“นี่ท่านนอนหลับ หรือกำลังหลับตาเพื่อฝึกลมปราณ พลังวัตร พลังซี อะไรกันหรือถึงต้องถอดเสื้อผ้าออกจนหมดสิ้นนางพูดเสียงไม่ดังไม่เบา แต่คนบนเตียงกลับยังนอนนิ่งเฉย
‘สงสัยจะหลับจริง’
เต้าเฟยคิดในใจ พิศมองใบหน้าหล่อเหลา แม้ยามหลับยังปั้นหน้าเย็นชา เต้าเฟยย่นจมูกใส่ แต่เรื่องนั้นช่างก่อน ตอนนี้นางมีเรื่องสำคัญกว่านั้น ในเมื่อมั่นใจว่าเป็นใบหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนาง เต้าเฟยก็เริ่มลงมือ นางกลั้นใจถอดเสื้อคลุมออกช้าๆ ตามด้วยชุดซับในสีขาวจนเหลือแต่เอี๊ยมกับกางเกงผ้าสีขาวติดตัว
แม้จะขัดเขินที่ต้องเป็นฝ่ายเริ่มปลุกเร้าเขาก่อนแต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นสามีของนางแล้ว นางจะร่วมเตียงกับเขาก็ไม่ผิด นิ้วมือเรียวงามบรรจงแตะที่ข้างแก้ม สัมผัสของผิวอุ่นร้อนทำให้เต้าเฟยตัวใจหวิวไหวสั่นสะท้าน ก่อนจะรวบรวมความกล้าที่มีทั้งหมดก้มลงจูบที่ปากหยักลึก
สัมผัสเย็นเฉียบจากปลายนิ้วของเต้าเฟยเมื่อครู่ที่สัมผัสข้างแก้มของลู่เคอตัวทำให้เขาใจเต้นระทึก ทุกอย่างในร่างกายตื่นตัวจากความอ่อนนุ่มของเนื้อตัวและบางอย่างที่อวบหยุ่นมาสัมผัสบนแผงอก ปลุกเร้าให้เลือดในกายสูบฉีดเร็วแรงจนแทบควบคุมไม่อยู่ แต่เมื่อครู่นี้คืออะไรกัน
นางทำมากกว่าลูบแก้มของเขา นางกล้าจูบเขา ลู่เคอตัวบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร รู้สึกแต่เพียงว่าเลือดในกายเย็นเฉียบ
ในขณะที่เต้าเฟยกำลังคิดว่าถ้าพาตัวเองขึ้นไปนอนร่วมเตียงกับเขาจะถูกตะเพิดออกจากจวนหรือไม่นั้น แต่แล้วก็ต้องตกใจยิ่งนักเมื่อร่างกำยำของท่านแม่ทัพจู่ๆก็ลุกพรวดดีดตัวขึ้นจากเตียงแล้วโอบร่างของนางเอาไว้พาพุ่งตัวไปอีกมุมหนึ่งของห้อง ร่างของนางล้มทับร่างกำยำของเขาแล้วหมุนไปด้วยกันอีกสองตลบ เต้าเฟยไม่ทันได้หวีดร้องเพราะทุกอย่างรอบตัวเร็วมาก
ลู่เคอตัวประสาทสัมผัสไว หูของเขาได้ยินเสียงหลางเซี่ยนที่พุ่งทะยานแหวกอากาศมาจากทางทิศใต้ของจวน แต่โชคดีที่หลางเซี่ยนอันเป็นอาวุธที่มีหน้าตาประหลาดมักใช้ในการทะลวงกองทัพข้าศึกทะลุเจาะประตูห้องอันแน่นหนาเข้ามาไม่ได้แต่มีหรือที่แม่ทัพผู้เกรียงไกรจะปล่อยเหตุการณ์นี้ผ่านไป
“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ!”
