่งเสียงหวีดร้องบนโต๊ะขึ้นมาดูเบอร์ ทันทีที่เห็นเบอร์ก็เกิดรอยยิ้มพอใจบนดวงหน้าของเธอ
“ไฮ เฮเลน” หญิงสาวส่งเสียงใสทักกลับไป
“ว่าไงแม่กวางน้อย ตอนนี้เธออยู่ไหน ขอโทษทีที่เพิ่งโทร.กลับ พอดีฉันเพิ่งเห็นว่าเธอโทร.มา”
ปลายสายถามกลับมาด้วยน้ำเสียงแช่มชื่น แน่ละเฮเลนกำลังอยู่ในช่วงฮันนีมูนกับสามี
“ไม่เป็นไร ฉันเองก็ต้องขอโทษด้วยที่โทร.ไปรบกวน เพิ่งนึกได้ว่าเธออยู่ในช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีหล่อแซบ” ปาจรีย์เย้าเพื่อน
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เธอก็รู้ว่าฉันกับแมคคบกันมากี่ปีแล้ว แม้จะเพิ่งแต่งงานแต่ความหวานของเราก็ยังมีเหมือนเดิมไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่เธอเข้าใจหรอกนะ” หญิงสาวตอบกลับเพื่อนไป เฮเลนกับแมคเป็นเพื่อนของเธอทั้งคู่ และที่สำคัญที่สุดทั้งสองคนเป็นแฟนกันได้เพราะปาจรีย์
“เธอยังไม่ได้ตอบฉันเลยว่าตอนนี้เธออยู่ไหน หรือว่ามีข่าวอัพเดตเรื่องพ่อหนุ่มอันโตนิโอของเธอ เขารับรักเธอแล้วใช่ไหม” เฮเลนถามอย่างตื่นเต้น เพราะมีอยู่เรื่องเดียวที่ปาจรีย์จะยอมโทร.หาเธอก่อน นั่นคือข่าวคราวของอันโตนิโอที่อีกฝ่ายทนเก็บความรู้สึกตื้นตันดีใจไว้คนเดียวไม่ไหว
“เปล่า ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของอันโตนิโอ แต่ถ้าจะพูดไปเขาก็มีส่วนอยู่นะ” ปาจรีย์ตอบอ้อมแอ้ม
“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหนจ๊ะเพื่อนเลิฟ น้ำเสียงของเธอเหมือนคนผ่านการพักผ่อนมาแล้วอย่างเต็มที่ ทั้งที่เวลานี้เธอต้องกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการหาช่วงจังหวะเข้าไปเทก-แคร์พ่อหนุ่มนักกีฬาสุดที่รักของเธอ”
“ฉันอยู่ฮาวาย” หญิงสาวตอบกลับไปเสียงเบา แต่คนปลายสายกลับส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
“ว้าวๆ เธอไปอยู่ฮาวายได้ยังไง ตอนนี้ฉันก็อยู่ฮาวายเหมือนกันนะ” เสียงของเฮ-เลนร้องอย่างตื่นเต้น
“อ้าว ทำไมเธออยู่ฮาวายล่ะ ตอนนี้เธอควรที่จะช็อปปิ้งอยู่ปารีสไม่ใช่เหรอ” ปาจรีย์เย้าเพื่อนทีเล่นทีจริง
“พอดีว่าแมคแวะมาหาเพื่อน เรามีกิจกรรมพิเศษบนเรือ ทริปฮันนีมูนของเราเลยถูกเปลี่ยนนิดหน่อย เธอจะมาร่วมแจมกับเราไหม พอดีว่าเพื่อนของแมคจะจัดทริปพิเศษให้เรา”
“ก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าหากจะไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของเธอจนเกินไป” ในใจลึกๆ ของปาจรีย์รู้สึกดีไม่น้อยที่เพื่อนสาวเอ่ยปากชวน แต่เธอก็ยังเกรงใจแมคเพื่อนสนิทของเธออีกคนและยังมีสถานะเป็นสามีของเพื่อนรัก
“ไม่เลย เราจะจัดปาร์ตี้ให้สนุกสุดเหวี่ยง”
“เธอหมายถึงไม่ได้มีแค่เราใช่ไหม” ปาจรีย์ย้ำถามเพื่อนอีกครั้ง
ปลายสายหัวเราะออกมาเสียงร่าเริง ขำในความไร้เดียงสาของเพื่อนสาว “โถ...แม่สาวทึนทึก แม่คนไม่รับรู้เรื่องสังคมภายนอก แม่คนหัวใจเด็ดเดี่ยวผูกติดอยู่กับผู้ชายคนเดียว คำว่าปาร์ตี้มันก็ต้องมีหลายคนอยู่แล้วสิจ๊ะสาวน้อย”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ไปดีกว่า”
“ไม่ได้นะ ถ้าฉันรู้ว่าเธออยู่ฮาวายตั้งแต่ต้น ฉันจะจัดทริปให้เธอพิเศษ”
“ทริปพิเศษอะไร”
“เอาเป็นว่าฉันดีใจที่สุดที่เธออยู่ฮาวาย แล้วก็ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด ส่งพิกัดของเธอมาฉันจะให้คนไปรับ” เฮเลนบอกย้ำกึ่งสั่ง
