บทที่ 5
อย่าหาว่าข้าร้าย...
"What!!!..."อริสมองอาหารอย่างตกตะลึง อุทานภาษาในยุคที่จากมาอีกครั้ง
เข้าใจแล้ว...
ไม่แปลกที่ร่างนี้จะอวบอ้วนอุ้ยอ้ายได้ถึงเพียงนี้
อาหารบนโต๊ะล้วนเต็มไปด้วยของมันของทอด ไม่ว่าจะเป็นสามชั้นตุ๋นเต้าเจี้ยวที่เรียงรายจนพูนจาน ขาหมูตุ๋นยาจีนที่ยกมาทั้งขาทั้งสี่ กระเพาะปลาน้ำมันล่องลอยบนผิวน้ำซุป ปีกไก่ที่ทอดจนเหลืองทองเต็มถาด ไม่รวมติ่มซำที่ตั้งเป็นถวมากกว่าห้าแถว ข้าวเปล่าอีกสองไห
นี่ไม่เรียกว่ากินข้าวเช้าแล้ว
นี่เรียกว่าล้างผลาญชัดๆ
"คุณหนูพูดว่าอะไรนะเจ้าค่ะ"สาวใช้คนสนิทเอ่ยถามผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจ
"อาหารพวกนี้...ข้ากินคนเดียวเช่นนั้นหรือ??"
"เจ้าค่ะ ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดคุณหนูทั้งนั้นเจ้าค่ะ"สาวใช้คนสนิทเอ่ยขึ้น ทุกมื้อบนโต๊ะอาหารถูกรังสรรจากพ่อครัวที่นายท่านซื้อตัวมาจากเหลาอาหารขึ้นชื่อเพื่อคุณหนูรองโดยเฉพาะ
"เฮ้อ...ต่อไปลดอาหารลงเหลือเพียงหนึ่งในห้าส่วน ของที่จะขึ้นโต๊ะล้วนเป็นของนึ่ง โดยเฉพาะไก่ ปลา ผักสั่งแม่ครัวทำมาใหม่ ข้าต้องการลดน้ำหนัก ยกพวกนี้ออกไปแบ่งกันกินเถอะ"
"คุณหนู???"ใบหน้าสาวใช้คนสนิทเต็มไปด้วยความมึนงงสงสัย
"ไม่ได้ยินที่พูดหรืออย่างไร"ร่างอวบเอ่ยเสียงเข้ม ของอร่อยนะกินได้แต่ช่วงนี้ต้องลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วน อายุเพียงสิบห้าหนาวน้ำหนักมากถึงเพียงนี้เสียแล้ว เกรงว่าอีกไม่กี่ปียี่สิบเบาหวาน ความดันคงตามมาเป็นแน่
"เจ้าค่ะ"อิงอิงรีบให้สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างยกออกไปทันที
ไม่นานไก่ผัดเม็ดมะม่วงไร้น้ำมันพร้อมอกไก่นึ่งหั่นเป็นชิ้นๆสวยงาม พร้อมน้ำจิ้มและฟักทองนึ่งก็ถูกยกมาอย่างปราณีต
อริสยกยิ้มถือว่าแม่ครัวใส่ใจไม่น้อย
คงต้องตบรางวัลสักหน่อยแล้ว....
