เขาต้องการคุยกับวราลี ต้องถามหญิงสาวให้รู้เรื่อง จะรีบกลับตอนนี้ไม่ได้ เดี๋ยวมีโอกาสเหมาะๆ เขาซักเธอต่อแน่ พชรร่างคำถามไว้ในใจยาวเหยียด ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้าน แม่คนตัวกลมยืดคอเหลียวมองอะไรบางอย่างที่รถครอบครัวคันใหญ่ซึ่งจอดอยู่นอกรั้ว แล้วกระตุกมือพชรเบาๆ
“คุณลุงขา ลืมอะไรหรือเปล่าคะ”
พชรมองขนมสองถุงผ้าใหญ่ในมือ “ขนมอยู่นี่ไง” แต่พอมองตากลมๆ ชั้นเดียวของแม่หนูน้อยก็นึกออกทันที “อ๋อ ถุงชมพู่ ลุงไปหยิบมาให้นะครับ”
“จักรยานด้วยนะคะ” แม่หนูไม่ลืมเจ้าสองล้อคู่ใจที่ต้องดูแลเช็ดๆ ถูๆ ตอนเย็นทุกวัน
“ครับ เดี๋ยวลุงเอาลงมาให้” เขารีบยื่นถุงขนมให้วราลี “ฝากถือก่อน ผมจะไปเอาชมพู่ที่ท้ายรถกับจักรยานของขนมชั้น”
วราลีรับของมาถือไว้ พอเขาหันหลังเดินออกไปจึงรีบเอ็ดลูกสาวเสียงเบา “ไปชวนเขาเข้าบ้านเราทำไมคะ”
แม่หนูยิ้มเผล่ ที่จริงเธอชวนคุณลุงใจดีเข้าบ้านเพราะมีจุดประสงค์ ทุกเย็นเด็กหญิงมีหน้าที่ต้องคอยช่วยแม่ปั้นลูกชุบ แม้อายุน้อยนิด แต่เป็นแชมป์ปั้นดินน้ำมันระดับประถม ปั้นผลไม้ชิ้นเล็กๆ ได้สวยและเหมือนมาก
“อยากอวดฝีมือทำลูกชุบค่ะ คุณลุงจะได้เชื่อว่าขนมชั้นทำลูกชุบเป็น ไม่ได้โม้ ขนมชั้นจะปั้นลูกชุบให้คุณลุงด้วยค่ะแม่ลี”
แม่หนูเห็นเขาซื้อขนมให้มากเหลือเกิน นึกอยากชวนเขาเข้าบ้าน จะได้ทำขนมแล้วใส่กล่องให้ลุงใจดีเอากลับไปกินที่บ้าน เพราะเห็นเวลาใครเอาของมาฝากแม่ลี แม่ลีก็จะเอาขนมไทยที่ทำขายใส่กล่องสวยๆ ให้กลับไปเสมอ
แม่ลีเคยพูดสอนเสมอว่า ‘อย่าเป็นฝ่ายรับ ต้องรู้จักให้กลับไปบ้าง ตามกำลัง’
ขนมชั้นวางแผนไว้ว่าจะปั้นลูกชมพู่ให้คุณลุงใจดีเอากลับไปกินสักกล่อง แล้วจะถามลุงใจดีว่าเธอปั้นลูกชุบเหมือนลูกชมพู่ไหม ชมพู่ของขนมชั้นนั้นเหมือนจริงเพราะจะนำใบของต้นดอกแก้วที่ปลูกอยู่หลังบ้านมาตกแต่งด้วย
“คุณลุงเขาไม่ชอบกินขนมลูกชุบหรอกลูก เขาแพ้ถั่ว” คนเป็นแม่หลุดปากออกมาเพราะจำได้ว่าเขามีอาการแพ้ถั่วสมัยที่เคยคบหาดูใจกัน ครั้นจะพูดแก้คำก็สายไปซะแล้วจึงได้แต่กัดริมฝีปากไว้ เพราะแม่ตัวกลมเอียงคอถามอย่างสงสัยทันที
