ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาประหลาดใจ ตลอดเวลาที่รู้จัก โดนัลด์ เลิฟ เขาไม่เคยคืนคำอะไรง่ายๆ “เธอทำยังไง”
“ก็ทำทุกทางเพื่อจะได้งานของฉันคืน”
“ตื๊อ?” ชายหนุ่มบอกออกมา
หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ
“เขาคงให้งานเธอคืนเพราะรำคาญ” ชายหนุ่มเย้าทีเล่นทีจริง แต่แววตาของคนฟังสลดลงทันที เพราะกำลังคิดว่าเขาเองก็คงรำคาญเธอเหมือนกัน
“ฉันน่ารำคาญขนาดนั้นเลยใช่ไหม” หญิงสาวถามออกมาเสียงเบา
ชายหนุ่มรั้งตัวหญิงสาวเข้ามากอดอย่างปลอบโยน เขาเผลอพ่นวาจาทำให้เธอเสียใจอีกครั้ง ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าจะพยายามทำดีกับเธอให้มากกว่าเดิม บางทีเขาอาจจะเปิดใจให้ผู้หญิงตรงหน้า
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย บางทีเธอก็ดื้อด้านจนน่ารำคาญ บางทีเธอก็ดันทุรังจนน่าโมโห บางทีเธอก็เอาแต่ใจจนฉันอยากจับมาตีก้น แต่ฉันก็ไม่เคยโกรธเธอได้เลยสักที”
ธารน้ำตาแห่งความตื้นตันของหญิงสาวไหลออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว มันเปียกชุ่มเสื้อของชายหนุ่มแทรกซึมมาถึงหัวไหล่ของเขา อันโตนิโอดันตัวหญิงสาวออกพร้อมกับใช้สองมือประคองดวงหน้าหวานเอาไว้ ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างเกลี่ยเช็ดรอยคราบน้ำตาของเธออย่างอ่อนโยน
สายตาคมของอันโตนิโอสบตาของปาจรีย์นิ่ง
“เราลองคบกันดูไหม” ชายหนุ่มถามหญิงสาวเสียงอ่อนโยน
ปาจรีย์มองหน้าเขาอย่างประหลาดใจ เธอไม่เชื่อหูตัวเองที่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากของเขา
ใบหน้าเหลอหลาของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มมองอย่างเอ็นดู อดใจไม่ไหวที่จะกดปลายจมูกลงบนพวงแก้มเนียนของเธอ
“เชื่อหรือยัง” ชายหนุ่มถามอีกครั้งหลังจากที่หอมแก้มเธอ
หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ตอนนี้หัวใจของเธอเหมือนลูกบอลลูนที่โดนอัดลมแน่นกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ เธออยากได้ยินคำตอบย้ำอีกครั้งเพื่อส่งพลังให้บอลลูนลูกนี้ลอยขึ้นสูงกว่าเดิม หรืออาจจะเป็นหนามแหลมคม จิ้มทะลุบอลลูนให้แตกออก ก่อนที่เธอจะเพ้อฝันมากไปกว่านี้
สองนิ้วใหญ่ของชายหนุ่มบีบจมูกรั้นของหญิงสาวอย่างมันเขี้ยว “เธอกำลังหลอกให้ฉันหอมแก้มเธออีกครั้งใช่ไหม”
“เปล่าสักหน่อย” หญิงสาวตอบกลับไปเสียงอ่อย ทั้งที่จริงเธอก็ต้องการให้เป็นอย่างนั้น
ชายหนุ่มจับไหล่ของหญิงสาวทั้งสองข้างไว้มั่น สายตาคู่คมจ้องนิ่งอยู่นานก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง
“ฉันมีเรื่องที่จะตกลงกับเธอก่อน”
“เรื่องอะไร”
“ที่ฉันตัดสินใจจะลองคบกับเธอเพราะอยากให้รู้ว่าเราเข้ากันไม่ได้จริงๆ ฉันอยากให้เธอตัดใจจากฉัน แต่ก็ไม่อยากตัดสัมพันธ์และปิดกั้นตัวเองโดยที่ไม่ลองคบกันเสียก่อน แต่เธอต้องรับปากและให้สัญญาว่าถ้าหากเราไปกันไม่ได้หรือไม่ไหวจริงๆ เธอก็ต้องหยุดดันทุรัง และเปิดโอกาสให้ตัวเองกับผู้ชายคนอื่น” ชายหนุ่มย้ำเสียงหนัก ทุกประโยคที่หลุดออกมาจากปากของเขาราวกับว่าเขาคิดและทบทวนมันมาอย่างดีแล้ว
ปาจรีย์พยักหน้าอีกครั้งเป็นการตอบรับข้อเสนอของเขา
“ห้ามเธอไปหาฉันที่คอนโดฯ ห้ามเธอเอาอาหารไปส่ง ห้ามเธอไปหาฉันในห้องซ้อม และถ้าหากฉันว่างฉันจะติดต่อไปหาเธอเอง”
หญิงสาวอ้าปากหวอกับข้อแม้ที่เขาตั้งขึ้น ถ้าจะห้ามกันขนาดนี้เขาไม่เรียกว่าคบกันหรอก หรือถ้าจะพูดอย่างนี้ ไล่เธอไปให้ไกลอย่างเจ็บปวดจะดีเสียกว่าใช้คำพูดหวานหูว่า...เราลองคบกันดีไหม
ปาจรีย์กำลังจะอ้าปากเถียง แต่นิ้วมือหนาของชายหนุ่มก็ถูกเจ้าตัวยกขึ้นมาปิดปากของเธอเอาไว้เสียก่อน
“ฟังฉันพูดให้จบก่อนแล้วค่อยเถียง”
หญิงสาวหน้าง้ำเมื่อโดนรู้ทัน แต่เธอก็ยอมเงียบและฟังเขาให้จบเพื่อเก็บข้อมูลเอาไว้เถียง
“ถ้าเธอมีเรื่องอะไรอยากเจอฉัน เธอก็ใช้โทรศัพท์เบอร์นี้โทร.มา และถ้าจะเจอกันฉันจะให้ผู้จัดการไปรับเธอมาด้วยตัวเอง ห้ามเข้าไปเองโดยพลการเด็ดขาด ตกลงไหม” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้หญิงสาว
“ในนี้มีเบอร์ส่วนตัวที่ฉันบันทึกเอาไว้ให้เธอ”
พอได้รู้อย่างนั้นหญิงสาวก็พลอยยิ้มออกมาได้
“ฉันจะทำอะไรได้...”