"ข้าอิ่มแล้ว ออกไปเดินเล่นที่สวนสักหน่อย"
"เจ้าค่ะ เดี๋ยวให้พวกบ่าวล่วงหน้าไปเตรียมน้ำชา กับขนมให้ก่อนนะเจ้าค่ะ"
"อืม ขอบใจ..."อริสไม่ได้คิดอะไรมากนัก ชีวิตการเป็นบุตรีในตระกูลใหญ่ไม่ต้องดิ้นรนหาเงินใช้เองเหมืนในยุคที่นางจากมา
ข้าวของอาภรณ์เงินตำลึงบิดาล้วนมีมากมายก่ายกอง
และไม่มีอะไรทำมากนัก
มีแต่เรียนบรรเลงพิณ ร่ายกล่อน เล่นหมากรุกเท่านั้น
ซึ่งอริสเองล้วนเป็นเอกด้วยเข้าชมรมสมัยอยู่มหาวิทยาลัย
นางเดินมาตามทางที่รอบด้านมีพันธ์ไม้ดอกไม้ถูกจัดตกแต่งหลากสีงดงาม
จนมาถึงเก๋งศาลาริมน้ำ
ที่สาวใช้ของนางเตรียมน้ำชาและขนมรออยู่ก่อนแล้ว
"น้องรองคงไม่ถือ พอดีว่าวันนี้อากาศดีนักพี่ใหญ่เองก็มาเดินเล่นแวะพักศาลาเพื่อคลายร้อนเช่นกัน"อ้ายเซียงหยิบชาขึ้นจิบอย่างผ่อนคลาย โดยที่ใบหน้าของอริสตึงราบเรียบแสดงถึงอารมณ์ที่กำลังเริ่มปั่นป่วน
ร่างท้วมนั่งลงอีกด้านที่ว่างอยู่
โดยมีสาวใ้คนสนิทรินน้ำชาให้อย่างรู้งาน
ขณะที่ยกจอกชาขึ้นสูดกลิ่นหอมอ่อนๆของชาชั้นดีทำใบใบหน้าของอริสยกยิ้มร้าย
ต่อไปนี้...ข้าคือหวังเลี่ยงเฟิ่ง
ผู้ใดร้ายมา..ก็อย่าหวังได้อยู่สงบอีกเลย...
มืออวบสาดน้ำชาไปทางพี่สาวร่วมบิดาพลางเอ่ยด้วยสีหน้าตกใจแบบเสแสร้งไม่ได้ตั้งใจ
"อุ้ย!! ชาช่างร้อนนักกระเด็นไปโดนพี่ใหญ่เสียได้ หวังว่าพี่ใหญ่คงไม่ถือนะเจ้าค่ะ"
"กรี๊ด!!!ร้อนๆ เจ้า!!!"ร่างบางกรีดร้องเสียงดังเมื่อน้ำชากระทบกับมือบางและแขนบางส่วน
ใบหน้าอวบยกยิ้มอย่างพอใจในผลงานของตน...
ตามความทรงจำที่นางตกต้นไม้ในวันปักปิ่นนั้น เพราะได้คำยุยงของพี่สาวผู้นี้ที่ทะลุมิติมาตามหาชายในดวงใจ
"เจ้ากลั่นแกล้งข้า..."แม้มือบางจะเจ็บปวดแต่ดวงตางามกลับเป็นไปด้วยความไม่ยินยอมเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ
"ข้ามิได้กลั่นแกล้งพี่หญิงใหญ่เสียหน่อย เพียงจอกชาหลุดมือเท่านั้น"
เลี่ยงเฟิ่งเอ่ยโดยไม่มีท่าทีว่าเป็นความผิดของตนเองแม้แต่น้อย
ใบหน้างามของผู้เป็นพี่สาวแดงก่ำนางมิอาจทนความเจ็บปวดต่อไปได้รีบวิ่งออกจากศาลากลับเรือนตนเองทันทีเพื่อหาทางรักษา
"คุณหนูรองอัปลักษณ์แล้วยังจิตใจชั่วร้ายกลั่นแกล้งคุณหนูใหญ่ "สาวใช้คนสนิทของอ้ายเซียงเอ่ยขึ้นทันทีด้วยโกรธแทนเจ้านายตนเอง
โดยไม่รู้เลยว่าหายนะได้มาเยือนเพราะคำพูดของตนเองเสียแล้ว
"ชั่วร้ายงั้นหรือ...เดี๋ยวนี้สาวใช้ของบุตรอนุผู้หนึ่งกว่าต่อว่าบุตรสาวฮูหยินเอกของจวนเชียวหรือ??"ร่างอวบลุกขึ้นพลางเอ่ยกดดัน
ด้วยรู้ดีว่าในยุคนี้สถานะล้วนมิอาจลบหลู่ดูหมิ่นได้โดยง่าย
"บ่าว...คือบ่าวเพียง..."สาวใช้ผู้ภักดีสีหน้าซีดขาวราวกระดาษที่พร้อมปลิดปลิว
"จื่ออัน!!! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาต่อว่าคุณหนูรองหรือคิดว่าเจ้าเป็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูใหญ่แล้วอยากเอ่ยอันใดก็ได้งั้นหรือ??"อิงอิงสาวใช้คนสนิทของเลี่ยงเฟิ่งเองเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด
เลี่ยงเฟิ่งก้าวเข้าไปหาสาวใช้ใจกล้าที่กล้าต่อว่านางท่ามกลางบ่าวไพร่ในจวนที่บัดนี้ก้มหน้าลงตัวสั่นด้วยหวาดกลัวความผิดของตน
เพี๊ยะ!!!เพื๊ยะ!!!
