“ท่านพ่อ เริ่มสักทีเถอะ ลูกใจร้อนอยากรู้เรื่องของอัลรีน่าเต็มที”
เจ้าชายอีสดรีสส์ทรุดพระวรกายนั่งลง พร้อมกับจ้องพระพักตร์พระบิดาเขม็ง ยอมรับว่าแอบหวั่นๆ กับเรื่องที่กำลังจะได้ยิน เพราะเกรงว่าจะเป็นข่าวร้าย ทำนองว่าพลเอกรอซีเร่งรัดให้มีการจัดพิธีอภิเษกเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม ถึงแม้จะรับโอษฐ์กับพระบิดาอย่างกลายๆ แล้วว่า จะอภิเษกสมรสกับอัลรีน่าอย่างแน่นอน แต่พระองค์ก็ยังอยากมีเวลาหายใจ อยากครองความเป็นโสดอีกสักเดือนก็ยังดี
“อัลรีน่าหนีไปจากประเทศดาลิยาแล้ว” เจ้าชายอะดะบีตรัสบอกด้วยพระสุรเสียงเครียดๆ
“อะไรนะ! ท่านพ่อ! อัลรีน่าหนีไปจากประเทศดาลิยางั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงตะโกนร้องพระสุรเสียงหลง ด้วยไม่คาดไม่ถึงว่าอัลรีน่าจะกล้าหาญชาญชัยขนาดนี้
“อีสดรีสส์ฟังไม่ผิดหรอก อัลรีน่าหนีการเข้าพิธีอภิเษกสมรส ก่อนที่อีสดรีสส์จะเดินทางมาถึงดาลิยาแค่ไม่กี่วัน”
ขณะที่ตรัสบอกข่าวร้าย เจ้าชายอะดะบีพยายามสังเกตสีพระพักตร์และอากัปกิริยาของพระโอรสที่นั่งอยู่เบื้องพระพักตร์ว่ามีอาการเช่นไร ดีพระทัยหรือเสียพระทัยกับข่าวที่ได้รับรู้
“ฮึ! เจ้าสาวกลัวฝน!...”
เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงตรัสพึมพำเบาๆ ในพระสุรเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเยาะหยันคนที่กำลังตกเป็นหัวข้อการสนทนา
เจ้าชายอะดะบีทรงถอนพระปัสสาสะยาว ก่อนจะตรัสบอกแหล่งข่าวที่ทำให้พระองค์ทรงทราบเรื่องของอัลรีน่า
“หลังจากที่อัลรีน่าหนีไปจากดาลิยาแล้ว พลเอกรอซีก็ได้มาขอเข้าเฝ้า และบอกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมทั้งขอรับโทษทัณฑ์แต่เพียงผู้เดียวด้วย”
“ทำไมอัลรีน่าต้องหนีไปจากดาลิยาด้วย อามิลบอกลูกว่าเหลือเวลาอีกเดือนกว่าๆ จะถึงวันเกิดของเธอไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
แม้ในพระทัยนั้น จะรู้สึกดีพระทัยเป็นอย่างมากที่อัลรีน่าได้หนีออกนอกประเทศ เพื่อเลี่ยงการเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระองค์ แต่อีกพระทัยหนึ่งก็ทรงกริ้วอยู่ไม่น้อย ที่อัลรีน่าบังอาจกระทำการที่เรียกว่าหักพระพักตร์พระองค์เป็นอย่างมาก ป่านนี้ผู้คนทั่วทั้งดาลิยาคงพากันหัวเราะร่วน นินทาอย่างสนุกปากที่คาสโนว่าอย่างพระองค์ถูกคู่หมั้นสาวชิงหนีพิธีอภิเษกสมรสที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เจ้าชายอะดะบีมีสีพระพักตร์ไม่สู้ดีสักเท่าไร พระองค์ลอบทอดพระเนตรมองโอรสนิดหนึ่ง ก่อนจะสารภาพสิ่งที่ได้ทำลงไปเพราะความหวังดี และคิดแค่เพียงพระองค์เดียวว่าโอรสหนุ่มต้องเห็นดีด้วย
