เป้ใบเขื่องถูกเหวี่ยงขึ้นบ่า แม้จะมีเอกสารครบถ้วนในเป้ใบนั้น แต่เธอกลับเหลือเงินติดกระเป๋าสตางค์ไม่มาก ได้แต่คาดหวังว่าเจ้านายจะจัดการเรื่องตั๋วเดินทางให้ด้วย นอกจากรถที่เขาบอกว่าจะสแตนด์บายรอทุกเวลา
“เป็นอย่างไรบ้าง หายดีแล้วหรือ” นางมาเรียมทักแขกของบ้าน
หัวคิ้วของปาจรีย์ยกขึ้นอย่างแปลกใจ ขาของหญิงสาวชะงักอยู่กลางราวบันไดเมื่อได้ยินเสียงประมุขของบ้านทักทาย
แน่นอนว่าปาจรีย์กำลังแปลกใจที่สุด นางรู้ได้อย่างไรว่าเธอไม่สบาย ทั้งที่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ จะมีเพียงแค่ความเจ็บในร่างกายบางส่วนเท่านั้น แต่เธอก็ไม่ได้ปริปากบอกใครสักคน
“เอ่อ...” เสียงของหญิงสาวหยุดอยู่ในลำคอ เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคำถามหรือคำพูดอย่างไรดี แต่อาการของหญิงสาวก็ทำให้เจ้าของบ้านพอจะมองออก
“โดนัลด์บอกว่าเธอไม่สบาย และวานฉันให้บอกเธอว่า...อยู่ที่นี่พักผ่อนจนกว่าจะหายดี รอจนกว่าเขาจะกลับมา” นางมาเรียมไขข้อสงสัยในแววตาของหญิงสาว
แต่คำพูดที่หลุดออกมาจากปากประมุขของบ้านกลับยิ่งทำให้ปาจรีย์แปลกใจหนักขึ้นกว่าเดิม เรื่องไม่สบายเธอยังพอเข้าใจได้หากนางจะรู้ แต่ประโยคหลังมันหมายถึงอะไรกันแน่ และที่สำคัญเขาบอกแม่ของเขาว่าอย่างไรบ้าง
ปาจรีย์รีบเดินลงบันไดให้ถึงตัวสตรีสูงวัยโดยเร็วที่สุด คงไม่เหมาะสมนักหากเธอจะยืนค้ำหัวคุยกับผู้ใหญ่บนราวบันไดของบ้าน
“มาดามหมายความว่าอย่างไรคะ” ทันทีที่ก้าวมาถึงตัวของมาดามมาเรียมประมุขของบ้านหญิงสาวก็ถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ด้วยประโยคที่แปลความหมายได้ครอบคลุมทุกอย่าง
“โดนัลด์เป็นห่วงเธอ อยากให้เธอพักผ่อนที่นี่ก่อน เขายังไม่อนุญาตให้เธอกลับ บอกว่ามีเรื่องที่จะคุยกับเธอก่อนที่จะกลับ” นางมาเรียมเอ่ยในสิ่งที่ลูกชายบอกเอาไว้ก่อนเดินทาง
“ฉันขอคุยกับเขาตอนนี้ได้ไหมคะ พอดีว่าต้องรีบเดินทางกลับไปทำงาน”
หญิงชรายิ้มอ่อนโยนให้กับหญิงสาวตรงหน้า ปกตินางมาเรียมเป็นคนจิตใจดีและเป็นมิตรกับทุกคน หากแต่นางเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคม และไม่ชอบความวุ่นวาย
“เขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว”
“เขาไปไหนคะ”
“กลับแคลิฟอร์เนียไปแล้ว เห็นบอกว่ามีงานด่วนที่ต้องรีบไปจัดการ”
ปาจรีย์นึกถึงหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงผ้าใบ ธุระด่วนของเขาคงเกี่ยวกับเจ้าหล่อนเป็นแน่ เพราะเท่าที่เธอรู้ตารางของเขา ช่วงเวลาจากเมื่อวานจนถึงอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเป็นช่วงพักผ่อนยาวของเขา
จากการทำงานที่สโมสรมาร่วมสี่ปีทำให้หญิงสาวยิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเอง เพราะเจ้านายหนุ่มมีช่วงวันหยุดฮอลิเดย์ของเขาสองรอบในหนึ่งปี และก็เป็นตารางหยุดที่ชัดเจน
หญิงสาวส่งยิ้มให้สตรีสูงวัยอย่างขอบคุณ “ขอบคุณมากค่ะ ถ้ามาดามบอกว่าคุณโดนัลด์อยู่ที่แคลิฟอร์เนีย ฉันจะกลับไปคุยกับเขาเองที่นั่น”
“แต่ฉันว่าเธอควรจะพักผ่อน”
“ฉันสบายดีค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับส่งสายตาขอร้องอีกครั้ง “คุณโดนัลด์ เลิฟ แจ้งฉันเอาไว้ว่า เขาได้เตรียมรถสแตนด์บายรอส่งฉันไปที่สนามบิน และคงจะเหมารวมไปถึงตั๋วเครื่องบินด้วย”
สตรีสูงวัยกว่าส่ายหน้า “ไม่มีทั้งสองอย่าง”
หญิงสาวส่งสายตาเว้าวอนพลางนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเอง หากเจ้าของบ้านไม่ช่วย การเดินทางกลับคงลำบากเป็นแน่ “ขอร้องนะคะ ได้โปรดกรุณาฉันสักครั้ง”
“ฉันช่วยเธอไม่ได้จริงๆ และเธอควรจะทำในสิ่งที่ฉันบอก กลับขึ้นห้องไปพักผ่อนซะ”
“เอ่อ...ฉัน...”
