แม่นมเซียงนำผ้าสะอาดชุบน้ำมาให้เต้าเฟยเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วก็ประคองคุณหนูของนางที่ตอนนี้เป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพผู้องอาจไปแล้วเข้านอน แต่คนที่ควรจะนอนกลับไม่รู้สึกอยากนอนเลยสักนิด
“ข้าไม่ง่วงเลยแม่นม”
แม่นมเซียงเห็นสีหน้าหม่นหมองของคุณหนูที่เลี้ยงมากับมือแล้วก็ขอบตาร้อนผ่าว สงสารจับหัวใจ “คิดถึงท่านแม่ทัพหรือเจ้าคะ ท่านนอนแยกห้องกับคุณหนูเช่นนี้เป็นการไม่ควรเลย บ่าวรับใช้ภายในบ้านรู้เข้าจะมองคุณหนูของบ่าวอย่างไรกัน หรือจะให้บ่าวบอกเรื่องนี้กับท่านหัวหน้าเผ่าดีไหมเจ้าคะ”
เต้าเฟยรีบลุกขึ้นจากที่นอน เส้นผมดำสลวยปลิวสยายเต็มแผ่นหลัง “อย่าทำแบบนั้นนะแม่นม ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อไม่สบายใจ อีกอย่างเรื่องของข้ากับท่านแม่ทัพอย่างไรเสียก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าจัดการเองเถอะ ยังไงท่านแม่ทัพก็เป็นสามีของข้า จะดีร้ายอย่างไรก็คงไม่ฆ่าแกงข้าหรอก”
ได้ฟังคำพูดที่เป็นเหตุผลสมกับเป็นสตรีที่ออกเรือนเช่นนั้นแม่นมเซียงก็คลี่ยิ้มดีใจ น้ำตาไหลอีกรอบ
“คุณหนูกล่าวได้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ สามีภรรยากัน มีอะไรก็ควรคุยกันเอง บ่าวดีใจเหลือเกินที่คุณหนูคิดได้เช่นนี้ บ่าวเชื่อว่าไม่นานท่านแม่ทัพต้องเห็นความดีงามของคุณหนูของบ่าว แล้วจะไม่ทำเย็นชา หมางเมินเช่นนี้อีก”
เต้าเฟยรับฟังด้วยความนิ่งสงบ รับคำครั้งหนึ่งในลำคอเบาๆ “อืม แม่นมเองก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว ข้าไม่ชอบเห็นน้ำตาของแม่นมเลย ข้าจะปวดใจตามท่าน แล้วจะร้องไห้ตามไปด้วย”
แม่นมเซียงยกมือขึ้นป้ายน้ำตาออก มองคุณหนูของตนด้วยสายตาเทิดทูน“คุณหนูของบ่าวงดงามทั้งหน้าตา จิตใจก็ดีงาม บ่าวแปลกใจนักที่ท่านแม่ทัพมองข้ามท่านไป”
สีหน้าของเต้าเฟยเจื่อนลงสามส่วน “เพราะท่านแม่ทัพมีหญิงอื่นในดวงใจอยู่แล้วยังไงเล่าถึงมองไม่เห็นความดี ความน่ารักของข้า” นางพูดไปแล้วถอนใจ “แต่ช่างเถอะ แม่นมท่านเองก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว ปล่อยให้สาวใช้มาเฝ้าข้าก็พอ”
“เจ้าค่ะ” แม่นมเซียงรับคำแล้วเดินออกไป เต้าเฟยได้ยินแม่นมเซียงสั่งงานสาวใช้อยู่ด้านนอกก่อนทุกอย่างจะเงียบสงบลง
ภายในจวนแม่ทัพใหญ่เงียบสงบ มีเพียงทหารที่เป็นเวรยามเดินตรวจตราความปลอดภัยตามปกติเท่านั้น แต่ร่างของฮูหยินของจวนแม่ทัพกลับนอนพลิกไปพลิกมา พยายามทำใจเย็นข่มตาให้หลับก็ทำไม่ได้ นางกัดริมฝีปากแน่นก่อนตัดสินใจลุกพรวดขึ้นจากที่นอน นางอยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตแต่งงานที่สามีนอนห้องหนึ่งภรรยานอนห้องหนึ่ง
“ถ้าท่านไม่มาข้าก็จะไปหาท่านเองท่านแม่ทัพ” นางคำนวณในใจแล้วว่าไม่สามารถปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ หากไม่ลงมือทำอะไรเลยคนที่เผ่าของนางที่รอความหวังจากนางอยู่ก็จะผิดหวังเสียใจ
