ร่างตรงหน้ายืนนิ่งไม่ไหวติง พิมพลอยนึกแปลกใจที่อาเชมายืนไม่พูดไม่จา
"เป็นอะไรหรือเปล่าอาเช ไม่สบายหรอ"พิมพลอยถามอย่างเป็นห่วง มักมีชาวบ้านมาหาเธอยามค่ำคืนเสมอถ้ามีใครป่วยหนักตอนดึก พิมพลอยจ้องมองหน้าเขาปากของอาเชขยับอ้ากว้างคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง เลือดสีดำเหม็นคาวทะลักไหลเป็นลิ่มๆออกจากปาก
"นะ.. หนี..ไป.. หนะ...หนีไป "คำพูดแต่ละคำที่กว่าจะเปล่งออกจากปากได้มีกลิ่นคาวคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน พิมพลอยผงะถอยหลังล้มเพราะตกใจ จากหน้าของอาเชเปลี่ยนเป็นหน้าใครคนหนึ่งที่เธอไม่รู้จักนัยน์ตาแดงโร่ ปากแสยะยิ้มเยือกเย็นก้าวย่างสามขุมมาหาเธอ ร่างบางกระเถิบถอยหนีเอาชีวิตรอดจากอันตรายตรงหน้า ร่างใหญ่ดำทะมึนใช้มือสากตะปบจับข้อเท้าหญิงสาวไว้เล็บแหลมงองุ้มจิกลงบนขาเนียน พิมพลอยกลัวสุดขีดรีบสะบัดขาออกแต่มือใหญ่กลับกระชากอย่างแรงดึงร่างหญิงสาวเข้ามาใกล้
"กรี๊ดดดดดดดดดด"พิมพลอยหวีดร้องสุดเสียงเมื่อร่างมันเข้าใกล้จนชิด มันโน้มหน้าเข้ามาใกล้แลบลิ้นยาวเปียกเลียแก้มของหญิงสาว พิมพลอยหันหน้าหนีอย่างขยะแขยงหลับตากัดฟันแน่น มือของมันเลื่อนจากข้อเท้าไล้ขึ้นมาที่ขาเรียวสอดเข้าใต้ผ้าถุงเธอสะดุ้งเฮือกเมื่อเล็บมันกรีดผิวบางตามไปด้วย ภาพตรงหน้าทำให้เธอแทบขาดใจตายความกลัวเกาะกุมทุกอนูขุมขน ร่างดำขึ้นคร่อมหญิงสาวแสยะเขี้ยวอ้าปากกว้างก่อนจะก้มลงมาใกล้อีก
"พิมพลอย พิมพลอย"ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเหงื่อผุดเต็มใบหน้า หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวหญิงสาวสำลักอากาศเข้าไปคล้ายคนจะจมน้ำลืมตาโพลง
"นรินทร์"หญิงสาวร้องดัง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครพิมพลอยรีบถลาเข้ากอดแน่นกลัวว่าจะหายไป เธอร้องไห้ฟูมฟายออกมาน้ำตาแห่งความตระหนกและความดีใจปะปนกัน
นายทหารหนุ่มกอดตอบหญิงสาวเบาๆเขารีบเร่งฝีเท้ากลับมายังหมู่บ้านโดยไม่พักกว่าจะมาถึงก็ค่ำพอดี เขารีบรุดมาหาหญิงสาวเป็นคนแรกด้วยความเป็นห่วง เห็นเธอนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงจึงรีบปลุก
"ฉันกลัวๆไอ้ผีดิบนั้นมันจะ..."เสียงของหญิงสาวแหบพร่าไม่กล้าแม้จะเอื้อนเอ่ยถึงมัน
"คุณแค่ฝันไป ไม่มีอะไรหรอก ผมอยู่นี่แล้ว"ชายหนุ่มพูดปลอบโยนลูบศีรษะหญิงสาวให้ซบแนบอก
