เมื่อจนด้วยปัญญาที่จะห้าม จนปัญญาที่จะขอร้องเพื่อน ทางเลือกเดียวที่หญิงสาวทำได้คือเดินเข้ามาบอกลาเจ้าของบ้านพร้อมกับความจริง
“ฉันคงห้ามเธอไม่ได้แล้วสินะ”
“ฉันขอโทษ แต่ฉันอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้จริงๆ ฉันยังมีหน้าที่ ฉันยังมีงาน ฉันยังมีแม่ และทั้งหมดทำให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อโดยปล่อยเวลาไปเฉยๆ ได้”
นางมาเรียมพยักหน้าเบาๆ มองหน้าหญิงสาวอย่างเอ็นดูด้วยความรู้สึกที่ส่งผ่านทางแววตา สัมผัสที่หญิงสาวรับรู้ได้
“แล้วเธอจะกลับมาที่นี่อีกไหม ฉันอยู่กับเธอแล้วมีความสุขหายเหงาไปได้เยอะ”
“ถ้ามีโอกาสฉันจะกลับมาแน่นอนค่ะ” หญิงสาวบอกไปตามความจริง ถ้าหากมีโอกาสเธอไม่ลังเลที่จะกลับมาหานางที่นี่แน่นอน
ปาจรีย์สัมผัสได้ถึงความเหงาและว้าเหว่ของสตรีสูงวัยคนนี้ นางทำให้เธอคิดถึงมารดา หากแต่มารดาของเธอคงไม่ได้อยู่อย่างเงียบเหงาเดียวดายอย่างนี้ เพราะกิจวัตรประจำวันของนางปรานีทำให้มีผู้คนรายล้อมอยู่ตลอดเวลา
นางปรานีมีคนดูแล มีลูกน้อง มีงาน และมีลูกค้า ทำให้ปาจรีย์พลอยสบายใจไปได้ระดับหนึ่ง หากแต่สักวันเธอก็ต้องกลับไปอยู่กับมารดาตามที่นางร้องขอ
“ฉันหวังว่าเธอจะไม่หลอกคนแก่”
หญิงสาวอมยิ้มพร้อมกับโผเข้ากอดสตรีสูงวัย สักพักเธอก็คลายอ้อมกอดออก “ฉันสัญญาว่าจะหาโอกาสมาเยี่ยมมาดามบ่อยๆ ตลอดสิบวันของการอยู่ที่นี่ฉันมีความสุขมาก สุขราวกับได้อยู่ในบ้านของตัวเอง ขอบคุณที่ให้การต้อนรับและดูแลฉันเป็นอย่างดี”
“ต่อไปนี้ฉันคงไม่มีเพื่อนช่วยทำกับข้าว ช่วยสอนทำอาหารแล้วสิ แม้รู้ว่าสักวันเธอต้องไป แต่ฉันก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ฉันรู้สึกผิดอย่างไรก็ไม่รู้”
“ขอให้เธอเดินทางโดยสวัสดิภาพก็แล้วกัน อย่าลืมสัญญาละ” หญิงสูงวัยทวงคำสัญญาอีกครั้ง
“สัญญาว่าฉันจะกลับมาแน่นอนค่ะ”
“ถ้าจะให้ดีพาแม่ของเธอมาด้วยก็ได้นะ ฉันอยากเห็นต้นแบบของเธอ แม่ของเธอกับฉันคงคุยกันได้ถูกคอมากกว่าสาวสวยอย่างเธอที่คงเบื่อคนแก่”
“ฉันไม่ได้เบื่อมาดามนะคะ แต่ฉันมีความจำเป็นจริงๆ” หญิงสาวรีบตอบกลับทันที หน้าเริ่มเสียเมื่อเห็นสีหน้าของประมุขของบ้าน
“เอาละๆ ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น ฉันเข้าใจความจำเป็นของเธอ”
นางมาเรียมรู้สึกใจหาย ขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลเนื่องจากยังไม่ได้ถามความเห็นจากลูกชาย เพราะก่อนที่เขาจะออกไปก็บอกย้ำอย่างหนักแน่น ทั้งที่ไม่เข้าใจความคิดของลูกชายเท่าใดนัก แต่นางก็เลือกที่จะทำตาม เพราะในใจก็อยากมีเพื่อนคุยอย่างปาจรีย์เช่นกัน
