“ทำไมพามาถูกคนล่ะครับ รู้ได้ไงครับว่าผมจะให้ช่วยไปตามแม่หนูคนนี้”
สาวพนักงานปล่อยมือจากสาวน้อยน่ารักแล้วยิ้มให้กับพ่อและแม่เด็ก
“ทำไมจะไปจับมาไม่ถูกล่ะคะคุณลูกค้า น้องหน้าเหมือนคุณพ่อเปี๊ยบเลย ไปหลงที่ไหนก็คงมีคนพามาส่งถูกค่ะ”
จากนั้นพนักงานก็ขอตัวเพราะจะรีบไปสแกนบัตรเข้างาน ส่วนพชรก็ค้อมศีรษะขอบคุณ
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องน่ารักนะคะ หนูเคยเห็นน้องมาซื้อขนมบ่อยๆ แต่ปกติคุณแม่พามา” พนักงานสาวหันไปยิ้มให้วราลีที่วันนี้ดูหน้าซีดๆ เหมือนไม่สบายเลยไม่ค่อยยิ้มเหมือนทุกครั้งที่เห็น “เพิ่งเห็นมากับคุณพ่อ”
พชรพยักหน้ายิ้มๆ แล้วพยายามกลั้นขำ ส่วนขนมชั้นกำลังใช้สายตาคัดเลือกน้องขนมในตะกร้าที่ตัดสินใจลำบากอยู่จึงไม่ได้ฟังผู้ใหญ่คุยกัน
พอพนักงานเดินไปแล้ว คำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวพชร โสดอยู่ดีๆ ถ้าเกิดมีลูกขึ้นมา เขาจะรู้สึกยังไง คำตอบของเขาก็คือ...
‘ก็โอเคนะ มีลูกช้ากว่านี้เดี๋ยวไม่ทันใช้’
ชายหนุ่มก้มมองแม่หนูน้อยตัวกลมที่กำลังหยิบขนมในตะกร้ามาเปรียบเทียบกัน
เขาเอื้อมมือไปรับตะกร้าขนมของว่าที่ลูกสาว มืออีกข้างก็คว้าแขนป้อมมาจูงไว้เองด้วยท่าทีเอาอกเอาใจยังกับเป็นพ่อที่พาลูกสาวมาซื้อขนม
“หายไปตั้งนาน ได้ขนมมาเยอะเลย แค่นี้พอไหม”
ขนมชั้นส่งยิ้มหวาน “พอแล้วค่ะ” แต่ภายในใจหนูน้อยตั้งใจจะซื้อเพียงสองชิ้น
ยิ่งเห็นกิริยาของเขาที่ตีสนิทกับลูกสาวแบบนี้ วราลีก็ยิ่งรู้สึกกดดันจนเครียดไปหมด เห็นขนมเต็มตะกร้านั่น เงินในกระเป๋าสตางค์ที่เธอพกมาคงไม่พอจ่าย คนเป็นแม่จึงรีบบอก
“หยิบมาเยอะไปแล้วขนมชั้น กินไม่หมดหรอก”
“ก็ไม่ต้องกินให้หมดวันนี้ กินวันอื่นก็ได้นี่ ซื้อหมดนี่แหละ”
แล้วเหลือบไปมองแม่เด็กพร้อมคำถามในหัวตัวเองว่า ที่เลิกรากันไปครั้งนั้น เขาอยากเลิกไหม คำตอบกลับมามันชัดเจนว่า เขาไม่ได้อยากเลิกกับวราลี เธอเป็นคนเดียวที่เขาจริงจังจนคิดจะแต่งงานด้วยก็ว่าได้ ที่ยอมปล่อยมือเพราะไม่อยากดับฝันของใครที่กำลังมีรักใหม่ แต่ตอนนี้เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าวราลีโกหกคำโต หมกเม็ด ซุกซ่อน แต่เธอมีเหตุผลอะไรล่ะ และนั่นทำให้เขายิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก
‘เขาจะทั้งสอบ ทั้งเค้น แล้วทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อคืน’