พิมพลอยตัวสั่นดังลูกนกความกลัวยังฉายชัดราวกับเกิดขึ้นจริงๆหญิงสาวกัดริมฝีปากตนเองจนห้อเลือดให้รู้สึกเจ็บว่าไม่ได้ฝันไปอีก นายทหารหนุ่มสงสารคนตัวเล็กตรงหน้าได้แต่กอดร่างบางไว้เพื่อปลอบโยน พิมพลอยเริ่มอุ่นใจขึ้นเมื่อรู้ว่าคนที่คอยดูแลปกป้องเธอได้กลับมาแล้ว หญิงสาวเริ่มปรับอารมณ์ให้เป็นปกติแม้จะยากอยู่สักหน่อยก็ตาม
"คุณกลับมาได้ยังไงคะ ไม่ได้ไปกับพวกคุณลดาหรอ"
"ผมเป็นห่วงคุณเลยขอกลับมาก่อน พอดีเจอชาวบ้านหมู่บ้านใกล้ๆ เขาบอกมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น"
"มีคนตายหรือคะ"นายทหารหนุ่มไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้า พิมพลอยตกใจเธอคิดว่าเรื่องร้ายๆจะจบลงแล้วแต่นึกไม่ถึงเลยว่ามันวนเวียนอยู่ใกล้แค่นิดเดียว
"มันยังไม่ไปไหน"พิมพลอยพูดเกือบจะกระซิบ
"ครับ ผมถึงเป็นห่วงคุณ"ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวไว้แน่นเขาก็คิดเช่นเดียวกับเธอ
"หลายวันมานี้ที่มันเงียบไปคงได้ร่างใหม่ไปหากินที่อื่นแต่ผมก็ยังไม่แน่ใจนักเพราะเมื่อเช้าปกรณ์บอกว่าเห็นอะไรแปลกๆที่ชายป่า"นรินทร์นึกย้อนไป
"แปลกๆหรอคะ ยังไง"
"มันบอกเห็นเป็นเงาดำหายลับไปในป่า"พิมพลอยใช้มือปิดปากใช่มันแน่นๆมันกลับมาแล้ว
"เหมือนในฝันฉันเลยค่ะ ฉันฝันว่าอาเชมาบอกให้ฉันหนีไปแต่เขาดูเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก จากนั้นหน้าเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นใครอีกคนที่ฉันไม่รู้จักกำลังจะเข้ามาทำลายฉัน"หญิงสาวรีบเล่าความฝันให้ชายหนุ่มฟัง
นรินทร์เองก็ตกใจไม่แพ้กันเพราะตอนที่เขารีบกลับมาที่หมู่บ้านเขาพบร่างของอาเชที่เพิ่งเสียชีวิตไม่นานสภาพศพคล้ายเจ้าหนุ่มกระเหรี่ยงตอนที่เสียใหม่ๆแต่เขาไม่มีเวลาจะทำอะไรกับศพได้และนึกไม่ถึงเพราะมัวเป็นห่วงพิมพลอยจึงเร่งมา ซึ่งมันตรงกับในฝันของพิมพลอย ที่ยังไม่มีใครรู้ว่าอาเชตายแล้วนอกจากเขาเพียงคนเดียว
"เราจะทำยังไงกันดีล่ะคะ"พิมพลอยหวาดกลัวเธออยากจะหนีเรื่องร้ายๆนี่ไปให้ไกลแสนไกลเพราะแค่เพียงในฝันเธอก็แทบหมดลมหายใจ
"ผมว่ามันต้องกลับมาที่นี้อีก คราวนี้ไม่ต้องให้มันล่าเรา แต่เราจะเป็นฝ่ายล่ามัน"นรินทร์พูดพร้อมขบกรามแน่น
พิมพลอยนั่งหน้างออยู่หน้าห้องน้ำไปยินเสียงคนตัวโตตักน้ำราดกายถูสบู่อย่างสบายใจ นายทหารหนุ่มบ่นเหนียวตัวเหนอะหนะหลังจากบุกป่าฝ่าดงมาทั้งตัวเลยขออนุญาติเธอไปอาบน้ำตอนสี่ทุ่มกว่า พิมพลอยแม้จะยังรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อยก็ให้ชายหนุ่มไป แต่เขาน่ะสิดันลากเธอลงมาด้วยกะจะให้อาบเป็นเพื่อนใครจะบ้าหนาวขนาดนี้ พิมพลอยเลยขอนั่งเป็นยามเฝ้านายทหารอาบน้ำอยู่หน้าประตูเพราะเขาแทบไม่ให้เธอห่างกายเลย
"จะอาบอีกนานไหมคะ หนาวขนาดนี้เดี๋ยวก็เป็นไข้กันพอดี"พิมพลอยร้องถามได้ยินเสียงฮึมเพลงดังออกมาอย่างใจเย็น
"ผมไม่กลัวหรอกครับ มีเมียเป็นพยาบาลทั้งคน"ชายหนุ่มตอบพร้อมตักน้ำราดตัวพิมพลอยนึกหมั่นไส้จะขัดให้มันขาวเลยหรือยังไงกัน
"ฉันยังเอาตัวเองไม่ค่อยจะรอดเลยค่ะ แล้วนี่ทำไมดูอารมณ์ดีจัง"
"ผมไม่ได้บอกคุณหรอว่าครบเจ็ดวันแล้ว"เสียงตอบดังกลับมาพิมพลอยหน้าแดงซ่านถ้าเขาอยู่ตรงหน้าต้องเห็นแน่ๆแต่ยังดีที่มีประตูกัน
"คุณพิม ทำไมเงียบไปล่ะครับยังอยู่ไหม"ชายหนุ่มทักเมื่อหญิงสาวเงียบไป
"เวลาแบบนี้ใครเขาคิดเรื่องอย่างนี้กันล่ะ คนบ้า"หญิงสาวตอบอายๆ
"ผมก็คิดทุกเวลาแหละครับ"พ่อคนหื่นรีบบอกเจ้าหล่อนจะรู้ไหมนะที่เขาอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณอยู่เพราะคิดจะเผด็จศึกเธอ
"งันก็อาบต่อไปนานๆเลยค่ะไม่ต้องออกมาเลยฉันขึ้นบ้านก่อนล่ะ"
"อ้าว ทำไมอย่างนั้นล่ะเมื่อกี้ยังให้รีบอาบอยู่เลย"ชายหนุ่มรีบเช็ดตัวแล้วเปิดประตูออกมาเพราะกลัวหญิงสาวจะไปก่อน
"เดี๋ยวสิคุณจะไปได้ยังไง เดินได้แล้วหรอ"นายทหารหนุ่มรีบเขามาประคองเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้น
"เริ่มเดินได้แล้วค่ะแต่ไม่ค่อยถนัดมาก"หญิงสาวหันมาตอบคนตัวโตยิ้มอย่างดีใจ
"แสดงว่าหายแล้ว"
"ยังค่ะ"พิมพลอยรีบตอบเพราะรู้ว่าคนเจ้าเล่ห์กำลังคิดอะไรอยู่จากสายตาคู่นั้น
"ถ้ายังไม่หายให้ผมอุ้มไปนะครับ"ชายหนุ่มไม่พูดเปล่ายกร่างบางลอยขึ้นในอ้อมแขนพิมพลอยดิ้นเล็กน้อยเพราะตกใจ ร่างใหญ่เดินดุ่มรีบขึ้นบ้านแล้ววางหญิงสาวลงบนเตียง
"ปล่อยได้แล้วค่ะถึงแล้ว"
"ไม่ครับ ผมหนาว"คนตัวโตออดอ้อนกระชับกอดแน่นขึ้นอีก
"หนาวก็ไปใส่เสื้อผ้าสิค่ะ มานุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวแบบนี้ไม่หนาวได้ไง"
"ไม่เอาอ่ะผมขี้เกียจถอด"หญิงสาวตาโตเมื่อได้ฟังนายทหารหนุ่มพูดนี่เขาคิดจะทำอะไรกับเธอกันแน่