“เพราะพ่อไม่มีโอกาสมีลูกสาวเหมือนคนอื่นๆ พ่อจึงอยากได้อัลรีน่ามาเป็นลูกสาวหรือลูกสะใภ้ ก่อนที่อีสดรีสส์จะเดินทางกลับดาลิยา พ่อได้สั่งให้พลเอกซัลวานำชุดเครื่องประดับเป็นไพลินล้อมเพชรชุดใหญ่ที่เป็นของท่านแม่ลูก พร้อมกับชุดแต่งงานไปมอบให้อัลรีน่า”
เจ้าชายอะดะบีหยุดเว้นวรรคไปชั่วขณะ เพื่อลอบมองปฏิกิริยาของโอรส พระองค์รู้ว่าภายใต้พระพักตร์คมเข้มที่เรียบเฉย ราวกับไม่รู้สึกรู้สาในสิ่งที่ได้ยินนั้น ข้างในพระทัยกำลังกริ้วอยู่มาก เพียงแค่ไม่สามารถแสดงออกมาให้พระองค์ได้เห็นก็เท่านั้นเอง
“ท่านพ่อไม่ได้ส่งแค่ไพลินล้อมเพชรกับชุดแต่งงานไปให้อัลรีน่าใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายอีสดรีสส์ตรัสถามอย่างรู้ทัน สิ่งของเพียงสองชิ้นแค่นี้ คงไม่ได้ทำให้อัลรีน่าหวาดกลัวจนถึงกับหนีออกนอกประเทศ
“พ่อได้ส่งสาส์นไปให้อัลรีน่าด้วย โดยแอบอ้างว่าเป็นสาส์นที่ลูกได้ส่งมาจากอเมริกาถึงอัลรีน่าโดยเฉพาะ”
“ข้อความข้างในสาส์น มีว่าอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายอีสดรีสส์ตรัสถามขัดจังหวะ ก่อนที่พระบิดาจะได้ตรัสบอกต่อ
“ในสาส์นบอกให้อัลรีน่าเข้ามาอยู่ที่พระราชวังในวันรุ่งขึ้น มาเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับลูก”
“อัลรีน่าก็เลยเลือกที่จะเป็นเจ้าสาวกลัวฝนหนีออกจากดาลิยา แทนการเข้ามาเป็นนกน้อยในกรงทอง”
เจ้าชายอีสดรีสส์ตรัสคาดเดาต่อท้าย พระองค์ลอบถอนพระปัสสาสะยาว ยกพระหัตถ์ลูบพระพักตร์องค์เอง เพื่อซ่อนความดีพระทัยที่อัลรีน่าได้ช่วยให้พระองค์ไม่ต้องแต่งงานกับคนที่พระองค์ไม่ได้รัก แต่ในขณะเดียวกัน อัลรีน่าก็ทำให้พระองค์กริ้วอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน ที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าชายนักรักอย่างพระองค์ต้องเสียพระพักตร์เป็นที่สุด
“พ่อต้องขอโทษที่ได้ทำทุกอย่างไปโดยพละการ ไม่รอปรึกษาลูกเสียก่อน”
ประมุขแห่งดาลิยาทรงเป็นลูกผู้ชายพอ เมื่อทำผิดก็ยอมรับผิดและขอโทษโอรสโดยไม่อาย
“ท่านพ่ออย่าโทษตัวเองเลยพ่ะย่ะค่ะ ลูกรู้ว่าท่านพ่อหวังดีกับลูกจึงได้ทำไปเช่นนั้น”
เจ้าชายอีสดรีสส์ลุกขึ้นจากที่นั่ง ไปกุมพระหัตถ์ของพระบิดาไว้ พร้อมกับแย้มพระสรวลกว้างเพื่อให้พระบิดาทราบว่า พระองค์นั้นไม่ได้โกรธพระบิดาแต่อย่างใด ซึ่งจะว่าไปแล้วพระองค์ไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธพระบิดาด้วยซ้ำไป