“ถ้าเธอยังติดขัดเรื่องอะไร ก็ถือเสียว่าอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างฉันสักสองสามวันแล้วกัน สร้างกุศลกับคนแก่ขี้เหงาก็ได้บุญไม่น้อยเหมือนกันนะ”
“เอ่อ...” หญิงสาวอึดอัดพูดไม่ออก สายตาของคนพูดบ่งบอกว่านางกำลังเหงาจริงๆ จากที่ได้นั่งคุยกันเมื่อวานทำให้เธอรู้ว่าชีวิตของอีกฝ่ายเรียบง่ายและน่าเบื่อจนเกินไป ปาจรีย์ครุ่นคิดอย่างชั่งใจ ในที่สุดเธอก็ส่งยิ้มบางๆ ให้คนตรงหน้า
“ฉันคงไม่มีทางเลือกใช่ไหมคะ”
“มีสิ!” หญิงชราตอบกลับในทันที คำตอบของนางทำให้แววตาของหญิงสาวเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง
“เลือกว่าเธอจะกลับขึ้นไปนอนหรือว่าช่วยฉันทำขนมเค้กดี” สตรีสูงวัยเฉลย
ปาจรีย์เผลอกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ทั้งสองทางเลือกที่เธอมีก็ไม่แตกต่างกันสักนิด ในเมื่อเธอต้องอยู่ที่นี่ต่อ แต่ถ้าจะให้เลือกระหว่างนอนกับทำตัวให้เป็นประโยชน์ หญิงสาวก็เลือกอย่างหลังมากกว่า
“ถ้าอย่างนั้นขอเวลาสักครู่นะคะ ฉันขอเอากระเป๋าเป้ขึ้นไปเก็บก่อน” หญิงสาวบอกเสียงนุ่มพร้อมกับชูเป้ที่อยู่บนบ่าของตัวเอง
“เจอกันในห้องครัวนะ” นางมาเรียมบอกก่อนที่จะหันหลังเดินออกไป
พอเดินกลับขึ้นไปบนห้องของตัวเองอีกครั้ง ปาจรีย์ก็เลือกที่จะต่อสายโทรศัพท์หามารดา หากว่านางส่งตั๋วกลับมาให้เธอ ปัญหาที่เผชิญอยู่จะได้หมดไป
เสียงสัญญาณโทรศัพท์หวีดร้องอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปลายสายไม่มีคนรับเช่นเคย หญิงสาวเดาได้ไม่ยากว่ามารดาของเธอคงจะวุ่นอยู่กับการจัดการเรื่องในครัว เพราะเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้ทำงาน เรื่องพวกนี้เธอเป็นคนจัดการแทนมารดาทั้งหมด
แต่หลังจากที่เธอออกไปทำงาน ภาระหนักกลับมาตกอยู่ที่มารดาของเธออีกครั้ง และนางก็เฝ้าขอร้องให้เธอลาออกจากงานและกลับมาดูแลกิจการร้านอาหารเพื่อสืบต่อกิจการในขณะที่นางก็แก่ตัวลงทุกวัน
หากแต่ปาจรีย์ยังบ่ายเบี่ยง เธอขอเวลากับมารดาอีกนิด ถ้าหากครั้งนี้นางรู้ว่าเธอโดนไล่ออก นางคงจะยุให้เธอกลับไปแน่ๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นหญิงสาวก็รีบกดวางสาย เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปสนิท หากตอนนี้ขอความช่วยเหลือจากมารดา อีกฝ่ายก็ต้องซักไซ้ไล่เลียงให้เธอจนมุม และยอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเหมือนเช่นทุกครั้งอยู่ดี
ปาจรีย์พ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง วางโทรศัพท์ลงบนตักของตัวเองอย่างอ่อนแรง “เกือบไปแล้วนะเรา” หญิงสาวบอกกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะคิดถึงเพื่อนซี้อย่างเฮเลน
“ใช่สิ! เฮเลน” ทันทีที่นึกขึ้นได้หญิงสาวก็รีบต่อโทรศัพท์หาเพื่อนสาวทันที ทว่าเสียงสัญญาณดังได้ไม่ถึงวินาทีก็ต้องรีบกดวางสายเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก
“เฮเลนไปฮันนีมูนที่ฝรั่งเศสนี่นา” หญิงสาวย่นหน้ามองโทรศัพท์ เธอไม่กล้าเอาเรื่องส่วนตัวไปรบกวนช่วงเวลาฮันนีมูนของเพื่อน หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“เฮ้อ! ฉันต้องอยู่ที่นี่ตามคำสั่งของเจ้านายจอมเผด็จการจริงๆ ใช่ไหม”
หญิงสาวทิ้งตัวหงายลงบนที่นอนพร้อมกับโยนโทรศัพท์ไปตรงกลางเตียง มองมันอย่างไร้ค่า