เพราะเด็กพวกนั้นคิดว่าคำว่าถังดูจะเข้ากันดีกับสรีระของขนมชั้น ถึงหุ่นจะอวบกลมดูตันๆ สั้นๆ แต่ใบหน้าของขนมชั้นเรียกได้ว่าน่ารักจิ้มลิ้มจนใครเห็นก็อดเหลียวมองแล้วชมบ่อยไปว่าเธอน่ารัก น่าเอ็นดู
วราลีอยากใช้จังหวะที่พชรเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ขนมชั้นหลบหน้าหายตัวไปจากตรงนี้ แต่คนเป็นแม่มีลูกเป็นตัวประกันอยู่จะหนีไปได้อย่างไร สิ่งที่ทำได้คือการหลบหน้าหลบตา ไม่สบตากับเขาแล้วรีบเดินตามขนมชั้นเข้าไป มือเรียวคว้าแขนป้อมๆ ที่วันนี้ยอมมากับคนแปลกหน้าอย่างพชรง่ายๆ
“ขนมชั้นรีบซื้อรีบกลับ ถ้าช้า จากห้าที แม่จะแถมให้อีกสองที”
ขนาดเธอขู่ขนมชั้นเบาแล้ว คนตัวสูงยังหูดีได้ยิน แล้วรีบทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยสาวน้อยขนมชั้น
“เอะอะก็จะตี ขู่ลูกแบบนี้ไม่ดีนะคุณ” พชรอยากจะคุยกับแม่เด็กมาก เขาค้างคาใจมาตั้งแต่บนรถ
ร่างสูงย่อตัวลงไปบอกขนมชั้น “ขนมชั้นอยากซื้อขนมอะไรก็ได้ในร้าน ลุงพชรเลี้ยงเอง”
แม่หนูตาโตขยายขึ้นกว่าเดิม “จริงเหรอคะ”
“จริงสิ” พชรตบกระเป๋ากางเกง “เท่าไรก็ได้”
“ไม่ได้” วราลีพูดขวาง “คุณเป็นใคร ถึงได้มาสอนลูกคนอื่นให้เสียเด็ก”
พชรยืนขึ้น ใบหน้าที่หล่อเหลาโดดเด่นด้วยวงหน้าคม ดวงตาชั้นเดียว จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากคมชัดอมชมพู ขยับยิ้มมุมปากแล้วเห็นขนมชั้นหันไปก้มมองเยลลีรสโคลาออกใหม่ที่ชั้นวาง พชรจึงได้จังหวะเลิกคิ้วสูงแล้วพูดแบบไม่ออกเสียง จงใจกวนแม่ของเด็ก
‘ผม-สง-สัย-ว่า-จะ-เป็น-พ่อ’
“คนบ้า อย่ามั่ว ขนมชั้นลูกฉัน”
พชรโพล่งขึ้นออกเสียง “กับใครไม่ทราบ”
วราลีที่ไม่ได้เตรียมคำตอบไว้รีบหันหลังหนีเขาทันที แต่ถึงจะไวแค่ไหนก็แพ้ความเร็วของมือพชรที่คว้าเอาแขนเรียวเอาไว้ได้
“เดินหนีผมได้ แต่หนีความจริงไม่ได้ จะสารภาพออกมาดีๆ หรือต้องให้ใช้อำนาจศาลร้องขอให้มีการตรวจดีเอ็นเอ”
ที่เธอตกใจมากตอนเห็นหน้าเขาครั้งแรกของวันนี้ก็เพราะรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนช่างสังเกต แล้วขนมชั้นก็โยนถ่านร้อนๆ มาใส่มือคนเป็นแม่แบบไม่ยั้งเขาจะไม่สงสัยได้ยังไง ลูกใครช่างพูดมากเหลือเกิน วราลีหน้าซีด พยายามจะทำให้ดูปกติที่สุดแต่กลายเป็นส่อพิรุธอย่างแจ่มชัด ด้วยที่เป็นคนมีไรผมเยอะ แล้วเวลานี้ไรผมของเธอที่ล้อมกรอบหน้ารูปไข่มันชื้นแฉะจากเม็ดเหงื่อที่แย่งกันผุดขึ้น