เสียงเนื้อกระทบเนื้อถึงสองครั้งทำให้ร่างผู้เป็นสาวใช้ลงไปกองอยู่ที่พื้น
สมญานาม นางร้ายสายตบ ที่สื่อมวลชนให้ไว้ในยุคที่จากมา
"โบยนางยี่สิบครั้ง ส่งกลับเรือนพี่ใหญ่ด้วยเล่า"ต่อแต่นี้นางคือหวังเลี่ยงเฟิ่ง คุณหนูรองจวนแม่ทัพใหญ่
ใครดีมา..ข้าดีกลับ
ใครร้ายมา..ก็อย่าหาว่าข้าร้ายก็แล้วกัน
"ขอรับ คุณหนูรอง" บ่าวชายที่อยู่ด้านนอกรับคำสั่งผู้เป็นเจ้านายของจวนทันที
สายลมในจวนได้เปลี่ยนทิศไปแล้ว...
"ฮือ..ไม่นะ คุณหนูใหญ่ช่วยบ่าวด้วย คุณหนูช่วยจื่ออันด้วย"สาวใช้ใจกล้าเอ่ยเสียงดังลั่นไม่กี่ครั้ง
อิงอิงจึงหาผ้ายัดปากเอาไว้เสียงจึงเงียบลง
เลี่ยงเฟิ่งนั่งลงในศาลาที่ตนเองอีกครั้ง พลางรินน้ำชาด้วยตนเองสูดกลิ่นหอหวนอบอวลล่องลอย
ใบหน้าของหญิงสาวผ่อนคลายลงไม่น้อย...
'การแสดงเริ่มต้นขึ้นแล้ว รอดูสิว่านางเอกซี่รี่ย์ผู้มาจากศตวรรษที่ 22 จะทำเช่นไรต่อกันนะ...'
เลี่ยงเฟิ่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำด้วยสีหน้าผ่อนคลายไม่นานนัก ก็คิดเดินกลับเรือนของตนเอง
ระหว่างทางที่เดินเอ้อระเหยลอบชายเพื่อย่อยอาหารเช้าอยู่นั้น ก็พบบ่าวไพร่กำลังรื้อบางอย่างอยู่ภายในสวน
ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างอย่างยินดี
'ใบตำลึง'
"ทำอะไรกัน..."ทั้งที่เห็นใบตำลึงจนเนื้อเต้น เลี่ยงเฟิ่งพยายามเก็บความยินดีเอาไว้ เอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"บ่าวพวกนนี้มีหน้าที่ทำสวนเจ้าค่ะคุณหนู น่าจะกำลังรื้อเครือเถาวัลย์ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติออก"สาวใช้คนสนิทเอ่ยตอบอย่างรู้งาน
"เช่นนั้นก็คงต้องทิ้ง หากข้าอยากได้ใบพวกนี้เล่า"อยากได้ทั้งหมดเข้าใจหรือไม่ แต่ด้วยความเป็นคุณหนูสูงศักดิ์
ไม่เอาเราจะไม่พูดเช่นนั้น
"หากคุณหนูรองต้องการเดี๋ยว พวกบ่าวจะไปหาเพิ่มให้นะขอรับ"
"ดี..."
"คุณหนูจะเอาไปทำอะไรหรือเจ้าค่ะ"เป็นอีกครั้งที่สาวใช้คนสนิทประจำตัวเอ่ยถามด้วยความสงสัย
หลังจากคุณหนูพื้นขึ้นมาหลังจากการตกต้นไม้ ท่าทีเปลี่ยนไปไม่น้อย
"ใบพวกนี้ มีประโยชน์อยู่บ้างเพียงต้องใช้ให้ถูกวิธีเท่านั้น เจ้าทั้งสองชื่ออะไร "
"ซินหมี่ กับ ซินซู เจ้าค่ะ"
"เจ้าทั้งสอง เก็บใบพวกนี้ไปล้างให้สะอาดไปหั่นชิ้นเล็กๆตากแดดให้แห้งนำมาบดละเอียดส่งให้ข้าที่เรือนในวันพรุ่งนี้"
"เจ้าค่ะ"
"ดีมาก..."
"คุณหนูไม่ใช้บ่าวเล่าเจ้าค่ะ บ่าวเองก็อยากช่วยคุณหนู"
"ส่วนเจ้าต้องอยู่คอยรับใช้ข้างกายข้า จริงสิไปส่งให้โรงครัวหาซื้อน้ำผึ้งให้ข้าสักสี่ห้าไห"
"น้ำผึ้งหรือเจ้าค่ะ คุณหนูจะเอาของถูกๆพวกนั้นมีขายในตลาดทุกวันเลยเจ้าค่ะ"
"ถูกหรือ...งั้นซื้อมาเยอะๆเก็บไว้ใช้ได้นาน"ดีเลย น้ำผึ้งะรรมชาติไร้สารปรุงแต่งหากว่านำมาบำรุงผิวพรรณแล้วละก็
ต้องงดงามจนมิอาจมองผ่านเป็นแน่
"เจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวพาคุณหนูกลับเรือนก่อนนะเจ้าค่ะ สายแล้วคุณหนูจะไม่สบายเอาได้"
"อืม"
เรือนคุณหนูรองเลี่ยงเฟิ่ง...
"เลี่ยงเฟิ่ง เจ้ากล้าดีอย่างไรสั่งโบยสาวใช้ของข้า หรือตกต้นไม้หัวกระทบพื้นจนเสียสติไปแล้ว"อ้ายเซียงเดินเข้าเรือนน้องสาวด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด
โดยที่เลี่ยงเฟิ่งนั่งจิบชาช้าๆอย่างใจเย็นอยู่ในห้องรับรองแขกของเรือน
ไม่ทุกข์ไม่ร้อน...
นางกำลังรอดูการแสดงของนางเอก ผู้เรียกร้องความเสมอภาคเท่าเทียมอยู่
"ข้าจะโบยสาวใช้สักคนในจวน ต้องขออนุญาติพี่ใหญ๋บุตรสาวอนุเช่นเจ้างั้นหรือ"
"เจ้า!!! บ้านเมืองมีกฎระเบียบชีวิตทุกคนมีคุณค่าเหมือนกัน มิใช่หมูหมากาไก่ที่เจ้าจะสั่งเป็นสั่งตายได้"
"มีอะไรกัน เอะอะโวยวายดังไปถึงด้านนอกเรือน"เสียงบุรุษหนึ่งผู้ก้าวเท้าข้ามธรณีประตูเรือนเข้ามาอย่างองอาจสง่าผ่าเผย สมเป็นแม่ทัพคู่แผ่นดิน
" เฟิ่งเออร์ คาราวะท่านพ่อเจ้าค่ะ"ร่างอวบลุกขึ้นคาราวะผู้เป็นบิดาอย่างเหมาะสม
"ท่านพ่อ!!! ท่านพ่อต้องช่วยให้ความเป็นธรรมกับลูกด้วยนะเจ้าค่ะ"ร่างบางที่แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดเมื่อครู่ เมื่อเห็นผู้เป็นบิดามาเริ่มเอ่ยน้ำตาคลออย่างน่าสงสาร
"เกิดอะไรขึ้น..."
"พี่ใหญ่ ท่านพ่อพึ่งกลับมาจากวังหลวงมาเหนื่อยๆ ท่านอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่สิเจ้าค่ะ"
"เรื่องเล็กสำหรับเจ้างั้นหรือ แต่เรื่องใหญ่สำหรับข้า"ดวงตาของอ้ายเซียงแดงก่ำด้วยความไม่ยินยอม...
พลางเอ้าเว้าวอนกับผู้เป็นบิดา
"ท่านพ่อ น้องรองตกต้นไม้ศีรษะกระทบพื้นจนเสียสติไปแล้วเจ้าค่ะ นางสั่งโบยบ่าวคนสนิทของลูกจนเกือบตาย"
"เรื่องเป็นมายังไง..."
"เจ้าค่ะ ลูกเป็นคนสั่งเอง..."