“แม่ลีรู้ได้ยังไงคะว่าคุณลุงไม่ชอบกินขนมลูกชุบเพราะแพ้ถั่ว”
เพราะเธอเองก็เพิ่งเจอหน้าคุณลุงใจดี หรือคุณลุงใจดีแอบไปซื้อขนมจากแม่โดยที่เธอไม่รู้ ขนมลูกชุบเป็นขนมที่เธอช่วยแม่ปั้นทุกวันตอนเย็น ส่วนขนมไทยชนิดอื่นแม่ลีต้องทำเอง
“แล้วคุณลุงเขาชอบกินขนมอะไรคะ” แล้วถามต่อด้วยความสงสัย
ขณะที่สองคนแม่ลูกยืนคุยกัน วราลีไม่ได้ระวังตัวจึงไม่เห็นว่าพชรเดินกลับมายืนด้านข้างเธอแล้ว เขามองไปที่ขนมชั้นแล้วตอบคำถามที่แม่หนูสงสัยด้วยตัวเอง
“ลุงชอบกินขนมชั้นใบเตยครับ แม่หนูเขารู้ดี จริงไหมลี”
เขาโยนคำถามมาที่เธอ วราลีรู้สึกอึดอัดที่จะตอบจนต้องหลบสายตาลอบถอนหายใจพรืดยาว “เข้าบ้านกันเถอะขนมชั้น”
พชรมองตามหลังสองแม่ลูกไป เพราะแบบนี้ไง พอได้ยินชื่อขนมชั้นแล้วยังมีเบ้าหน้าเหมือนคุณย่า และเมื่อรู้ว่าเป็นลูกของวราลีจะไม่ให้เขาเกิดความสงสัยได้อย่างไร พิรุธเหลือเฟือขนาดนี้ ถ้ามองข้ามไปโดยไม่สงสัยคงไม่ใช่พชร
วราลีนึกอยากเอาหัวโขกข้างฝา ทำไมต้องตั้งชื่อลูกว่าขนมชั้นด้วยนะ แล้วได้คำตอบให้ตัวเองว่า อาจเป็นเพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะกลับมาที่นี่อีก ตอนนั้นคุณย่าของเขาบอกว่าหลังจากจบปริญญาโทพชรคงต้องอยู่ที่เชียงใหม่ยาว เพราะมีธุรกิจหลายอย่างฟากมารดาที่ลูกชายคนเดียวอย่างเขาต้องรับช่วงกิจการต่อ
อีกอย่างตอนท้องขนมชั้นเธอกินอาหารไม่ค่อยได้ แต่ชอบกินขนมชั้นทั้งที่ปกติไม่ค่อยกินขนมชนิดนี้ เนื่องจากรู้ดีว่าวัตถุดิบที่ทำขนมชั้นทั้งแป้งทั้งกะทิเป็นตัวนำพาน้ำหนัก แต่ช่วงท้องเธอกลับชอบกินขนมชั้นเหมือนพชร กินได้ทุกวันจนน้ำหนักขึ้นพรวด พอเด็กหญิงคลอดออกมา ผิวขาว ตัวกลม หน้าตาน่าเอ็นดู มีดวงตาชั้นเดียวเหมือนผู้เป็นพ่อไม่มีผิด มองหน้าลูกไปมาพยาบาลขอชื่อเล่นของเด็ก วราลีไม่รู้จะตั้งชื่อลูกว่าอะไรดี เธอคิดเอาไว้เยอะมากแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ เลยตั้งชื่อเล่นว่า...