เท่าที่ปาจรีย์รู้ แมคอยู่ในวงสังคมชั้นสูง แต่ด้วยความเป็นส่วนตัวและให้เกียรติอีกฝ่ายเธอจึงไม่เคยถามรายละเอียดมากไปกว่านั้น ปาจรีย์จึงรู้เพียงว่าครอบครัวของเขาค่อนข้างจะมีฐานะ แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะออกมาสร้างฐานะด้วยตัวเองตั้งแต่เรียนจบไฮสกูล จนถึงตอนนี้เขาก็มีบริษัทส่งออกเป็นของตัวเองและกิจการกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ไม่แปลกที่เธอจะเห็นเขาอยู่ที่ฮาวาย เพราะที่นี่เป็นอีกหนึ่งสาขาของบริษัทเขา
“ถ้างั้นฉันขอออกไปเจอเธอเองดีกว่า และรบกวนเธอช่วยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินกลับให้ฉันด้วยนะ”
“ทำไมล่ะ” ปลายสายถามอย่างแปลกใจ คนที่เกรงใจคนอื่นมากถึงมากที่สุดอย่างปาจรีย์จะไม่มีวันร้องขอให้ใครช่วยจัดการธุระให้เด็ดขาด โดยเฉพาะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการจองตั๋วเครื่องบิน
“เอาเป็นว่าช่วยหน่อยก็แล้วกัน ฉันมีเหตุจำเป็นนิดหน่อยที่จัดการเองไม่ได้”
“โอเค ถ้าอย่างนั้นเธอกลับพร้อมฉันก็แล้วกัน แต่ต้องผ่านทริปล่องเรือปาร์ตี้สองวันสองคืนนี้ไปก่อน”
“ตามใจเธอก็แล้วกัน” ปาจรีย์บอกเสียงเหนื่อยๆ แม้จะไม่ชอบงานปาร์ตี้สองวันสองคืนของเพื่อน แค่คิดเธอก็รู้สึกอึดอัดจนบอกไม่ถูก แต่ด้วยความเกรงใจจึงไม่สามารถปฏิเสธได้
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ ทอดสายตามองทะเลเบื้องหน้าบอกกับตัวเอง “ถือเสียว่าไปพักผ่อนก็แล้วกัน”
หลังจากที่ตกลงกับเพื่อน นัดแนะสถานที่กับเวลาเสร็จเรียบร้อยปาจรีย์ก็ยืนคิดอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาสตรีสูงวัยเจ้าของบ้าน
“มาดามคะ”
หญิงสาวร้องเรียกเจ้าของบ้านที่ยืนหันหลังให้เธอ ความสนใจของนางอยู่ที่อยู่กับหม้อบลูเบอร์รี่ตรงหน้า มือเหี่ยวย่นกำลังหยิบแผ่นเจลาตินที่แช่น้ำเอาไว้ลงในหม้อที่ตั้งอยู่บนไฟ นางใช้ไม้พายอันเล็กคนในหม้อเบาๆ พร้อมกับปิดไฟก่อนจะหันกลับมามองหญิงสาว
สตรีสูงวัยส่งยิ้มให้แขกอ่อนโยน ช่วงเวลาสิบวันทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น
“มาพอดีเลย อยู่รอชิมบลูเบอร์รี่ชีสพายของฉันก่อน รอพักไว้ให้เย็นแล้วนำมาแต่งหน้าก็เสร็จแล้ว” สตรีสูงวัยบอกอย่างอ่อนโยน
ยิ่งเห็นอีกคนเป็นมิตรและให้ความเมตตา ปาจรีย์ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดที่จะบอกลา เธอจะหาข้ออ้างอะไรมาใช้ให้สมเหตุสมผล แต่ทางออกที่ดีที่สุดก็คือควรจะบอกความจริง
“คือฉันจะมาลา” หญิงสาวบอกเสียงเบาไม่กล้าเงยหน้าสบตาคู่สนทนา
สตรีสูงวัยเดินเข้าไปถึงตัวหญิงสาวพร้อมกับยกมือเหี่ยวย่นแตะต้นแขนของปาจรีย์ “เธอว่าอะไรนะ”
“พอดีว่าเพื่อนของฉันอยู่ที่ฮาวาย เขาจะให้คนมารับฉันที่ท่าเรือ ฉันขออนุญาตด้วยนะคะ และขอโทษที่ถือวิสาสะให้คนมารับโดยที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้าก่อน” หญิงสาวบอกไปตามความจริง ตอนแรกปาจรีย์ไม่กล้าที่จะให้ใครเข้ามารับเธอที่นี่ เพราะเกรงใจเจ้าของบ้าน อีกทั้งยังไม่ได้รับอนุญาตจากใคร แต่เฮเลนก็ย้ำนักย้ำหนาว่าสามารถจัดการได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะแมคพอจะรู้จักคนที่นี่