แต่ตอนนี้ต้องพาลูกไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ก่อน สงสัยแกอยากกินขนมถึงยื่นคอมาชะเง้อมองขนมในตะกร้าที่เขาช่วยถือไม่หยุด
“ไปจ่ายเงินกันครับ” พชรจูงขนมชั้นจะพาไปที่หน้าแคชเชียร์ แต่แม่หนูกระตุกมือเขาเอาไว้
ชายหนุ่มก้มมอง “ยังอยากซื้ออีกใช่ไหม ได้เลย” มันเป็นธรรมดาของเด็กวัยกำลังกินกำลังนอน เด็กอ้วนก็น่ารักดี
วราลียืนมองดูสองคนพ่อลูกคุยกันอย่างหวั่นๆ เห็นแม่หนูตัวอวบส่ายหน้าก็แอบถอนหายใจเบาๆ
“ขนมชั้นเอาน้องขนมมาคัดเลือกค่ะ แต่จะพากลับบ้านแค่สองชิ้นเท่านั้น”
“หือ” พชรเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ทำไมล่ะ ลุงจ่ายได้ ซื้อให้หมดเลย”
ขนมชั้นส่ายหน้า “ไม่เอาค่ะ ขนมชั้นเกรงใจ คุณลุงใจดีให้ชมพู่มาเยอะแล้ว” แม่หนูเห็นว่าชมพู่เต็มต้นนั่นคุณลุงใจดีไม่ต้องซื้อ แต่ขนมพวกนี้คุณลุงใจดีต้องเสียเงินเยอะเลยตั้งใจจะเอาแค่สองชิ้น
พชรลูบหัวแม่คนฉลาดพูด “น่ารักขนาดนี้ ลุงเหมาเซเว่นให้หนูเลยดีไหม”
“นี่คุณ! อย่าทำบ้าๆ นะ!”
วราลีร้องตกใจ เธอรู้ว่าเขากล้าทำแบบที่พูด ครั้งหนึ่งเขาพาเธอไปซื้อกระเป๋า วราลีรู้ว่าเป็นของแพงเลยไม่ซื้อ เขาบังคับให้เธอเลือก แต่มันสวยไปหมดจนเลือกไม่ถูก พอวราลียืนนิ่งมองกระเป๋าใบนั้นที ใบนี้ที เขาเลยเหมาคอลเล็กชันมาใหม่หมดทั้งร้าน ราคาแค่สี่ล้านเศษๆ สำหรับทายาทเศรษฐีหมื่นล้านอย่างพชรคงขนหน้าแข้งไม่ร่วง แต่สำหรับวราลีทำเอาเครียด กินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันที่ทำให้เขาเสียเงินมากมายขนาดนั้น
พชรอมยิ้มมุมปาก มองสีหน้าตื่นของวราลี ในสมองก็คิดพินิจพิเคราะห์เก็บรายละเอียดไปหมด ท่าทีแบบนั้นบอกว่า วราลียังจดจำเรื่องราวที่เกี่ยวกับเขาได้ไม่น้อย ดีไม่ดีอาจจะจำได้ทั้งหมดก็ว่าได้
ริมฝีปากได้รูปขยับยิ้มกว้างอีกนิด รู้สึกอิ่มใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพียงแต่ยังไว้ฟอร์มดูอาการหญิงสาวก่อน เขายังไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองมากไป คาดหวัง วาดฝันไว้สูงแล้วต้องมาเฟลอีกครั้งจากผู้หญิงคนเดียวกันตรงหน้า
“ไหนว่าจะไปซื้อแป้งทำขนม”
เขาเลิกคิ้ว วราลีก็พลันฉุกคิดได้
“อ๊ะ ใช่ๆ” แต่ไม่วายเอ่ยปาก “งั้นฝากลูกสาวฉันหน่อยนะคะ” แล้วเดินออกจากร้านสะดวกซื้อไป
พชรมองตามร่างบางที่เหมือนจะรีบไปทำธุระสำคัญมากๆ สักเรื่อง ปากก็บอกว่าฝาก แต่ไม่แม้จะมองหน้าลูก ทำยังกับไว้ใจเขามากมาย ยิ่งทำให้สงสัยเพิ่มอีกระดับ มีอย่างที่ไหน ฝากแก้วตาดวงใจให้กับใครคนอื่นดู กรณีแบบนี้เขาเองก็ไม่ใช่ญาติสนิทชิดเชื้อ ก็เป็นได้อย่างเดียวเท่านั้น