‘ขนมชั้น’
เพราะดวงหน้าใสบริสุทธิ์ของทารกน้อย ทำให้เห็นภาพของใครอีกคนซ้อนทับกับใบหน้านางฟ้าตัวกลม
‘ขนมชั้น ช่างหน้าเหมือนพชรเหลือเกิน’
แต่ก่อนที่วราลีจะเปิดประตู บานประตูก็เปิดออกมาก่อน
เพราะได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของขนมชั้น ชายหนุ่มที่กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง สวมกางเกงออกกำลังกายสีดำอวดรูปร่างกำยำจึงเปิดประตูออกมา โดยไม่รู้ว่าสองแม่ลูกมีแขกมาบ้านด้วย
วันนี้อากาศร้อนมาก ‘หมอธีรกานต์’ จึงถอดเสื้อพาดไว้ที่ลู่วิ่งเพราะเหงื่อออกจนชุ่ม ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นเจ้าของบ้านกลับมาแล้วหลังจากเขารออยู่นาน
“อ้าว ไปไหนกันมา คิดว่าจะโทรตามแล้วเชียว”
พชรชะงัก พอมองไปที่ด้านหน้าก็เห็นว่าขนมชั้นวิ่งเข้าไปกอดผู้ชายหน้าหล่อ หุ่นแน่นคนนั้น สายตามองตรงไปยังคนที่ไม่ได้ตั้งใจโชว์เนื้อตัวอวดรูปร่างที่อัดแน่นด้วยกล้ามเน้นๆ แค่บังเอิญไม่รู้ว่าวราลีกำลังมีแขก
‘ไอ้หมอนี่ใคร’
พชรขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขึ้นหลายระดับเมื่อเห็นว่าคนที่เดินออกมาและกำลังอุ้มเด็กหญิงขนมชั้นมีตาชั้นเดียวเหมือนกัน
แต่พอมองอีกครั้งเขาก็เริ่มคุ้นๆ ขณะที่เขาเกิดความสงสัยบางอย่าง เสียงสาวน้อยแก้มป่องก็ดังขึ้นพร้อมโผเข้าไปกอดหมอธีรกานต์ที่เริ่มจำหน้าได้แล้วว่าพชรเป็นใคร
“คุณลุงธีขา สวัสดีค่ะ” แม่หนูรีบวิ่งเข้าไปแล้วยิ้มพร้อมยกมือไหว้ด้วยท่าทางคุ้นเคยกันดี
ธีรกานต์เหลือบมองหน้าซีดของวราลีแล้วย้ายสายตามองคนหน้าบล็อกเดียวกับแม่หนูตัวน้อยที่เกาะเอวเขาอยู่ คุณหมอลอบยิ้ม ย่อตัวลงจนสูงเท่าขนมชั้น ยกมือลูบศีรษะทุยๆ อย่างเอ็นดูก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้น
“ขนมชั้นขี้เล่นจริงๆ ทำไมชอบเรียกพ่อว่าลุงล่ะ”
พชรได้ยินที่ผู้ชายตรงหน้าพูดกับขนมชั้นแล้วจ้องเขม็ง เขาเชื่อในสัญชาตญาณ ทว่าเขาหูไม่ได้ฝาดแน่ หมอนี่บอกว่าตัวเองเป็นพ่อขนมชั้น ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งพ่อที่แม่สาวน้อยตัวกลมบอกว่าว่างเพราะไม่เคยมีคืออะไรกัน เขาเลื่อนสายตาไปมองที่วราลีแล้วเห็นหญิงสาวหยิกแก้มขนมชั้น
“ขนมชั้นขี้เล่นจริงๆ ชอบเรียกพ่อว่าลุง” วราลีสบตาอย่างรู้กันกับธีรกานต์
แม่ตัวกลมคิดค้านในใจ เธอเป็นเด็กความจำดีจะเรียกลุงเป็นพ่อได้ยังไง วันนี้ลุงกับแม่ลีเล่นอะไรกัน แต่พอจะขยับปากกระจับช่างจ้อจะเอ่ยคัดค้าน หมอธีรกานต์ก็อุ้มแม่ตัวกลมลอยขึ้นพาดบ่าแล้วพูดว่า
“ลูกสาวพ่อน้ำหนักเกินแล้วนะรู้ไหม พ่อซ่อมลู่วิ่งให้ขนมชั้นแล้ว เมื่อครู่พ่อลองแล้ว ขนมชั้นไปลองดูบ้าง ให้แม่เขารับแขกต่อเถอะ”
‘ลู่วิ่งอะไร แล้วใครอ้วน น้ำหนักเกิน’
นางฟ้าตัวกลมดิ้นดุกดิกอยากจะบอกลุงใจดีว่าไม่จริ๊งไม่จริง อย่าไปเชื่อลุงกับแม่ ดวงตาใสแจ๋วของคนตัวเล็กที่ถูกหมอธีรกานต์แบกเข้าบ้านยังไม่วายจ้องไปที่พชรแล้วยกมือป้อมๆ กวักเรียกให้พชรตามเข้าไป
“คุณลุงขา คุณลุงขา”
พชรบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร แต่เขาตัดสินใจขยับเท้าก้าวไปข้างหน้า
“เดี๋ยวค่ะ” วราลีขวางไว้ ดีใจเหลือเกินที่วันนี้ญาติผู้พี่ที่รู้เรื่องของเธอมากที่สุดมาที่บ้านพอดี
“ฉันไม่อยากจะพูดอะไรอีก อะไรที่คุณสงสัยคงกระจ่างชัดแล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับชมพู่กับขนมที่ซื้อให้ลูกสาวฉัน เชิญคุณกลับไปได้แล้วค่ะ”