“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ข้าจะออกไปดูเอง”
“ไม่ข้าไปด้วย”
“เจ้าเลิกวุ่นวายได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องของสตรี เวลานี้เจ้าเป็นฮูหยิน เป็นเมียของข้า ข้าสั่งเจ้าต้องฟัง”
เต้าเฟยอยากรู้แต่ครั้นจะทะเลาะกับสามีในยามนี้คงไม่เหมาะนัก นางจึงยอมตัดใจปล่อยให้เขาคว้าเสื้อเกราะอ่อนที่บุด้วยผ้าไหมอย่างดีเดินออกไปนอกจวน นางได้ยินเสียงเอะอะอยู่พักใหญ่ ได้ยินเสียงโบยประสานเสียงร้องครวญครางของผู้ชายสองคนดังสลับกันทีละครั้ง
นางไม่ต้องออกไปดูก็เดาได้คร่าวๆ ว่ามีใครกำลังถูกโบยอยู่เป็นแน่แล้วสักพักทั้งจวนก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด นางรอแล้วรอเล่าเขาก็ไม่กลับมา เต้าเฟยชักจะเบื่อ นางจึงเดินกลับไปที่เตียงค่อยๆหย่อนกายลงจากนั้นก็ล้มตัวลงนอนจริงจัง ผ้านวมให้ความรู้สึกนุ่ม อุ่นสบายกำลังดี พอนอนแล้วก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
ฝ่ายลู่เคอตัวจ้องหน้าเหล่าทหารที่มีพื้นที่พักแรมอยู่ในค่ายซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของจวนด้วยสีหน้ามืดทะมึนเย็นชา เกิดมาเป็นทหารนั้นถือได้ว่ามีภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ทุกคมดาบที่ฟาดไปข้างหน้าล้วนมีความหมายเพราะนั่นหมายถึงการปกป้องคุ้มกันคนที่อยู่ในแนวหลังให้พ้นภัย หากทหารผู้ใดนำศาสตราวุธมาเล่นในเชิงการพนันผู้นั้นไซร้ย่อมไม่ใช่ทหารดีแต่เป็นทหารเลว
แม่ทัพใหญ่โยนไม้สำหรับโบยลงโทษทหารเลวลงพื้น ทหารสองคนรีบเข้ามาเก็บไม้โบยนั้น ส่วนทหารอีกสี่คนรีบเข้ามานำทหารที่ถูกแม่ทัพโบยด้วยตนเองพาไปทำแผลและสั่งให้ขังคุกทหารเป็นเวลาเจ็ดวันก่อนจะกลับเข้ามาทำหน้าที่เดิม
ลู่เคอตัวขุ่นเคืองใจนักที่ทหารในค่ายสองนายบังอาจนำหลางเซี่ยนมาพุ่งทะยานแข่งกัน พวกเขาพนันกันว่าหากหลานเซี่ยนของใครปลิดลูกพลับไฟซึ่งเป็นผลไม้สีทองที่ได้ขึ้นชื่อว่าหวานที่สุดลงมาได้ผู้นั้นจะเป็นฝ่ายชนะและจะได้เงินรางวัลที่ตั้งกันเอาไว้
พวกเขาไม่ได้กล้าลบหลู่เกียรติของท่านแม่ทัพ ไม่อาจหาญกล้าจะพุ่งหลางเซี่ยนไปยังทิศที่แม่ทัพใหญ่พักอาศัยแต่เมื่อครู่โชคร้ายเกิดลมวูบหนึ่งพัดมาจากทิศทางใดก็ไม่รู้ จู่ๆก็พัดพาให้หลางเซี่ยนเปลี่ยนทิศทางจากต้นพลับไฟไปตกถูกเรือนนอนท่านแม่ทัพ พวกเขาคิดว่าอาจจะถูกสั่งตัดหัวหรือไม่ก็ขังลืมโชคยังดีท่านแม่ทัพใหญ่ยังเมตตาไว้ชีวิต แต่ท่านแม่ทัพใหญ่ก็เกลียดเรื่องการพนันจับใจจึงเป็นผู้โบยทหารสองนายนี้ด้วยตนเอง
