พชรยิ้มกว้างให้เจ้าของบ้านที่แสดงออกชัดว่าไม่ต้อนรับเขา คนช่างสังเกตมองลมหายใจหอบถี่ มืออยู่ไม่สุขเคลื่อนมากำชายเสื้อของตัวเองอีกแล้ว นั่นเป็นนิสัยที่เขาสังเกตเห็นว่าเวลาวราลีเครียดหรือได้รับความกดดันหญิงสาวจะชอบกำชายเสื้อ หน้าผากกลมมนนั้นก็ปรากฏเหงื่อซึม อาการนี้หมายความว่า
‘ระบบประสาทกำลังทำงานหนัก ไม่โกหกก็ต้องมีอะไรปิดบัง’
“ผมก็อยากกลับ แต่จะกลับถ้าได้ลูกชุบกลับบ้าน ตอนขับรถเข้าหมู่บ้านขนมชั้นกระซิบบอกว่าแกจะปั้นลูกชุบให้ผมเอากลับไปกินที่บ้าน ผมก็อยากเห็นว่าเด็กตัวแค่นี้แกจะทำขนมได้จริงแบบที่คุยไว้หรือเปล่า”
“นี่คุณ”
วราลีอ้าปากค้าง เขาหน้าด้านเบอร์ไหน ขนาดถูกไล่กลับยังกล้าเดินผ่านเจ้าของบ้านตามขนมชั้นเข้าไปในบ้านอีก คราวนี้วราลีรีบหมุนร่างเดินตามเขาเข้าไป
“นี่คุณ ไม่รู้จักคำว่ามารยาทบ้างหรือไง เจ้าของบ้านไม่ต้อนรับน่ะ”
พชรหันกลับมามองหน้าวราลี ยิ่งเธอไม่อยากให้เขายุ่งเกี่ยวกับเธอและลูก ก็ยิ่งแสดงว่ามีอะไรที่เธอไม่อยากให้เขารู้
“คุณไม่ต้อนรับผม แต่ขนมชั้น แกเชิญผมเข้าบ้าน จะเป็นอะไรไป ผมเพิ่งย้ายมาอยู่ที่บ้านคุณย่า ตั้งใจจะทำบุญบ้าน ขอชิมขนมฝีมือคุณหน่อยว่าอร่อยเหมือนเดิมหรือเปล่า ถ้ายังฝีมือดีเหมือนเดิมจะได้สั่งไปทำบุญบ้าน คุณมีแต่ได้กับได้”
พชรไหวไหล่ วราลีฟังคนหัวรั้นจะเข้าในบ้านให้ได้แล้วกัดฟันกรอด
“ก็ตามใจ”
พชรอมยิ้ม เห็นว่าธีรกานต์กับขนมชั้นเข้าบ้านไปแล้ว คงไม่ได้ยินสิ่งที่เขากำลังจะพูด
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ผมจะไม่พูดเรื่องของเราให้ใครฟัง ผมแค่อยากหายข้องใจว่าขนมชั้นกับผมเกี่ยวพันทางสายเลือดอย่างที่ผมกำลังสงสัยอยู่หรือเปล่า”
วราลีรู้สึกปวดหนึบเหมือนถูกหนามแหลมคมสะกิดใจ ส่วนพ่อคนช่างสงสัยเดินเข้าไปในบ้านแล้ว และสังเกตว่าราวตากผ้าข้างบ้านมีแต่เสื้อผ้าของผู้หญิงและเด็กผู้หญิง เป็นไปไม่ได้ ถ้ามีผู้ชายอยู่ด้วยจะไม่มีเสื้อผ้าผู้ชายสักชิ้นเดียว
‘คิดจะปกปิด ซุกซ่อน แต่กลิ่นมันฟ้องว่าเธอกำลังโกหก’
วราลีรีบตามเข้าบ้านด้วยอาการหวาดหวั่น เพราะกลัวเขารู้ว่าขนมชั้นเป็นลูกแล้วจะพรากลูกไปจากเธอ ราวกับว่าคนตัวสูงจะเข้าใจความรู้สึกนั้น เขาหันกลับมามองวราลีที่รีบเดินตามหลังมาอย่างกลัวว่าเขาจะรู้อะไรเข้า ท่าทีแบบนี้ยังกับว่าเขาเป็นตำรวจ ส่วนวราลีเป็นแม่ค้าขายยาบ้า แล้วกลัวเขารู้จึงพยายามเบี่ยงเบนกลบเกลื่อนไปเรื่องอื่น แต่กลิ่นมันฟ้องชัด บอกได้คำเดียวว่าถูกจับติดคุกหัวโตเพราะส่อพิรุธขนาดนี้
“ลี ผมรู้นะว่าคุณคิดอะไรอยู่ คุณกลัวผมพบความจริงแล้วจะพรากลูกไปจากคุณใช่ไหม”
วราลีชะงัก เธอคิดอยู่ในใจ ทำไมเขารู้ล่ะ แต่ที่เขาพูดมันก็... “ใช่”
พอหลุดปากไปด้วยความตกใจ คนที่สอนลูกเสมอว่าไม่ให้พูดเรื่องโกหกเพราะเป็นการผิดศีลกลับต้องทำผิดศีลทันควัน
“เอ๊ย! ไม่ใช่ค่ะ”
พชรจ้องคนที่ตอนนี้สับสนไปหมด “คุณนี่ยังไง สมองแต่งเรื่องโกหกไม่ทันใช่ไหม ถ้าขนมชั้นเป็นสายเลือดของผม ยังไง ผมก็ไม่ใจร้ายพรากแกไปจากคุณหรอก แต่ถ้าแกเป็นลูกของผมแล้วคุณปกปิด คุณใจร้ายกับผมมากนะที่ทำแบบนี้”
ภายในบ้าน ธีรกานต์ปั้นหน้ายากเมื่อวางแม่ตัวกลมลงบนโซฟา หลานรักก็เอื้อมแขนสั้นมาวางหลังมือป้อมๆ บนหน้าผากที่เต็มไปด้วยเหงื่อจากการออกกำลังกายของเขา
“คุณลุงขา วันนี้คนไข้เยอะใช่ไหมคะ”
คนวัยสามสิบต้นๆ แต่เป็นลุงแล้วพยักหน้าให้หลานรัก “ขนมชั้นรู้ได้ยังไงครับ”
“ก็ลุงธีเหนื่อย เหนื่อยจนพูดผิดพูดถูกแล้วค่ะ จำไม่ได้เหรอคะว่าลุงธีเป็นลุงของขนมชั้น ไม่ใช่พ่อของขนมชั้นสักหน่อย” แม่หนูน้อยกอดอกมองหน้า ท่าทางโมโหลุงจนธีรกานต์แปลกใจ
“งอนอะไรลุงครับคนดี”
ธีรกานต์ก้มใบหน้าหล่อคมคายลงต่ำมองแม่แก้มอิ่ม รู้สึกอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปจากตรงนี้ที่พูดปดแล้วถูกหลานว่าเอา เขาเองไม่ได้อยากพูดโกหกเลย ไม่ได้อยากยุ่งกับเรื่องนี้ แต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาหลังเขาออกมาจากคลินิกเพราะวันนี้มีนัดจะมาซ่อมลู่วิ่งให้บ้านน้องสาว วราลีบอกว่ามันติดๆ ขัดๆ ใช้การไม่ได้มาหลายวัน แต่ช่างไม่เข้ามาดูให้สักที เขาเกรงว่าน้องสาวจะล้มหน้าจูบกับลู่วิ่งหากสายพานมีปัญหา คนชอบออกกำลังกายจนซ่อมเองได้จึงอาสามาซ่อมให้
ญาติผู้น้องก็ไลน์มาทักพร้อมเขียนสคริปต์สั้นๆ มาในไลน์ ขอให้เขาช่วยเล่นบทเป็นพ่อให้หลาน เพราะพ่อตัวจริงของหลานกลับมา วราลีกลัวเขาจะแย่งลูกไป เพราะเขาเคยพูดไว้ว่าอยากได้ลูก แต่ไม่อยากได้เมีย นี่เป็นงานที่ธีรกานต์ไม่เคยคิดอยากจะยุ่งมาตลอด แต่เห็นแก่วราลีที่เป็นคนดีและชีวิตเริ่มจะมีความสุขแล้ว ในที่สุดเขาก็ทำเรื่องที่ไม่ชอบไปแล้ว