นางเกิดมาเป็นธิดาสายรองก็จริงแต่ธิดาของบิดาทุกคนต่างก็แต่งงานออกไปเพื่อทำตามหน้าที่ทุกคน นางเองก็เช่นกัน เมื่อคิดได้ดังนั้นเต้าเฟยก็เปิดประตูห้องออกมา ขยับเสื้อคลุมให้เรียบร้อยแล้วลัดเลาะไปที่ห้องนอนอีกห้องของท่านแม่ทัพ
เต้าเฟยฝ่าละอองหิมะโปรยปรายมาด้วยกำลังใจเต็มสิบส่วน ทหารองค์รักษ์ที่เห็นเงาร่างตะคุ่มเดินตัดผ่านสวนไปทางเรือนพักของแม่ทัพใหญ่ก็เข้ามาขวาง แต่พอเห็นว่าเป็นใครพวกนั้นก็รีบหลีกทางให้อย่างระมัดระวัง
“ฮูหยินนั่นเอง” ทหารองค์รักษ์ก้มหัวคำนับ ก่อนเงยหน้าขึ้นมาถามต่อ “ท่านจะไปที่ใดกันขอรับ ตอนนี้ยามไฮ่แล้วทำไมท่านไม่อยู่ที่ห้อง”
“ข้าจะไปพบท่านแม่ทัพ พวกเจ้าหลีกทางไป”
ทหารองค์รักษ์ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนสายตากันอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าให้กัน เพราะไม่มีคำสั่งห้ามจากท่านแม่ทัพใหญ่ว่าห้ามฮูหยินเข้าไปในเรือนพักแสดงว่านางก็ต้องเข้าไปได้
ทหารองค์รักษ์สองคนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “เชิญฮูหยิน”
“ขอบใจ” เต้าเฟยบอกแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกเรียกความกล้าให้ตัวเอง
ตอนแรกคิดว่าลู่เคอตัวสั่งห้ามนางเข้าใกล้เรือนพักของเขาเสียอีก ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแผนของนางที่จะพิชิตเตียงนอนท่านแม่ทัพคงยากขึ้น นางวางกลอุบายถอนฟืนใต้กระทะ ใช้ความอ่อนสยบความแข็งแกร่ง ในเมื่อเขาทำตัวเย็นชาเป็นหินผา นางก็จะทำตัวเป็นน้ำฝนกัดกร่อนเขาทีละนิดดูสิว่าหัวใจของเขาจะทนได้สักเท่าไหร่กัน วันไหนอ่อนขึ้นมานางจะทำตัวเป็นหอกทวนพุ่งทะลุสู่กึ่งกลางใจเสียเลย
“หลับหรือยังนะหรืออ่านตำรากลศึก เป็นไงเป็นกันอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าหาพ่อเสือ”
เต้าเฟยเดินไม่รีบเร่งเท่าใดนัก จนมาถึงเรือนพักของลู่เคอตัว พอมาถึงหน้าประตูห้องนอน นางเอาหูแนบประตูก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ มองดูแสงเทียนในห้องก็ดับลงหมดแล้ว คาดว่าเขาจะนอนหลับไปแล้ว นางลองผลักประตูเบาๆ แล้วยิ้ม เขาลงกลอนประตูไว้ ไม่ผิดจากที่คาด นางหยิบใบมีดบางเฉียบราวใบหลิวจากผ้าคาดเอวขึ้นมาแล้วสอดผ่านช่องประตูเข้าไปนางบิดมือนิดเดียวไม่นานกลอนก็ถูกปลดล็อค มือเรียวยาวขาวผ่องผลักบานประตูเข้าไปอย่างเบามือ
ทันทีที่เข้าไปภายในห้อง ดวงตากลมโตแสนเจ้าเล่ห์ก็รีบมองไปที่เตียง บนนั้นมีร่างหนาใหญ่นอนหลับอยู่ นางกัดริมฝีปากแน่นทำใจให้กล้า แล้วขยับฝีเท้าก้าวเดินเข้าไป นางนั่งลงที่ข้างเตียง โน้มหน้าลงมองใบหน้าของผู้ที่นอนอยู่ นางอยากเห็นเต็มๆตาว่าใช่ลู่เคอตัวหรือไม่ ทว่าหัวคิ้วของเต้าเฟยต้องขมวดเข้าหากันเพราะไม่รู้ว่าเขากำลังฝึกวรยุทธ์ใดกันถึงได้ถอดเสื้อนอนทั้งที่อากาศหนาวจับใจ