“ฉันถามว่าตกลงไหม” ชายหนุ่มถามย้ำเอาคำตอบ
“ตกลงค่า...” หญิงสาวลากเสียงยาวล้อเลียน หลังจากที่ปาจรีย์ยอมตกลงรับข้อเสนอเรียบร้อยชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนทันที สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงหันหน้าเข้าหาหญิงสาวที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้
“เอาละ ฉันต้องไปแล้ว”
“อ้าว...” หญิงสาวอ้าปากหวอ “เราเพิ่งตกลงเป็นแฟนกัน จะไม่ไปเดตกันหน่อยหรือ”
“ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันแค่บอกว่าลองคบกันดู ไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับเธอสักหน่อย ถ้าเรื่องมาก ไม่ยอมฟัง ฉันจะริบทุกข้อเสนอของฉันคืน” ชายหนุ่มขู่เสียงเข้ม
หญิงสาวพยักหน้าหงอยๆ ตอบกลับเสียงเบา “ก็ได้”
ชายหนุ่มโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากของเธออีกครั้ง “ทำตัวว่าง่ายๆ อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย...ฉันไปนะ” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับเดินหันหลังออกไป ปล่อยให้หญิงสาวมองตามแผ่นหลังของเขาตาค้างเพราะยังไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เธอยกมือลูบหน้าผากของตัวเองเบาๆ ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“เยส!” หญิงสาวยกมือชูกำปั้นดึงเข้าหาตัว ราวกับนักกีฬาชนะเกมการแข่งขันแมตช์สำคัญที่สุดในชีวิต ทั้งที่การแข่งขันในแมตช์ความรักของเธอเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
จบภารกิจกับอันโตนิโอ หญิงสาวก็รีบนั่งรถไฟตรงดิ่งกลับบ้านทันที เพราะก่อนที่เธอจะออกมาจากฮาวาย เธอได้โทร.แจ้งมารดาเอาไว้แล้วว่าจะกลับบ้าน
“หิวๆๆ” หญิงสาวร้องทักมารดาตั้งแต่หน้าร้าน เวลานี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้าน หากแต่พนักงานทุกคนก็อยู่ในชุดเตรียมพร้อมในหน้าที่ของตัวเองก่อนจะเปิดร้านในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า
ปาจรีย์โผเข้ากอดมารดาทางด้านหลัง นางปรานีกำลังยืนจัดดอกไม้ตกแต่งร้าน
“กลับมาบ้านได้นะเรา” นางปรานีทักลูกสาวน้ำเสียงไม่จริงจังมากนัก เพราะทุกครั้งที่ปาจรีย์มีเวลาว่างเธอจะรีบตรงกลับมาบ้านเสมอ และทุกครั้งนางมักทำอาหารให้ติดไม้ติดมือกลับไปด้วยหลายอย่าง เนื่องจากอีกฝ่ายมักอ้างเหตุผลว่าชอบอาหารรสมือของมารดามากกว่าอาหารอเมริกัน
“คิดถึงมากที่สุด” หญิงสาวบอกเสียงใส
“ไปเที่ยวฮาวายกับเฮเลนเป็นยังไงบ้าง เฮเลนไปฮันนีมูนไม่ใช่หรือ ทำไมเดียร์ถึงไปกับเพื่อนได้ล่ะ” นางปรานีถามถึงเรื่องราวที่ลูกสาวโทร.มารายงานก่อนหน้านี้
“แม่ก็รู้ว่าเดียร์เป็นเพื่อนกับแมคและเฮเลน สองคนนั้นไปฮันนีมูนที่ฝรั่งเศสต่างหาก ส่วนฮาวายพวกเขานัดเพื่อนทั้งก๊วนไปจัดงานปาร์ตี้กลางทะเล” หญิงสาวตอบกลับมารดาอีกครั้ง จำได้ว่าครั้งก่อนที่โทร.กลับมารายงานว่าอยู่ฮาวาย เธอได้อธิบายเรื่องนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง