บทที่ 2 คนสวยไม่เข้าใจ...
อริสตื่นขึ้นอีกครั้ง...
พร้อมความทรงจำที่หลากหลายมากมาในหัว
หวังเลี่ยงเฟิ่ง คุณหนูรองตระกูลหวังบิดาเป็นแม่ทัพใหญ่ มีมารดาเป็นฮูหยินเอกของจวนเสียไปตอนที่คุณหนูรองคลอด
มีพี่สาวนามหวังอ้ายเซียงบุตรสาวอนุในจวนตระกูลหวัง
บิดามีเพียงบุตรสาวสองคนเท่านั้นทั้งที่เป็นแม่ทัพใหญ่ไร้ซึ่งคนสืบทอดต่อ
เมื่อร่างบางทบทวนทุกอย่างเนิ่นนาน...
นี่นางมิได้ฝัน...
การพบเจอชายแปลกหน้าผู้นั้นเมื่อครู่ บอกว่านางมิใช่คนในยุค 2022แต่เป็นคนในยุคนี้เช่นนั้นหรือ?? ...
แล้วเหตุใดชื่อพี่สาวคนโตถึงได้เหมือนกับชื่อนางเอกซี่รี่ย์ดวงใจข้ามภพกันนะ
หวังเลี่ยงเฟิ่ง...เลี่ยงเฟิ่ง...ใช่น้องสาวอัปลักษณ์ของนางเอกหรือไม่
แย่แล้ว...
หวนคืนชะตาเดิมงั้นหรือ...
ต้องพิสูจน์
"อิงอิง ตื่นๆ ตื่นเร็วเข้า"อริสเขย่าสาวใช้คนสนิทนามอิงอิงที่นั่งฟุบหลับอยู่ข้างเตียงนอน เพื่อเฝ้าผู้เป็นนาย
"คุณหนูตื่นแล้ว เจ็บตรงไหนหรือไม่เจ้าค่ะ"สาวใช้คนสนิทเอ่ยอย่างดีใจพลางเอ่ยถามอาการบาดเจ้บขงผู้เป็นนาย
"อิงอิง เจ้าตอบคำถามของข้าก่อน ตอนนี้ข้าอายุเท่าไหร่"
"คุณหนูตอนนี้15หนาวพึ่งผ่านพ้นวันปักปิ่นมาแค่ สามวันเจ้าค่ะ"สาวใช้คนสนิทเอ่ยอย่างแผ่วเบาลุกลี้ลุกรนมีพิรุธไม่น้อย
"เกิดเรื่องกับข้าในปักปิ่นใช่หรือไม่"อริสจำได้คร่าวๆเพราะซี่รี่ย์ดวงใจข้ามภพเองก็มีฉากนี้เช่นกัน เพียงแต่นางมิได้ข้าร่วมแสดงด้วยเพียงมองอยู่ไกลๆเท่านั้น
"เจ้าค่ะ ก่อนที่คุณหนูจะเข้าพิธีปักปิ่นคุณหนูปืนต้นไม้เพื่อแอบดูรุ่ยอ๋องที่เสด็จมาในงาน คุณหนูเกิดพลัดตกลงมาไม่ได้สติมาสามวันแล้วเจ้าค่ะ"สาวใช้คนสนิทเอ่ยเล่ารายละเอียดด้วยเสียงแผ่วเบา
"เช่นนั้นหรือ..."เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมด นี่มันคือเหตุการณ์ในซี่รี่ย์ที่นางร่วมเล่นอย่างแน่นอน ฉากนี้เป็นฉากที่นางเอกกลั่นแกล้งเอาคืนน้องสาวอัปลักษณ์ที่แอบหลงรักพระรองหรือคือรุ่ยอ๋องนั่นเอง
เรียกได้ว่าฉากนี้อับอายขายหน้าไปทั่วเมืองหลวงเลยทีเดียว
"นำคันฉ่องมาให้ข้า...จุดเทียนเพิ่มความสว่างให้ด้วย"ร่างบางเอ่ยสั่งทันที
เรื่องอับอายมิอาจแก้ไขได้โดยง่าย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดร่างนี้อัปลักษณ์จริงหรือ...เป็นคำถามน่าชวนอึดอัดไม่น้อย
พลางก้มมองมือและแขนขาที่อวบอั๋นเป็นชั้นๆ ชัดเจนพลางถอนหายใจ
ทั้งอ้วนทั้งลงพุงเช่นนี้ชายใดจะมองเล่า...