ธีรกานต์ยกมือลูบศีรษะทุยๆ ของหลานสาว “ลุงธีไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่ลุงธีอยากเป็นพ่อทูนหัวของขนมชั้นบ้างไม่ได้หรือไง”
“พ่อทูนหัวคืออะไรคะ”
แม่คนช่างพูดขยับปากเตรียมจะซักต่อ ทว่าธีรกานต์เหลือบเห็นพชรเดินเข้าบ้านมาเสียก่อน
‘ให้ตาย หมอนี่ยังไม่กลับไปอีก เข้ามาถึงในบ้านด้วย งานเข้าแล้วสิ’
‘ยัยลีไม่เห็นเคยบอกว่าพ่อขนมชั้นเป็นนักสืบ’
ธีรกานต์สังเกตเช่นกันว่าผู้ชายคนนั้นกวาดสายตามองทุกอย่างในบ้าน ท่าทางเป็นคนช่างสังเกตมากทีเดียว เขาจึงรีบหันกลับมากระซิบบอกหลานสาว
“เอาล่ะ ไว้ลุงธีจะอธิบายให้ขนมชั้นฟังทีหลัง แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดออกมาได้ไหมว่าลุงธีไม่ใช่พ่อของขนมชั้น รับปากลุงได้ไหมครับ”
“เด็กดีเขาไม่พูดโกหกกันหรอกค่ะ” ขนมชั้นยู่ปากกอดอกพลางส่ายหน้า
“ลุงก็ไม่อยากโกหก แต่ว่าแม่เราเขา...” ธีรกานต์จนใจจะพูดต่อ เขาก็พยายามช่วยวราลีแล้วนะ แต่ดูเหมือนว่าแม่กับลูกบ้านนี้จะแตกสามัคคีกันแล้ว ดูท่าทางขนมชั้นจะชอบพ่อของแกมาก ส่วนน้องสาวของเขาก็ท่าทางกลัวการกลับมาของนายพชรนั่นเอามากๆ
เขารีบยกนิ้วชี้จรดที่ริมฝีปาก “ขนมชั้นฟังดีๆ นะ ลุงไม่ได้ให้หนูโกหก เด็กดีก็ยังเป็นเด็กดี แค่ไม่ต้องพูด ห้ามบอกผู้ชายที่มากับแม่ลีว่าลุงธีไม่ใช่พ่อ ถ้าทำได้ เดี๋ยวคืนนี้ลุงธีจะพาขนมชั้นไปซื้อขนมที่เซเว่น”
ธีรกานต์จำใจต้องเอาขนมมาหลอกล่อ ดูเหมือนจะทำให้หลานสาวเริ่มอยากให้ความร่วมมือ ดวงตาแม่หนูวิบวับขึ้นมาทันที
“ซื้อขนมได้กี่ชิ้นคะ” เด็กน้อยถามแล้วอมยิ้ม แม่หนูเหลือบตามอง แอบคิดเจ้าเล่ห์กับข้อเสนอที่ลุงหยิบยื่นให้
“ปกติแม่ลีให้ซื้อขนมได้ไม่เกินครั้งละสองชิ้นใช่ไหม วันนี้ลุงธีซื้อให้สี่ชิ้นเลย” เด็กเล็กกินขนมมากไปไม่ดี ยิ่งขนมที่ขายในร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่มีโซเดียม เขาสั่งน้องสาวเองว่าไม่ให้ซื้อขนมกินเล่นพวกนั้นให้ลูกเยอะ ควรให้กินพวกผลไม้จะดีกว่าตามนิสัยของคนเป็นหมอ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาต้องใช้มันปิดปากหลานสาว
“สี่ชิ้นเหรอคะ” แม่หนูทวนคำแล้วทำเสียงฮึมฮัมในลำคอเหมือนชั่งน้ำหนักอะไรสักอย่าง
หมอธีรกานต์คิดว่าสินบนคงถูกใจหลาน เขาลอบถอนใจ แอบติดสินบนหลานเสร็จคิดว่ารอดจากการขายหน้าแล้ว ส่วนคนนั่งตัวกลมแกว่งขาอยู่บนโซฟากำลังคิดในใจ
‘สี่ชิ้นเอง ว้าแย่จัง คุณลุงใจดีซื้อให้เต็มตะกร้า น้อยไปๆ’