"เห็นไหมเจ้าค่ะ น้องงรองยอมรับสารภาพเองว่าเป็นผู้สั่งโบยสาวใช้ของลูก"
"พี่หญิงใหญถือหางสาวใช้จนเคยตัว สาวใช้ของพี่หญิงใหญ่ไม่บอกหรือเจ้าค่ะ ว่าเหตุใดข้าถึงลงโทษนางกัน"
"เจ้า!!!"
"สาวใช้คนนั้น ลองบอกให้คุณหนูใหญ่ผู้เรียกร้องหาความยุติธรรมให้สาวใช้คนสนิทฟังเสีย ว่านางกล้าว่าอย่างไรบ้าง"มืออวบชี้เรียกสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเรือนที่อยู่ในเหตุการณ์เช้านี้
"เอ่อ..คือ..."
"พูดมาความจริงออกมา ข้ารอฟังอยู่..."บุรุษหนึ่งเดียวบนโต๊ะน้ำชาเอ่ยเสียงเข้ม
"จื่ออัน สาวใช้คนสนิทของคุณหนูใหญ่ ต่อว่า..คุณหนูรองอัปลักษณ์และจิตใจชั่วร้ายไม่เหมาะสมเป็นคุณหนูตระกูลหวังแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ"
ปั้ง!!!!
เสียงตบโต๊ะของผู้เป็นเจ้าของจวนดังสนั่น...
"ท่านพ่อ..."อ้ายเซียงคุณหนูใหญ่ผู้อยู่ด้านข้าง สะอื้นเสียงสั่นเครือ มิคิดว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ สาวใช้คนสนิทของนางนั้นมักชอบพูดจามิคิดว่าจะกล้าต่อว่าเลี่ยงเฟิ่งถึงเพียงนี้
"บัดซบ...จับสาวใช้นางนั้นไปขายออกไปหอคณิกาเสีย จวนนี้มิคิดเลี้ยงสุนัขที่มิรู้จักผู้เป็นนาย ส่วนคุณคุรหนูใหญ่หักเบี้ยหวัดสามเดือน คัดตำรากุลสตรีสองร้อยบท ห้ามออกจากเรือนเป็นเวลาหนึ่งเดือน พาคุณหนูใหญ่กลับเรือนเดี๋ยวนี้"
"ท่านพ่อ..."อ้ายเซียงน้ำตาไหลอาบแก้ม มิคิดว่าเรื่องราวจะเลยเถิดถึงเพียงนี้
"บ่าวไพร่ไปไหนกันหมดไม่ได้ยินหรืออย่างไร..."
ไม่นานสาวใช้ทั้งหลายก็พาคุณหนูใหญ่อ้ายเซียงที่บัดนี้ร้องไห้และเป็นลมหมดสติจากไปตามคำสั่ง
"เป็นพี่หญิงใหญ่ทำให้เล็กเป็นเรื่องใหญ่ทำไมกัน ท่านพ่อมาเหนื่อยๆแทนที่จะได้พักผ่อนต้องมาจัดการเรื่องเล็กน้อยในจวน "เลี่ยงเฟิ่งเอ่ยขึ้นพลางรินชาให้บิดาอย่างเอาใจใส่
"ส่วนเจ้าเฟิ่งเออร์ หากบ่าวไพร่ไม่เคารพกล้าว่าเจ้าอีกให้โบยจนตายแล้วให้ขนไปทิ้งนอกเมืองเข้าใจหรือไม่"
"ลูกล้วนเชื่อฟังท่านพ่อเจ้าค่ะ ที่เมื่อเช้าท่านพ่อบอกมีอะไรจะบอกลูกหรือเจ้าค่ะ"
"จริงสิ ที่มาหาเจ้าเพราะมีข่าวดีจะบอกเจ้า"
"ข่าวดี..."
"พ่อได้ขอพระราชทานสมรสให้เจ้ากับรุ่ยอ๋องแล้ว เจ้าดีใจหรือไม่"
"พระราชทานสมรสหรือเจ้าค่ะ..."เลี่ยงเฟิ่งตาเบิกกว้าง 'แต่งงานงั้นหรือ'หรือนี่จะเป็นพรจากชายแปลกหน้าผู้นั้นกันนะ
____________________________