"นี่เจ้าค่ะคุณหนู..."
"What??? ...."ร่างบางอุทานเสียงดังเป็นภาษาที่เติบโตมา
ใบหน้าอ้วนท้วนจนตายี๋ ผิวหน้ามันเยิ้มเต็มเต็มไปด้วยสิวทั้งใหม่และเก่าที่ต้องรักษา คางเต็มไปด้วยชั้นชัดเจน
ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ร้อยไหมต้องเข้าแล้ว...
เอ๋...นี่มันยุคโบราณจะมีได้อย่างไร
ใบหน้าของอริสค่อยๆๆ สลดอีกครั้ง...
"คุณหนูเจ้าค่ะ..."สาวใช้คนสนิทมองผู้เป็นนายนั้นมองดูตนเองในคันฉ่องบัดเดี๋ยวขมวดคิ้ว บัดเดี๋ยวสลด
"นี่เวลาใดแล้ว..."
"เวลาหรือเจ้าค่ะ..."สาวใช้เอ่ยทวนคำเจ้านายอีกครั้ง
ทางด้านอริสเองภายในหัวรีบหาคำที่ใช้แทนเวลาอย่างรวดเร็ว
"นี่ยามใดแล้ว..."
"อ่อ ...ยามเหม่าแล้วเจ้าค่ะ อีกไม่นานก็เช้าแล้วคุณหนูจะนอนต่อไหมเจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นหรือ... แล้วสามวันมานี้มีใครมาเยี่ยมข้าบ้าง"อริสเริ่มเอ่ยถามความเป็นไปทั้งหมดก่อน
นางต้องตั้งรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสียก่อน
ไหนชายแปลกหน้าผู้นั้นจะให้พร ได้แต่งงานกับคู่แท้ ตัวนางกลับมาชะตากรรมเช่นนี้
ยังคงพอมีเวลาสินะ...
"นายท่านมาถามอาการทุกเช้าเย็นและคุณหนูใหญ่มาเยี่ยมในวันแรกเจ้าค่ะ"เมื่อได้ฟังรายละเอียดทั้งหมด
เป็นบิดาที่ห่วงใยสินะ...
"อืม...ออกไปก่อน "
"เจ้าค่ะ..."
เมื่อสาวใช้คนสนิทจากไปแล้ว อริสลงจากเตียงด้วยท่าทีอุ้ยอ้ายอย่างเห็นได้ชัด
เพียงแค่ลงเตียงยังเหนื่อยถึงเพียงนี้...
ถึงกับมีแรงปืนต้นไม้ดูผู้ชาย
นี่ไม่ตกต้นไม้คอหักตายก็ดีเท่าไหร่แล้ว...
คนสวยไม่เข้าใจ...
_______________________________
บทที่ 4 ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง...
1..2..3...10 1..2..3...10
อลิสเริ่มนับจัดท่าทางเริ่มต้นโยคะ ยืนตรงเท้าชิด ให้ส้นและฝ่าเท้าตรงกัน เหยียดขาให้ตึงโดยลงน้ำหนักทั้งสองข้างให้เท่ากัน เกร็งกล้ามเนื้อท้อง ยืดอก หลัง คอ ให้ตรง ตามองไปด้านหน้า ผ่อนคลายไหล่ หายใจเข้าออกลึกๆ หันฝ่ามือเข้าหากันแล้วชูขึ้นด้านบน เหยียดให้สุด
แล้วเริ่มนับ 1ถึง 10 อีกครั้ง
วนได้อยู่สองสามท่าร่างกายที่อ้วนท้วนก็มีเหงื่อไหลโทรมกาย
พลางนึกในใจคงต้องพอแค่นี้ก่อน
"อิงอิงเข้ามา เตรียมน้ำอุ่นให้อาบด้วย" อริสเอ่ยเสียงดังสาวใช้ที่อยู่นอกห้องรีบตอบรับทันที
"เจ้าค่ะ"
ไม่ถึงครึ่งก้านธูปภายในห้องอาบน้ำที่มีอ่างขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยไม้และฉากกั้นอันวิจิตรบรรจง
ควันสีขาวลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ
น้ำอุ่นถูกเตรียมพร้อมแล้ว
"เชิญคุณหนูเจ้าค่ะ"อิงอิงเอ่ยอย่างนอบน้อมมีเหล่าสาวใช้อีกสองนางช่วยกันถอดอาภรณ์ออก
"คุณหนูไม่สบายหรืเปล่าเจ้าค่ะ..."สาวใช้คนสนิทเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยเห็นเหงื่อเต็มกาย
"เพียงออกกำลังกายเท่านั้น"อริสไม่ได้ตอบคำถามมากนัก ร่างอวบอ้วนก้าวเท้านั่งลงในอ่างน้ำช้าๆ
น้ำในอ่างกระเพื่อมล้นอ่างกว่าครึ่ง
อริสถอนหายใจอีกครั้ง น้ำหนักคงเป้นเรื่องที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
เพียงได้แช่น้ำอุ่นไม่นาน
จิตใจที่สับสนเริ่มสงบอีกครั้ง โดยมีสาวอิงอิงและสาวใช้ทั้งสองช่วยกันขัดเนื้อตัวให้สะอาด
"อิงอิงออกไปเตรียมอาภรณ์ให้ข้าก่อน.."
"เจ้าค่ะ..."
ไม่นานร่างอวบอ้วนก็ลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำที่ชื่นชอบ เพียงเดินเข้าห้องแต่งตัวก็พบอาภรณ์สีสันสดขัดกันจนแสบตา
นี่อาภรณ์พวกนี้จะแต่งนางเป็นนกแก้วหรืออย่างไร...
"เอาสีเหมือนกันมีหรือไม่"อริสเอ่ยอย่างใจ ชายเสื้อสีเขียวตัดกับชั้นในสีแดงผ้าขาดเอวสีเหลือง
นี่แฟชั่นยุคนี้ขัดตายิ่ง
"ทุกที คุณหนูก็แต่งเช่นนี้"
"เลือกที่สีเดียวกันเอาสีชมพูเหมยกุ้ยทั้งชุด"
"เจ้าค่ะ" เพียงชั่วก้านธูป อาภรณ์ปักลวดลายเล็กๆ สีชมพูเหมยกุ้ยถูกสวมทับโดยสาวใช้ทั้งสาม
อริสนั่งลงบนโต๊ะเครื่องประทินโฉมพบเครื่องประดับ ปิ่นปักผมทุกสิ่งล้วนทำจากทองเหลืองอร่ามแทบทะลุม่านตา
"เครื่องประดับมีเพียงเท่านี้หรือ..."
"แต่ก่อนคุณหนูชื่นชอบเครื่องประดับที่ทำจากทองคำเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ มีเครื่องประดับสินเดิมของนายหญิงอยู่เจ้าค่ะ"
"ของท่านแม่หรือ...นำออกมาให้ข้าดู"ร่างอวบเอ่ยสั่งทันที แม้ใบหน้ายังคงดูไม่ได้แต่การวางตัวและสวมเครื่องประดับที่เหมาะสมล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่สมควรทำ
อิงอิงรีบลากหีบใต้เตียงทั้งสามหีบออกจากเตียงของผู้เป็นนายอย่างทุลักทุเล
อริสมองตามสาวใช้
มีมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ...
