เขาเปลี่ยนไปสนใจอาหารตรงหน้า เพราะกลิ่นเนื้อแพะย่างที่หอมลอยขึ้นมาแตะจมูกช่างเรียกความหิวโหยจนต้องยกตะเกียบคีบเนื้อแพะย่างไฟมากินอีกคำ รสชาติหวานนุ่มกำลังดีทำให้เขาตักกินเรื่อยๆ
เต้าเฟยอมยิ้มมองท่าทีคนโมโหหิวแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อแพะเข้าปากบ้าง นางกินไปเรื่อยๆพลางมองลู่เคอตัวไปด้วย หากนางต้องการไปจากจวนแห่งนี้ สิ่งที่ต้องทำคือเอาใจเขาให้มากเพื่อให้เขายอมมอบลูกให้กับนาง ถ้าฮ่องเต้ไม่รับนางเป็นสนมแต่ประทานนางให้กับเชื้อพระวงศ์คนอื่นนางคงจะไม่ต้องหนักใจเท่านี้
“ท่านแม่ทัพลองชิมผัดผักสมองแพะ” เต้าเฟยคีบไปวางในจานเขา
ลู่เคอตัวหรี่ตามอง นางจะมาไม้ไหนถึงเอาใจเขามากนัก นี่เขาก็กินอาหารของนางจนเกือบหมดแล้ว ลู่เคอตัวรู้สึกเสียหน้าจนไม่กล้ากินต่อ
“ข้าไม่ชอบกินไป๋ช่าย” แม่ทัพหนุ่มวางตะเกียบแล้วยกน้ำชาขึ้นจิบกลั้วคอ จากนั้นก็หยิบผ้ามาเช็ดปากเช็ดมือ
“ท่านพี่อิ่มแล้วเหรอ”
“ใช่ ข้าอิ่มแล้ว”
“แต่ข้ายังไม่อิ่ม”
“ถ้าเจ้ายังไม่อิ่มก็เชิญกินไปคนเดียว”
เต้าเฟยมองอย่างเสียดายของบนโต๊ะ ถึงนางจะตั้งใจแกล้งเขาให้รอนานแต่เมนูทั้งหมดนั้นนางก็ต้องใช้เวลาทำนานจริงๆ ต้องนั่งลอกหนังแพะทั้งตัวแล้วยังจับแพะขึ้นย่างเสียเวลาและพลังงานไปมากร่างกายของนางต้องการมากกว่านี้ เพราะชนเผ่าของนางเคยเร่ร่อนมาก่อนยามกินนั้นจึงต้องกินให้อิ่ม เพราะบางมื้ออาจไม่มีให้กิน นางจึงแตกต่างจากหญิงงามในเมืองปักกิ่งที่เกิดมามีความสุขสบายไม่ต้องย้ายถิ่นทำกินไปเรื่อยอย่างชนเผ่าของนาง
เต้าเฟยรีบวางตะเกียบตาม เดินไปขวางหน้าเขาไว้ ดวงตาใสแจ๋วของเต้าเฟยทำให้หัวใจของลู่เคอตัวคันยุกยิกนึกรำคาญ ใบหน้าน่ารักมีคราบเขม่าเปื้อนเต็มแก้ม เขาส่ายหน้ายกมือขึ้นเช็ดให้นาง
“ท่านแม่ทัพ”
“ใบหน้าของเจ้าช่างดูไม่ได้”
“ช่างใบหน้าข้าเถอะ จะสวยหรือไม่ก็คงไม่สำคัญ”
“ก็จริงของเจ้า” ลู่เคอตัวตอบกลับสีหน้าที่แสดงออกมีแต่ความเย็นชา พูดจบแล้วก็เดินต่อ
“เดี๋ยวก่อน ท่านจะไปไหนต่อ เข้านอนเลยหรือไม่”
ดวงตาของท่านแม่ทัพหนุ่มเบิกกว้าง “เจ้าว่าอย่างไรนะ นี่มันเพิ่งผ่านยามเซิ่นมาไม่นาน พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดินเจ้าก็ชวนข้าเข้าห้องแล้วหรือ” ลู่เคอตัวถามเสียงขึงดุ
“ถ้าหากเร็วไป ข้ารอให้ย่ำค่ำกว่านี้ก็ได้”
“ข้าจะบอกเจ้าว่า หลังจากนี้ไปห้ามไปหาข้าที่ห้องอีก”
“แต่ข้าเป็นฮูหยินของท่าน ท่านจะหวงตัวไว้ให้ใครกันหรือ”