“ขอบคุณท่านแม่ทัพ ขอบคุณท่านแม่ทัพ” เป็นเสียงขอบคุณปนครวญครางจากพิษบาดแผลที่ได้รับของทหารที่ถูกลากออกไป ลู่เคอตัวส่ายหน้าอย่างระอาแกมผิดหวัง
“ต่อไปนี้หากข้าเห็นผู้ใดแอบลักลอบเล่นการพนันขันต่อในจวนของข้า ข้าลู่เคอตัวจะสั่งตัดมือมันทั้งสองข้างทิ้งเสีย”
เสียงขานรับคำดังกังวานของทหารม้าภายใต้การปกครองของแม่ทัพใหญ่แห่งกองแปดธงดังขึ้น เขายกมือให้สัญญาณ ทหารเหล่านั้นก็กระจายตัวกลับไปยังจุดเดิมอย่างเป็นระเบียบ
ลู่เคอตัวผ่อนลมหายใจ เป็นทหารต้องอยู่ในระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัดแต่นี่กลับทำตัวไร้ซึ่งระเบียบ แล้วจะเป็นทหารที่ดีได้อย่างไร ร่างใหญ่โตเดินกลับไปยังตนพลับไฟ
สตรีคนหนึ่งซึ่งเขาเคยนำพลับไฟไปฝากนาง นางชมว่าหวานเหลือเกิน เกินกว่าพลับชนิดใดที่นางเคยได้ลิ้มชิมรสมา ลูกพลับไฟสีแดงนี้เขาได้นำมาจากเมืองหลินถง พลับไฟชนิดนี้มีสีค่อนไปทางแดงแม้ลูกจะไม่โตแต่กลับมีรสหวานมากเขาคิดว่าเมื่อนำมาปลูกที่จวนมันอาจจะตายแต่ตรงกันข้ามมันกลับออกลูกมากมายและคนมีน้ำใจกว้างใหญ่อย่างแม่ทัพลู่เคอตัวไม่เคยจะกีดกันเก็บไว้กินคนเดียว เขาอนุญาตให้ทหารที่อยู่ในจวนมาเก็บเอาไปกินได้ แต่เหล่าทหารกล้ากลับเกรงใจท่านแม่ทัพที่เปี่ยมคุณธรรม นอกจากกุมกำลังไพล่พลแล้วลู่เคอตัวยังกุมหัวใจเหล่าทหารกล้าได้ด้วยเมตตา และคุณธรรม หากไม่ได้อยากกินจริงๆ พวกทหารหรือข้ารับใช้ในจวนจะไม่มีใครกล้ามาสอยลูกพลับไฟไปกิน พวกเขาเพียงจะเก็บใบของมันนำไปหั่นตากแห้งเป็นชาพลับไฟอย่างดี
ดวงตาคู่คมภายใต้ขนคิ้วหนาขมวดมุ่น เมื่อเหลือบเห็นเกออาวุธของทหารคนใดคนหนึ่งซึ่งเขาโบยไปเมื่อครู่ตกอยู่ ลู่เคอตัวหยิบเกอซึ่งเป็นอาวุธสำหรับพลทหารราบทำด้วยสัมฤทธิ์ซึ่งถูกออกแบบมาอย่างดีขึ้นมาถือไว้ มุมของมันนั้นพอเหมาะพอดีสำหรับการตัดคอข้าศึกในระยะประชิด รูปทรงที่คล้ายมีดสั้นแต่มีส่วนทำมุมโค้งงอสามารถใช้เหวี่ยงขว้างได้อย่างถนัดมือ หากมีความเชี่ยวชาญในอาวุธนี้แม้แต่หอก ทวน หลาวยังต้องสยบ แต่เมื่อนำไปต่อกับด้ามยาวก็ใช้สำหรับการโจมตีในระยะไกลส่วนปลายโง้งนั้นสามารถเกี่ยวให้ขาของม้าศึกล้มลงได้