“ขอตัวเดี๋ยวนะ ฉันนึกขึ้นได้ว่าแป้งขนมชั้นที่บ้านกำลังจะหมด ขอไปร้านขายวัตถุดิบข้างๆ หน่อย”
วราลีไม่เคยทิ้งลูกให้ห่างกาย แต่ที่กล้าปล่อยขนมชั้นไว้กับพชรเพราะอะไร หญิงสาวรู้ดีแก่ใจ ทว่าเวลานี้อาการวูบวาบ หนาวๆ ร้อนๆ ทำให้อยากถอยออกไปตั้งหลักสักนิด เผื่อจะคิดหาทางออกดีๆ ได้
พชรผุดยิ้ม อย่างไรเสียวันนี้เขาต้องคาดคั้นหาความจริงในสิ่งที่สงสัยให้ได้
“จะไปซื้อแป้งทำขนม หรือถอยไปตั้งหลัก เอาให้แน่” พชรไล่ต้อนพร้อมกับสังเกตมือเรียวข้างขวาของวราลีที่กำชายเสื้อเอาไว้แน่น “จิกขนาดนั้น ระวังเสื้อขาด”
วราลีรีบปล่อยมือจากชายเสื้อทันที
“ฉันไม่ได้ถอยไปตั้งหลักอะไรทั้งนั้น ทำไมต้องถอยด้วยล่ะ คุณนั่นแหละเป็นคนแบบไหน จู่ๆ ก็มาทึกทักว่าขนมชั้นเป็นลูกของคุณ” เจ้าของใบหน้าสวยทำใจแข็ง เงยหน้าขึ้นมาประสานสายตากับเขา
“จะไม่ให้สงสัยได้ยังไง ขนมชั้นกับผมดูแล้วเคมีพ่อลูกเข้ากันขนาดนี้”
“ใครบอกคุณคะว่าเคมีเข้ากัน คิดไปเอง” วราลีค้านเสียงแข็ง
“ไม่คิดไปเองนะ ลูกคุณบังเอิญหน้าเหมือนคุณย่าผมเปี๊ยบ ส่วนผมกับคุณย่าหน้าเหมือนกัน นั่นประเด็นแรก ประเด็นที่สอง ถ้าเราแค่เคยสบตากัน ผมจะไม่สงสัย แต่...” คนเท้าเอวราวกับจะยืนเอาเรื่องยืดคอมองไปทั่วร้านว่าไม่มีใครเดินมาตรงนี้ เขาจึงกล้าพูดต่อ แต่ลดเสียงลง “ผมกินคุณไปตั้งสามสี่ครั้งถึงได้สงสัยไง”
วราลีอยากจะร้องไห้ แต่พยายามฮึดสู้ น้ำเสียงเผลอสั่นพร่าเพราะน้อยครั้งที่เธอจะพูดโกหก “แต่คุณก็ป้องกันอย่างดีนี่คะ ใส่ถุงยางอนามัยสองชั้น คิดว่ายังมีอะไรหลุดมาได้อีกเหรอ”
“ใช่ ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ผมป้องกันอย่างดีเพราะไม่อยากให้คุณท้อง แต่ครั้งแรกนี่สิ เนื้อแนบเนื้อ แล้วทั้งสามครั้งมันก็เวลาใกล้กัน ขอถามอีกครั้ง คุณท้องกับผมใช่ไหมลี”
“มะ...ไม่ใช่ ขนมชั้นไม่ใช่ลูกคุณ” ใครเขาก็รู้ว่าพชรเป็นคนใจกว้าง แต่บทจะเฉียบขึ้นมา เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อแย่งลูกไปจากเธอแน่ หญิงสาวกำลังจะเรียนจบ ต้องหางานดีๆ ทำได้แน่ แล้วจะดูแลขนมชั้นได้ดีกว่านี้ ไม่มีเขาหลายปีเธอยังอยู่มาได้
พชรแค่นเสียงหึในลำคอ
“ก็อยากจะเชื่อนะว่าคุณพูดเรื่องจริง แต่ผมเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองมากกว่า คุณคอยดูนะ...” พชรเห็นพนักงานเซเว่นคนหนึ่งกำลังเข้าร้านมา แล้วยืดคอไปมองขนมชั้นที่กำลังถือตะกร้าเดินไปหยิบขนมต่างๆ ใส่ลงไปด้วยท่าทางมีความสุข ภายในร้านสะดวกซื้อยังมีเด็กอีกสามคนวิ่งไปวิ่งมา ทั้งหญิง ทั้งชาย วัยใกล้เคียงกับขนมชั้น