เจ้าชายอะดะบีหรี่ดวงเนตรมองโอรสที่นั่งอยู่แทบพระบาท ก่อนจะตรัสถามเพื่อให้คลายความสงสัยที่วิ่งวนอยู่ในพระทัยของพระองค์
“พ่อรู้สึกว่าอีสดรีสส์ดีใจมากกว่าจะเสียใจนะ ที่ได้รู้ว่าอัลรีน่าหนีไปแล้ว”
เจ้าชายอีสดรีสส์ลอบถอนพระปัสสาสะ ก่อนจะตัดสินพระทัยบอกความจริงกับพระบิดา
“ท่านพ่อจะว่าอย่างไร หากลูกจะบอกว่าลูกไม่อยากแต่งงานกับอัลรีน่า ไม่อยากแต่งงานเพราะคำสั่งของท่านพ่อ ลูกอยากเลือกชายาด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการให้หัวใจทั้งสี่ห้องเลือกหญิงสาวที่สามารถทำให้ชีวิตของลูกมีความสุขมากที่สุด”
เมื่อพระโอรสได้ตรัสอ้อมๆ ให้รู้แล้วว่าไม่ได้รักอัลรีน่า และไม่พร้อมที่จะเข้าพิธีอภิเษกที่พระองค์เป็นผู้ริเริ่มตระเตรียมให้ เจ้าชายอะดะบีก็ไม่อาจคัดค้านความต้องการของโอรสได้
“หากอีสดรีสส์ไม่ต้องการแต่งงานกับอัลรีน่า พ่อก็ไม่ขัดข้อง เรื่องความรักคงบังคับฝืนใจกันไม่ได้ พ่ออยากเห็นลูกมีความสุขที่สุด เมื่อลูกได้เลือกหญิงสาวที่เป็นเนื้อคู่ของลูกจริงๆ”
เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงแย้มพระสรวลบางๆ พร้อมกับถอนพระปัสสาสะอย่างโล่งพระอุระ
“ขอบคุณท่านพ่อมากที่เข้าใจลูก สักวันลูกจะต้องมีชายาที่งดงาม และทำให้ลูกมีความสุขมากที่สุด”
‘แต่ไม่รู้ว่าชายาของลูกจะเกิดหรือยัง’
เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงตรัสต่อท้ายอยู่ในพระทัย สงสัยว่าต้องรอนานอีกหลายปี กว่าจะมีหญิงสาวผู้ที่สามารถพิชิตพระทัยของพระองค์ได้
เจ้าชายอะดะบีทรงอยากเห็นหน้าพระสุณิสาเหลือเกิน อยากรู้ว่าหญิงสาวจากชาติใด ภาษาใดที่จะสามารถทำให้เจ้าชายนักรักอย่างโอรสของพระองค์ ยอมสยบและยอมมอบพระหฤทัยให้แก่พวกเธอเหล่านั้นได้
“หากไม่แต่งงานกับอัลรีน่า ลูกจะทำอย่างไรต่อไป เพราะในวันที่พลเอกรอซีมาเข้าเฝ้า เพื่อขอยกเลิกพันธะสัญญาเรื่องการแต่งงานระหว่างลูกกับอัลรีน่า พ่อได้บอกไปว่า หากลูกตามหาอัลรีน่าไม่พบ จนกระทั่งพ้นวันเกิดของเธอไปแล้ว พ่อจึงจะประกาศยกเลิกพิธีอภิเษก”
เจ้าชายอีสดรีสส์ทรงแย้มพระสรวลกว้าง ก่อนจะตรัสตอบ “ลูกได้เตรียมแผนการไว้สำหรับอัลรีน่า ตั้งแต่ท่านพ่อบอกว่าเธอหนีไปจากดาลิยาแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ลูกขอเวลาจัดการโครงการต่างๆ ที่ลูกตั้งใจก่อตั้งขึ้นมาเพื่อพัฒนาประเทศสักหนึ่งเดือนก่อน หลังจากนั้นลูกจะไปตามเจ้าสาวกลัวฝนกลับประเทศดาลิยา”
เจ้าชายอะดะบีพยักพระพักตร์รับรู้ ทรงเคารพในการตัดสินใจของพระโอรสเสมอ
“แล้วแต่อีสดรีสส์ก็แล้วกัน พ่อขอแค่เพียงอย่างเดียว อย่าทำอะไรรุนแรงกับอัลรีน่าก็พอ”