“แล้วเธอนัดเรือมารับกี่โมง” นางมาเรียมถามหญิงสาวอีกครั้ง
“เพื่อนของฉันบอกว่าภายในสองชั่วโมงก็จะถึงค่ะ” หญิงสาวเว้นระยะ ยกข้อมือดูนาฬิกาก่อนจะตอบเจ้าของบ้านอีกครั้ง “ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งชั่วโมง อีกไม่นานก็คงจะมาถึงแล้วค่ะ”
นางมาเรียมแตะข้อศอกของหญิงสาวพาเดินออกมาจากห้องครัว “ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไปเตรียมตัวสำหรับเดินทางเถอะ”
“ขอบคุณที่เข้าใจฉันนะคะ”
นางมาเรียมพยักหน้า อมยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงต้องใจต้องตาสตรีเอเชียคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น ทั้งกิริยามารยาทและความคิดความอ่าน ปาจรีย์เป็นคนค่อนข้างนิ่งและเก็บความรู้สึก เธอหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงคนอื่น และให้ความสนใจกับเรื่องราวในชีวิตประจำวันของตัวเองมากกว่า เป็นคุณสมบัติที่ดีสำหรับคนที่จะมีสามีเจ้าชู้ ความนิ่งเงียบเก็บความรู้สึกจะสยบทุกอย่างเอาไว้ได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คนที่เป็นสามีรู้สึกเกรงใจ เหมือนอย่างนางที่สยบความเจ้าชู้ของบิดาโดนัลด์ได้อย่างราบคาบ
ไม่เพียงแค่นั้นที่ปาจรีย์ทำให้นางมาเรียมรู้สึกประทับใจ นางมาเรียมโปรดปรานการเข้าครัวเป็นที่หนึ่งและไม่บ่อยนักที่จะเห็นหญิงสาววัยนี้เข้าครัวและทำทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่ว แม้นางจะมารู้ทีหลังว่าครอบครัวของเธอทำร้านอาหารก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นทำให้นางเอ็นดูไปแล้ว
หลังจากที่เวลาผ่านพ้นไปพอประมาณก็มีเรือสปีดโบ๊ตลำใหญ่มาจอดเทียบท่าเรือ โลโก้ที่ประทับอยู่ข้างๆ ทำให้นางมาเรียมระบายยิ้มออกมาคนเดียว
แน่นอนว่ามันเป็นโลโก้ที่นางรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี เดาว่า โดนัลด์ เลิฟ คงให้คนมารับ เห็นอย่างนี้ก็พลอยสบายใจขึ้น อย่างน้อยนางก็ไม่ผิดคำพูดที่รับปากลูกชายเอาไว้
ในขณะที่ปาจรีย์ไม่มีโอกาสรู้สักนิด เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าคนที่มารับเธอเป็นใคร ไม่รู้ว่าเธอจะไปที่ไหน สิ่งที่เธอรู้เพียงอย่างเดียวคือเฮเลนสั่งให้เธอแต่งตัวสวยๆ และเพื่อนสาวของเธอจะส่งคนมารับไปเรือยอชต์สุดหรู เพื่อร่วมงานปาร์ตี้ฉลองชีวิตสมรสของเธอกับสามีหนุ่ม โดยมีเพื่อนที่เป็นเจ้าของเรือเป็นสปอนเซอร์หลักและจัดงานปาร์ตี้ครั้งนี้ให้