"แต่ฉันเจ็บแผลอยู่เจ็บมากเลยค่ะ"พิมพลอยแสร้งเจ็บที่สะโพกกะทันหันตามแบบมารยาหญิง นายทหารหนุ่มรี่ตามองเหมือนรู้ทัน
"แต่ผมมีท่าที่ทำให้ไม่เจ็บ"คนตัวเล็กหน้าร้อนผ่าวเมื่อคนหื่นเริ่มสำแดงฤทธิ์
"แต่ฉันยังไม่พร้อม"
"นอนกอดเฉยๆก็ได้"พิมพลอยไม่ค่อยอยากจะเชื่อคำว่านอนกอดเฉยๆของเขาสักเท่าไร
"นอนเฉยๆแน่นะคะ"
"มีกอดด้วยครับ"นรินทร์รีบเติมคำที่ตกหล่นหญิงสาวเริ่มรู้ไต๋ของชายหนุ่มดึงผ้าห่มมาพันตัวแล้วนอน เขาได้แต่อ้าปากเหวอจะให้นอนกอดดักแด้หรือยังไงกัน
"เอ้า นอนก็นอน"ชายหนุ่มเป่าตะเกียงดับล้มตัวลงนอนข้างๆทั้งที่ยังไม่ใส่เสื้อผ้าเขาแกล้งยกขาหนักพาดขาเจ้าหล่อนมือก็รั้งร่างบางเข้ามาใกล้
ร่างของปกรณ์ถูกย้ายขึ้นไปบนบ้านของอูเล ตาเฒ่าทำน้ำมนต์เป่ารดร่างให้สองสามที สีหน้าชายหนุ่มดูดีขึ้นแต่หน้าก็ยังคงซีดอยู่ชีพจรกลับมาเต้นดังปกติแล้วไม่แผ่วเบาเมื่อคราแรก
"เอ็งเฝ้านายทหารดีๆนะไอ้คะฉิ่นถ้าผ่านคืนนี้ไปได้นายทหารก็รอด"
"ทำไมต้องคืนนี้ล่ะจ้ะพ่อ"คะฉิ่นถามอย่างสงสัย
"ก็แสดงว่าอีผีพรายนั้นมันยอมปล่อยไปยังไงล่ะ"
"แล้วนั่น พ่อจะไปไหนดึกแล้วนะพ่อ"
"ก็จะไปดูหมอสิว่ะ เอ็งลืมไปหรือไงถ้านายทหารอยู่นี้ก็แสดงว่าหมออยู่คนเดียวข้าก็เพิ่งนึกไปเมื่อกี้"
"เออจริงด้วยพ่อ รีบไปเลย"คะฉิ่นเร่ง ตาเฒ่าอูเลเดินลงจากบ้าน ถือตะเกียงและมีดในมือติดมาด้วย
แสงจันทร์เดือนแรมสาดส่องลงมา ต้นไม้น้อยใหญ่โอนเอนตามแรงลมคล้ายเงาปีศาจร้ายน่ากลัว เสียงจิ้งหรีดเรไรเงียบสงัดป่าทั้งป่าเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดให้หลับใหล อูเลส่องไฟฉายไปรอบๆตัวตาเฒ่าเดินตัดเข้าทางชายป่าเพื่อย่นระยะทาง ในใจก็คิดว่าวันนี้มันเริ่มแปลกๆหรือเป็นเพราะตนเรียกนางผีพรายออกมาเมื่อค่ำ
เสียงเหยียบใบไม้ดังก๊อบแก๊บ ตาเฒ่าสะดุ้งหันกลับไปตามเสียง เงาใหญ่ดำทะมึนกระโจนพรวดเข้าพุ่มไม้ใกล้ๆกลิ่นฉุนโชยมาปะทะจมูก อูเลกระชับมีดในมือ เป็นมันไม่ผิดแน่ ตาเฒ่านึกหวั่นแต่ก็เดินมุ่งเข้าไปในพุ่มไม้เงื้อมีดขึ้นสุดแขนกะฟันเต็มแรง
"ไอ้อาเช!"
ตาเฒ่าชะงักเมื่อเห็นหน้านั้นได้อย่างชัดเจน ร่างของอาเชจ้องกลับมาในตาแดงกล่ำราวเสือร้ายแยกเขี้ยวแหลมเต็มปากกระโจนเข้าใส่ตาเฒ่า อูเลเหมือนถูกสะกดให้ขยับไม่ได้ ร่างเล็กของตาเฒ่าโดนร่างใหญ่ปะทะเข้าจนล้มลง มีดในมือหลุดกระเด็นไปไฟในตะเกียงดับวูบเช่นเดียวกับศีรษะอูเลที่กระแทกกับก้อนหินจนหมดสติไป