“น้องครับ” เขาเรียกสาวพนักงาน
“มีอะไรให้ช่วยคะลูกค้า” หญิงสาวส่งยิ้ม ใบหน้าพร้อมบริการ
“คือ... แบบนี้ครับ พี่พาลูกมาซื้อขนม แต่ลูกพี่ซน วิ่งไล่จับรอบร้านจนเหนื่อยแล้ว น้องช่วยพี่จับลูกหน่อยสิ” เขาชี้ไปที่ขนมชั้นกับเด็กทั้งสามคนที่เด็กหญิงบังเอิญรู้จักดีเพราะอยู่หมู่บ้านเดียวกัน
สาวพนักงานคุ้นชินกับการที่เด็กๆ มาวิ่งในร้านเพราะทำเลของร้านตั้งอยู่หน้าหมู่บ้าน เธอเห็นแทบทุกวันกับภาพพ่อแม่วิ่งตามลูกในร้าน พนักงานสาวยิ้มให้เขาขำๆ
“ได้ค่ะ เดี๋ยวช่วยจับน้องให้นะคะ” พนักงานสาวไม่ถามไปมากกว่านั้นก็วิ่งไปตรงชั้นขนมเข้าใหม่ที่มีสินค้าเตะตาเด็กๆ
แม่แก้มอิ่มกำลังคุยกับเพื่อนอีกสามคนอย่างออกรส
“ทำไมวันนี้ขนมชั้นซื้อขนมเยอะจัง” เด็กวัยเดียวกันชื่อแป้งหอมก้มลงมองขนมเต็มตะกร้า เพราะปกติเคยเห็นขนมชั้นจะซื้อขนมน้อยชิ้นเพราะเจ้าตัวบอกว่าต้องประหยัดและ...
‘จะเก็บเงินไว้ส่งแม่เรียน’
ขนมชั้นยู่ปากไปทางที่แม่และคุณลุงใจดียืนอยู่ “วันนี้มีคนเลี้ยงขนมเราน่ะสิ”
“ซื้อหมดนี่เลยเหรอ” เด็กอีกคนก้มมองขนมในตะกร้าของขนมชั้นด้วยแววตาตื่นเต้น “แบ่งเราบ้างนะ”
“เปล่า เราเอามาเลือก” ขนมชั้นส่ายหน้า แม่หนูก้มมองในตะกร้าเธอเลือกมาเกือบเต็มตะกร้าก็จริง แม้จะอยากได้ทั้งหมด แต่ก็อดเกรงใจคุณลุงใจดีไม่ได้ น้องขนมพวกนี้ได้เข้ารอบ แต่สุดท้ายก็จะมีขนมเพียงสองชิ้นที่ได้เข้าวินกลับไปบ้านพร้อมเธอ
เด็กน้อยยังคุยกันไม่จบ พนักงานสาวก็ตรงมาหาแม่หนูตัวกลมที่ถือตะกร้าเต็มไปด้วยขนม
“อยู่นี่เอง ต้องคนนี้แน่ๆ คุณพ่อคุณแม่วิ่งตามไม่ไหวแล้วค่ะ ไปกับพี่นะคะ คุณพ่อยืนรอตรงโน้น” สาวพนักงานเดินมาจับตัวขนมชั้นแล้วมั่นใจว่าไม่ผิดคนแน่ ก็หน้าตาเหมือนพ่อซะขนาดนี้
ภาพที่ขนมชั้นถูกพนักงานจูงมาแล้วช่วยถือตะกร้า ทำให้พชรที่ยืนมองดูอยู่หันหน้าไปมองวราลีแล้วเลิกคิ้วสูง
“หายข้องใจหรือยังว่าทำไมผมสงสัย ผมยังไม่ทันเอ่ยปากบอกน้องพนักงานเลยว่าให้ไปตามเด็กคนไหน ทำไมเขาไปจูงขนมชั้นมา”
พชรต้องหยุดพูดเมื่อเห็นพนักงานสาวจูงขนมชั้นมาให้
“คุณลูกค้าคะ เอาน้องมาส่งแล้วค่ะ น้องซื้อขนมเยอะสงสัยจะหิ้วตะกร้าไม่ไหว เลยยืนอยู่มุมโน้น” พนักงานชี้นิ้วไปยังจุดที่ไปพาขนมชั้นมา