หญิงสาวมองเมินในสิ่งที่เฮเลนย้ำนักย้ำหนาว่าให้เธอแต่งตัวสวยๆ เนื่องจากเธอมีชุดติดตัวมาเพียงชุดเดียวกับเป้ใบโทรมๆ ที่เพื่อนบอกหลายร้อยหนว่าให้ทิ้งไปเสีย และที่สำคัญคือเธอไม่คิดจะไปร่วมงานปาร์ตี้แบบนั้น
ถ้าหากถึงเวลาจริงๆ แล้วเธอขัดเพื่อนไม่ได้ เฮเลนก็ต้องหาชุดสวยๆ และทำผมแต่งหน้าให้อยู่ดี เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งของเพื่อนสาว
หญิงชรามองชุดที่อยู่บนเรือนร่างของแขกที่มาพักอย่างไม่ค่อยชอบใจ นางรู้ว่าเป็นชุดที่เธอสวมมาตั้งแต่ต้น แต่นางก็ขนซื้อเสื้อผ้าให้หญิงสาวตั้งหลายชุด รวมทั้งชุดที่นางยกให้เลือกอีกไม่น้อย
“ทำไมใส่ชุดนี้ ตามฉันมานี่” หญิงชราบอกอย่างตำหนิพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินขึ้นบันได
“ชุดนี้เป็นชุดที่ฉันใส่มา ขอฉันใส่ชุดนี้กลับเถอะค่ะ”
เจ้าของเรือ มองหญิงสาวดุๆ “จะดีมากหากเธอเลิกเกรงใจฉันสักที”
“แต่ฉันขอใส่ชุดนี้กลับเถอะนะคะ” ปาจรีย์ยังคงยืนยันคำเดิม แต่น้ำเสียงของเธอก็อ่อยลง พูดไม่เต็มปากเต็มคำนัก
“ชุดที่ฉันซื้อให้เธอ เธอก็ควรจะเอากลับ ผู้ใหญ่ให้ของแต่เธอจะทิ้งเอาไว้อย่างนี้น่ะหรือ”
มาดามมาเรียมบอกอย่างตำหนิเชิงยัดเยียดมารยาททางสังคม ได้ยินอย่างนั้นปาจรีย์ก็พูดไม่ออก ได้แต่เดินตามนางมาเรียมขึ้นไปบนห้องที่ตัวเองเคยพักอีกครั้ง
เจ้าของบ้านจับปาจรีย์แต่งตัวเสียใหม่ กินเวลาไปนานพอสมควร แต่ก็ยังไม่เกินเวลานัด ทว่านั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของมาดามมาเรียมแต่อย่างใด เพราะคนที่มารับก็เป็นลูกน้องของลูกชาย
นางไม่แน่ใจว่าหญิงสาวรู้หรือเปล่า แต่สำหรับนาง รู้สึกพอใจอยู่ลึกๆ
“เอาละ สวยพอแล้ว” มาดามมาเรียมจับหญิงสาวหมุนไปรอบๆ หลังจากที่นางเลือกหยิบชุดนั้นชุดนี้มาทาบอยู่นาน ในที่สุดก็ได้ชุดแซกสีเขียวน้ำทะเล ผูกสายคล้องคอให้พอเหมาะ อวดแผ่นหลังเรียบเนียนของหญิงสาว
ผู้หญิงชาวเอเชียมีความโชคดีกว่าชาติตะวันตกอยู่มาก ผิวเนียนละเอียดทำให้หญิงสาวชาวยุโรปหลายคนต้องอิจฉา ไม่นับรวมผิวสีน้ำผึ้งที่เป็นความใฝ่ฝันสูงสุดของผู้หญิงชาวตะวันตกเกือบทุกคน
ทุกสิ่งมารวมอยู่ในตัวของปาจรีย์ เธอเป็นคนร่างสูงโปร่ง ทรวงอกอวบอิ่มรับกับสะโพกผายในแบบฉบับหญิงสาวชาวตะวันตก หากแต่เอวของเธอราวกับนาฬิกาทราย ผิวเนียนละเอียดไม่ขาวมากนัก เรียกได้ว่าเป็นผิวสีน้ำผึ้งอย่างที่คนชาติตะวันตกชอบที่สุด