“นี่คุณ” หมอธีรกานต์วางถั่วกวนในมือลง แววตาเอาเรื่องขึ้นมาทันใด ถึงจะโกหกจริงอย่างที่โดนว่า แต่ใครก็ไม่ชอบให้คนอื่นมาพูดแทงใจดำ มันเจ็บจี๊ด แถมยังไม่รู้จะทำหน้ายังไง ปฏิกิริยาป้องกันตัวโดยอัตโนมัติจึงบอกให้ทำท่าขึงขัง โกรธไว้ก่อน เหมือนแมวขู่ฟ่อๆ เวลากลัวอะไรสักอย่าง
พชรหันมามองขนมชั้นพลางอมยิ้ม “ขนมชั้นปั้นลูกชุบเก่งแบบนี้ วันหลังต้องสอนคุณพ่อของหนูให้ปั้นมังคุด ชมพู่ มะละกอบ้างนะครับ คุณพ่อปั้นเป็นแต่พริก”
ส่วนคนปั้นเป็นได้แค่พริกก็หน้าเสีย “ใครบอกคุณกันว่าผมปั้นเป็นแต่พริก อย่างอื่น...”
แม่หนูเห็นแบบนั้นจึงรีบชิงพูดว่า “อังเคิลขา อย่าดุคุณลุงใจดีสิคะ”
เท่านั้นพชรก็หลุดขำพรืด ในที่สุดความจริงก็หลุดออกมาจากปากขนมชั้น ธีรกานต์หน้าเสีย เหวอรับประทาน ขนมชั้นไม่เรียกเขาว่าลุงตามที่เตี๊ยมกันไว้ แต่เรียกว่าอังเคิลที่แปลว่า... ‘ลุง’
‘ยัยหลานตัวแสบ’
ธีรกานต์หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ สายตาที่พชรมองมาบ่งบอกว่ารู้ความจริงแล้วว่าขนมชั้นไม่มีทางเป็นลูกของเขาไปได้ คุณหมอหนุ่มก็จนใจ เขาบอกวราลีทางไลน์ไปแล้วว่าโกหกได้ไม่เนียนหรอก แต่น้องสาวก็บอกให้ช่วยหน่อย คนไม่เคยทิ้งน้องถอนหายใจแล้วลุกพรวด ยอมสละเรือ ขุน ม้า พูดง่ายๆ ก็ล้มกระดานดีกว่าค่อยว่ากันใหม่
“กลับก่อนนะลี ที่เหลือฝากจัดการด้วย”
วราลีที่หน้าซีดอยู่แล้ว ตอนนี้ถูกทิ้งเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ มองพี่ชายที่ไม่เคยทิ้งกัน แต่วันนี้ตัดช่องน้อยแต่พอตัวเดินกลับออกไปนอกบ้าน ปล่อยให้เธอเคลียร์กับพ่อเด็กเอาเอง
“คุณลุงขา จ้องหน้าแม่ลีทำไมคะ แม่ลีของขนมชั้นสวยใช่ไหมคะ”
คนปั้นลูกชุบเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วทำลายบรรยากาศอึมครึมของคนทั้งสองที่นั่งบนโซฟาคนละฝั่ง พชรหันกลับมายิ้มให้ขนมชั้น เหลือบตามองวราลีไปด้วย
“ก็ยังสวยเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมรอยตีนกามาเพียบ”
“ตีนกาคืออะไรหรือคะ” ขนมชั้นสงสัย เพราะความอยากรู้จึงหันมาถามแม่
ดวงตาคู่งามของวราลีถลึงตาใส่เขา อย่างไรเสียผู้หญิงหากถูกว่าเรื่องความสวยความงามใครกันจะชอบ แต่เลือกจะเงียบไว้ไม่เถียงกลับ