“ถึงจะเป็นฮูหยินของข้าแต่เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวข้า กลับห้องของเจ้าไปซะ หากข้าไม่ได้สั่งห้ามเข้าใกล้ข้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าไม่รับรองความปลอดภัยของเจ้า อีกอย่างถึงเจ้าเป็นฮูหยิน ข้าก็สั่งลงโทษได้เหมือนกัน” ลู่เคอตัวบอกเสียงดุดันแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เต้าเฟยหรี่ตามอง ตะโกนตามหลัง “คิดว่าข้าจะยอมแพ้เหรอ ข้ายังมีแผนอีกมากที่จะนำมาใช้พิชิตเตียงของท่าน” ลู่เคอตัวหยุดชะงักแต่ไม่หันมา ก่อนจะเดินต่อไปอย่างไม่สนใจ
เต้าเฟยเม้มปากแน่น อย่างไรเสียนางก็ไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว เมื่อให้คำตอบตัวเองแล้วก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา เดินย้อนกลับไปที่โต๊ะอาหาร
“กินเองก็ได้ของพวกนี้คนในเผ่าข้าน้อยนักจะได้ลิ้มลอง” เพราะภาพที่อดอยากแห้งแล้งของคนในชนเผ่าทำให้นางไม่กล้ากินอะไรเหลือ
เผ่าเคอเอ่อร์ซินของนางยามหนาวก็หนาวจับใจ ไร้ฝน ไร้น้ำ ทำให้เพาะปลูกได้ยาก อีกทั้งสัตว์เลี้ยงก็มีจำกัดไม่อุดมสมบูรณ์เฉกเช่นต้าชิง นางอยากให้คนของเผ่านางได้มีกินอย่างอิ่มหนำแบบนี้บ้าง
ลู่เคอตัวเมื่อกลับมาถึงห้องก็ทรุดนั่งดังโครม ดวงตาห้าวหาญแปรเปลี่ยนสลับไปมาหลายครั้งด้วยความโมโห เต้าเฟยดูถูกว่าเขายังนึกถึงสตรีคนอื่นอยู่
สตรีที่ว่าก็คือหนิงซูเยว่ที่ไปอยู่ในภพอนาคต เขาไม่ได้คิดถึงนางในแบบชู้สาวอีกต่อไปแล้วหลังจากตัดสินใจโขกศีรษะรับพระราชโองการพระราชทานสมรส ในเวลานี้เหลือแค่ความเป็นห่วงอยากรู้ความเป็นไปของนางที่ไปอยู่ในอนาคตกาลว่านางมีความเป็นอยู่ดีหรือไม่และนางมีครอบครัวไปหรือยัง เขากลัวว่านางจะอยู่ไม่ได้เพราะนางเป็นคนอ่อนโยน ใจดี ไม่ได้คิดอยากให้นางกลับมาร่วมเรียงเคียงหมอนด้วยกันอย่างที่ใครบางคนเข้าใจ
ทว่าพอสลับตัดภาพกลับมาที่ใบหน้าใครบางคน เขาก็ต้องขบฟันแน่น อันที่จริงเต้าเฟยก็มีใบหน้างามสะคราญ ดวงตากลมโตสุกใส รอยยิ้มเปิดเผยจริงใจ จนเขานึกชอบอยู่บ้าง หากจะร่วมเตียงกับนางเพื่อช่วยเหลือนางอย่างที่นางต้องการเขาก็พอทำได้แต่ทำไมเขาถึงบังคับตัวเองให้ทำไม่ได้สักที
หากนางจะไม่ขอร้องเขาตรงๆให้ช่วยทำลูกเพื่อชนเผ่า เขาคงรู้สึกยินดีกว่านี้ เขาคงร่วมเตียงกับนางโดยไม่ตะขิดตะขวง
‘ข้าเต้าเฟยไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก ข้ายังมีแผนอีกมาก’
ลู่เคอตัวอดยิ้มบางๆออกมาไม่ได้ “ก็เอาสิข้าก็อยากรู้นักเจ้าจะมีไม้เด็ดอะไรพาข้าขึ้นเตียงไปกับเจ้าได้เด็กเมื่อวานซืน”
ริมฝีปากหยักลึกของลู่เคอตัวที่ปกติจะเรียบสนิท ยิ้มยาก เผลอกดหยักเป็นรอยยิ้มขึ้นมา เขาลุกขึ้น แล้วเดินไปหยิบผ้าในอ่างน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดมือ จากนั้นก็ล้มตัวเข้านอน เคยต่อสู้แต่ศึกนอกบ้าน ไม่ว่าข้าศึกมีมากเท่าไรก็ไม่เคยหวาดกลัวแต่ทำไมศึกภายในบ้านถึงทำให้เขาหวั่นใจจนกว่าจะปิดเปลือกตาลงได้ก็เป็นเวลานาน