มืออวบเปิดหีบออกพบเครื่องกล่องเรื่องประดับงดงามจัดเป็นเซตสัดส่วนตามสีอัญมณีน้ำเอกล้ำค่าควรเมือง
เครื่องประดับเหล่านี้ล้วนใส่ในพิธีการหรืองานเลี้ยงต่างๆคงไม่เหมาะใสอยู่ในจวน
ดวงตางามมองหากล่องเล็กๆ ที่มีเพียงปิ่นปักผมและตุ้มหูเท่านั้นเรียบๆเหมาะสมใส่ในจวนเท่านั้น
พอเปิดอีกหีบครานี้พบปิ่นปักผมงดงามพร้อมตุ้มหูเล็กๆตกแตงอัญมณีสีชมพูอ่อน
"ปักปิ่นสองชิ้นนี้ก็พอ ทำผมให้ข้าด้วย ส่วนเครื่องประดับทองพวกนี้เอาไปขายเสีย"
"เจ้าค่ะ"
อริสมองมือสาวใช้ที่หวีและทำผมให้นางอย่างคล่องแคล้ว ผมยาวถูกมัดขึ้นด้วยผ้าชิ้นเล็ก ด้านหน้าถูกทักเปียตกแต่งเกล้าขึ้นยึดด้วยปิ่นด้านหลังปล่อยทิ้งสลวยตามแบบคุณหนูในห้องหอที่ยังไม่ได้แต่งงาน
"คุณหนูจะแต่งหน้าเช่นทุกวันหรือไม่เจ้าค่ะ"สาวใช้คนสนิทเอ่ยถามด้วยวันนี้ ท่าทีของคุณหนูเปลี่ยนปจากแต่ก่อนมากนัก
"แต่งหน้าหรือ...ไม้ต้องหรอกวันนี้ข้าคงไม่ออกไปไหน "นางอยากพักหน้าให้หายดีเสียก่อนคงต้องหาสมุนไพรมาบำรุงใบหน้าเพิ่มเติมก่อน แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก
ค่อยทบทวนทีหลังแล้วกัน...
"เฟิ่งเอ๋อร์ ดีเหลือเกินดีเหลือเกินที่เจ้าฟื้นแล้ว"เสียงบุรุษสูงวัยเดินเข้ามาในห้อง ตามความทรงจำบุรุาผู้นี้คือบิดาของนาง
"เฟิ่งเอ๋อร์คาราวะท่านพ่อเจ้าค่ะ"ร่างอวบลุกขึ้นทำความเคารพผู้เป็นบิดาตามพิธีการเหมาะสม
"อย่าเพิ่งลุก พ่อเพียงแวะมาเยี่ยมเท่านั้นเห็นเจ้าหายดีพ่อก็เบาใจ เช้านี้ต้องรีบไปท้องพระโรงเสียก่อน กลับมาค่อยคุยกันหากมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการบอกสาวใช้ของเจ้าให้พ่อบ้านจัดการได้เลยนะ พ่ออนุญาติ "
"เจ้าค่ะ"ไม่ทันได้พูดคุยมากนัก ผู้เป็นบิดาก็เร่งร้อนจากไป
คงมีต้องมีเรื่องด่วนเป็นแน่...
"คุณหนูหิวหรือยังเจ้าค่ะ ตั้งโต๊ะตอนนี้ดีไหมเจ้าค่ะ"
"อืม..."อริสพยักหน้าตอบรับช่วงเช้าเล่นโยคะเบริ์นไขมันไปไม่น้อย ต้องเติมพลังงงานให้มากเสียหน่อย พลางใบหน้าตนเองในคันฉ่องสีทอง
เฮ้อ...ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเชียว
ร่างอวบถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า...
ไม่นานสาวใช้ก็เข้ามาประคองออกห้องนอน
"สำรับอาหารเตรียมเรียบร้อย เชิญคุณหนูเจ้าค่ะ"
เมื่อเดินออกมาห้องอาหาร ที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิดเรียกได้ว่ายกภัตาคารห้าดาวมาไว้บนโต๊ะๆเดียวก็ว่าได้
"What!!!..."
____________________________________