เพียงแต่ส่งสายตาไปปรามขนมชั้นไม่ให้พูดมากอีก แล้วมองค้อนพชร ใช่สิ เธอต้องทำงานหาเลี้ยงลูก แล้วยังผ่อนบ้านที่พ่อเอาไปจำนองไว้เพื่อไม่ให้สมบัติชิ้นเดียวมันหลุดไปอยู่ในมือของคนอื่น จะมีเวลาไปซื้อครีมแพงๆ มาคอยบำรุงได้อย่างไร อย่างดีก็เอาแป้งดินสอพองมาผสมขมิ้นพอกหน้าบ้าง หรือถ้ามีเวลามากก็จะทำครีมสมุนไพรไว้ใช้เอง จำพวกครีมมะขามเปียกผสมน้ำผึ้ง ซึ่งสามารถลบรอยตีนกาได้อย่างปลอดภัยและประหยัดเงิน
วราลีไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ขนมชั้นถึงพูดหางานให้แม่ได้ทั้งวัน
“ถามแม่อยู่นั่น เดี๋ยวปั้นส่วนของตัวเองไม่เสร็จนะ” หญิงสาวจะให้ขนมชั้นช่วยทำขนมได้ไม่เกินหกโมงเย็น ทำได้แค่ไหนต้องวางไว้แค่นั้น ส่วนที่เหลือเธอจะปั้นต่อเอง เพราะต้องการให้ลูกได้อ่านหนังสือและพักผ่อนตามวัยที่ควรจะเป็น
พอขนมชั้นเห็นสายตาแม่ดุใส่เบาๆ แม่หนูก็ยู่คิ้วแล้วส่งยิ้มขี้เล่น “สงสัยวันนี้ขนมชั้นจะพูดเยอะไปเหรอคะ แม่ลีถึงทำตาดุใส่”
เมื่อรู้ว่าใช่ เพราะแม่ปรายตามองมาแต่ไม่ตอบ แม่หนูก็รีบยกสองมือป้อมๆ ขึ้นปิดปาก ก้มหน้าปั้นลูกชุบต่อไป
พชรเห็นกิริยาของแม่หนูตัวกลมบนโซฟาก็นึกขำ ขนมชั้นน่ารัก ทำอะไรก็น่าเอ็นดูชวนให้เขายิ้มได้ตลอด ขนาดเพิ่งเจอวันแรกยังนึกอิจฉาวราลีที่ได้เห็นความน่ารักของขนมชั้นทุกวัน ชายหนุ่มหยุดมองสองแม่ลูกสลับกัน แล้วระบายยิ้มกว้างเมื่อมองแม่หนูคนเก่ง ตัวแค่นี้ก็ช่วยแม่ทำขนมขายได้แล้ว ปั้นไวอีกต่างหาก
“ขนมชั้นต้องปั้นลูกชุบทุกวันไม่เหนื่อยเหรอครับ”
คนพูดเก่งที่พยายามจะพูดน้อยเหลือบมองแม่ก่อนว่าจะพูดต่อดีไหม เดี๋ยวแม่จะดุผ่านสายตามาอีก พอเห็นวราลีไม่ว่าอะไรจึงรีบหันกลับมาคุยจ้อกับพชรต่อ
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ เพราะขนมชั้นไม่อยากให้แม่เหนื่อยคนเดียว ขนมชั้นช่วยแม่ปั้นลูกชุบ แต่แม่ลีต้องทำทั้งขนมชั้น ทองหยิบ ทองหยอด และขนมอีกเยอะเลยค่ะ กว่าจะได้นอนก็ดึกทุกคืนเลย”
พชรเหลือบมองวราลี หูก็ฟังขนมชั้นพูดไปด้วย
“แล้วแม่ลีก็ยังต้องทำกับข้าวให้ขนมชั้นกับน้องทองหยิบ ทองหยอด อีกนะคะ แม่ลีเนื้อยเหนื่อยค่ะ” แม่คนพูดมากตอนนี้หายใจแรงเพราะพูดจนเหนื่อย
พชรย่นคิ้ว เอาล่ะ เขาเชื่อเหลือเกินว่าขนมชั้นมีสิทธิ์เป็นลูกเขาแน่ๆ แต่ทองหยิบ ทองหยอดเป็นลูกใคร
“ขนมชั้นมีน้องด้วยเหรอครับ” พชรหยั่งเชิงดู
เด็กหญิงพยักหน้า “ใช่ค่ะ น้องน่าสงสาร น้องกำพร้าพ่อเหมือนขนมชั้นเลย แม่ลีเลยต้องทำงานเหนื่อย หาเงินเลี้ยงขนมชั้นกับทองหยิบ ทองหยอด”
พชรรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องกับชื่อทองหยิบและทองหยอดที่สอดคล้องกับขนมชั้น ซึ่งล้วนแต่เป็นชื่อขนมไทยมงคล พอดีขนมชั้นนึกขึ้นได้ว่าใกล้ถึงเวลาอาหารน้องๆ แล้ว คนมีน้องต้องดูแลลุกพรวดขึ้น วางถั่วกวนแล้วบอกกับแขกว่า
“คุณลุงขา ขนมชั้นไปเอาข้าวให้น้องๆ กินก่อนนะคะ เดี๋ยวขนมชั้นกลับมาคุยด้วย”
“ครับ” เขานึกแปลกใจ วราลีเป็นแม่แบบไหนกัน ปล่อยให้ลูกสาวที่ยังเล็กหาข้าวให้น้องๆ กิน
‘จะใช้แรงงานเด็กมากเกินไปแล้ว’
แต่ก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้พูดเปิดอกกับวราลี ทว่าพอขนมชั้นไปแล้ว วราลีก็ลุกตาม
“ขอตัวนะคะ ฉันต้องรีบเตรียมทำขนมชั้นกับหม้อแกงเอาไว้ เดี๋ยวจะไม่ทัน”
มือหนายื่นไปคว้าแขนเรียวเอาไว้ ออกแรงดึงเธอให้ตามเขา “งั้นผมเหมาหมด อยู่คุยกับผมก่อนได้ไหมลี เราต้องเอาความจริงมาคุยกัน ไม่งั้น ผมไม่กลับ”
หลังจากญาติผู้พี่ของเธอขอตัวกลับไปแล้ว เพราะความเป็นหมอมีจรรยาบรรณ เขาคงละอายใจที่ต้องมานั่งเล่นละครไม่แนบเนียนแบบนั้น เธอเองก็ไม่น่าขอให้เขาช่วยสวมรอยเป็นพ่อขนมชั้นเลย เมื่อคิดว่างานนี้ปิดต่อไปคงไม่มิด วราลีจึงมองหน้าเขา
“ความจริงเรื่องขนมชั้นเหรอคะ”
“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้โง่ คุณรู้ว่าผมอยากรู้เรื่องอะไร ขนมชั้นเป็นลูกของผมกับคุณใช่ไหมลี ผมเทียบอายุของแกกับความสัมพันธ์ของเรา ทุกอย่างมันบอกว่าใช่ ไม่งั้น หน้าแกไม่เหมือนผมขนาดนี้หรอก ต่อให้ไม่ต้องไปตรวจดีเอ็นเอ ผมยังกล้ารับรองว่าแกต้องใช่ลูกผม”
วราลีก็เหนื่อยแล้วที่จะปกปิดเขา ไล่ต้อนไม่ลดละ จับพิรุธเก่งอย่างกับเป็นนักสืบ ถ้าโกหกอีก เขาก็คงขุดขึ้นมาอีก พอแล้ว ในเมื่อมันจะปิดไม่มิด แต่อย่างน้อยเธอก็สบายใจขึ้นตอนที่เขาพูดว่าต่อให้ขนมชั้นเป็นลูกเขาจริงก็ไม่คิดจะพรากลูกไปจากเธอ
แล้วตอนนี้เขาก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ไม่งั้นคงไม่ได้เข้ามาครอบครองบ้านหลังใหญ่ของคุณหญิงรำไพหรอก ถ้าจะมาความแตกเอาวันนี้ นั่นก็คงเป็นลิขิตสวรรค์แล้วมั้ง ไม่อย่างนั้นขนมชั้นคงไม่ขี่จักรยานไปที่ต้นชมพู่แล้วบังเอิญเจอพชรเข้าพอดี
ดวงตาคมเข้มจ้องตาเธอไม่กะพริบ ริมฝีปากหยักขบเม้มเข้าหากัน ก่อนที่วราลีจะพยักหน้าน้อยๆ
“ใช่ค่ะ ขนมชั้นเป็นลูกคุณ”