‘ก็หน้าตาบอกยี่ห้อ พ่อ-ลูก ขนาดนี้’
ทางฝั่งคนที่รีบเดินมาตั้งหลักจนตัวปลิว พอได้จังหวะก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอปพลิเคชันติดต่อแล้วส่งข้อความหาตัวช่วยโดยด่วน และภาวนาให้ใครคนนั้นว่างอ่านข้อความของเธอทันที
หลังจากถุงผ้าใบใหญ่สองถุงเต็มไปด้วยขนมถูกส่งให้พชร เขาจ่ายเงินเสร็จแล้วได้ยินพนักงานถามว่าสะสมแต้มไหมคะ พชรไม่ค่อยได้ใช้บริการร้านสะดวกซื้อบ่อยนัก คนอย่างเขามีคนทำให้ทุกอย่างขอแค่เอ่ยปาก
“ไม่ครับ”
แต่คนตาโตกับตัวเลขหลักพันที่หน้าเครื่องแคชเชียร์รีบค้าน “เอาค่ะ ขนมชั้นอยากสะสมแต้มค่ะ แม่ลีมีบัตรสมาชิก”
พชรก้มมอง ขนมชั้นเขย่งเท้า จิ้มนิ้วป้อมเป็นเบอร์โทรศัพท์ของมารดาอย่างว่องไว แล้วเงยหน้าบอกพชรว่า “อีกนิดเดียว ขนมชั้นจะได้ปิ่นโตแล้วค่ะ”
พชรอมยิ้มกับความสดใส น่ารัก พอเขาจ่ายเงินเสร็จ วราลีที่เดินเข้ามาถึงพอดีพร้อมกับถุงแป้งในมือสักสามกิโลกรัมได้ รีบควักธนบัตรสีม่วงซีดๆ ส่งให้เขา
“ค่าขนมของขนมชั้นค่ะ ฉันพกมาเท่านี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาไปคืนให้”
พชรมองมือขาวสะอาดนั้น ก่อนเงยมองหน้าเจ้าของมือ “เก็บไปเถอะ บอกแล้วไงว่าผมซื้อให้”
เขาพาขนมชั้นไปขึ้นรถแล้วพาสองแม่ลูกไปส่งที่ซอยแปด บ้านหลังสุดท้ายที่ครึ้มไปด้วยต้นไม้ เขาเคยมาที่นี่สามสี่ครั้ง ทุกอย่างดูเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เขาไม่เห็นพ่อของหญิงสาวที่เจอทีไรก็ถือขวดเหล้าแล้วยังชวนเขาชนแก้วอีก
“พ่อของคุณไปไหนเสียล่ะ”
“ท่านเสียไปหลังจากคุณย่าของคุณเสียไปได้สามเดือนค่ะ” พ่อจากไปพร้อมหนี้สิน หลังจากที่แม่เลี้ยงสูบเงินของพ่อจนหมดตัวแล้วก็ย้ายไปอยู่กับผู้ชายคนใหม่
“เสียใจด้วยนะ”
พชรเดินตามวราลีเข้าไปหลังจากหญิงสาวเปิดประตูรั้วโดยไม่รอให้วราลีกล่าวเชิญ แต่โชคดีหน่อยที่แม่หนูน้อยเอ่ยชวนเขาเข้าบ้าน แล้วเห็นวราลีมองกลับมา เขาอ่านสายตาเธอออก มันเป็นสายตาขับไสไล่ส่งเขาให้กลับไปได้แล้ว โชคดีที่ขนมชั้นพูดขึ้น
“คุณลุงขา เข้าบ้านก่อนค่ะ”
‘ลูกสาวเขามีมารยาท’
ชายหนุ่มก้มมองความน่ารักของขนมชั้น ถึงแม้วราลีจะแสดงออกว่าอยากไล่เขากลับบ้าน พชรก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น แล้วหันไปยิ้มให้ขนมชั้น
“เจ้าของบ้านเชิญ ถ้าไม่เข้า ลุงจะเสียมารยาท ตกลง เข้าก็เข้า”