บทที่ 1
ตัวสำรอง (2)
จังหวะการก้าวเดินเร่งกระหน่ำจนเกือบเป็นการวิ่งเหยาะ นรีนันท์รีบตรงปรี่ไปยังห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษัททันทีที่ทราบข่าว เธอต้องการคำอธิบายจากปากท่านที่ถึงแม้ว่าความเป็นจริงส่วนลึกจะไขกระจ่างแล้วก็ตาม
หญิงสาวก้าวเท้าไปตามหนทางจนเกิดเสียงดังตามแรงกระทบของรองเท้าส้นสูง แต่แล้วหางตาและแว่วเสียงกลับทำให้ขาสองข้างหยุดชะงักกึกกะทันหัน กลุ่มพนักงานมากกว่าห้ากำลังจับกลุ่มคุยกัน ซึ่งบทสนทนาเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับตัวเธอทั้งหมด เหตุนั้นจึงทำให้ผู้จัดการโรงแรมเบี่ยงเปลี่ยนทิศทางการเดินในทันที
“ฉันสงสารคุณนันท์ว่ะแก ทำงานก็หนัก ดูแลงานแทนท่านประธานทุกอย่าง แต่ไหนท่านประธานถึงได้ยกตำแหน่งให้ลูกเมียน้อยวะ”
“ก็เพราะลูกเมียน้อยที่แกว่าเขาเป็นผู้ชายไง แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตระกูลนี้เขายึดถือเรื่องเพศ คนที่กุมบังเ**ยนได้จะต้องเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะเก่งกว่าก็เถอะ”
“โคตรหัวโบราณเลยว่ะ ยังไงซะฉันก็เชียร์คุณนันท์มากกว่าอยู่ดี ข่าวลือของคุณเนย์หนาหูจะตาย นอกจากจะเก่งไม่เท่าคุณนันท์แล้วยังเสเพลไม่เอาไหนอีกด้วย แล้วแบบนี้ท่านประธานจะกล้ายกตำแหน่งให้คุณเนย์จริง ๆ เหรอวะแก”
“กล้าไม่กล้าก็ยกให้แล้วอะ เหลือแค่ประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น แกเองก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าตอนที่ท่านประธานเดินเข้ามาบริษัทน่ะเขาแนะนำคุณเนย์...”
นรีนันท์ทนฟังต่อจนจบไม่ไหว เธอเจ็บปวดกับคำลือเลื่องหนาหูจนต้องหลีกหนีเดินเลี่ยงออกมา
แต่แล้วในจังหวะที่แข้งขาไร้กำลัง เกือบจะทรุดฮวบสู่พื้นแต่โชคดีที่มีแรงมือจับรั้งช่วยเอาไว้ หญิงสาวเม้มปากแน่นพยายามเก็บกลั้นความอ่อนแอ ตั้งใจจะหันใบหน้าไปเอ่ยปากขอบคุณและหวังเดินจาก หากแต่ความคิดที่ว่าเป็นความโชคดีกลับเป็นแปรเปลี่ยนเป็นความอดสูที่แทบอยากผลักไสคนจับรั้งให้พ้นทาง
“ไอ้เนย์!” เสียงเค้นลอดไรฟันกดต่ำ เพราะคนที่เข้ามาช่วยประคองร่างของตัวเองนั้นคือคนที่อยู่ในวงสนทนาร่วมกันกับเธอ
เนติวิทย์เป็นน้องชายต่างมารดา อายุน้อยกว่าเธอเพียงห้าปี ทั้งสองคนเป็นพี่น้องที่แทบเรียกว่าเป็นพี่น้องกันไม่ได้ เหตุเพราะความไม่ลงรอยกันคือชนวนที่ทำให้คนทั้งสองต้องชิงดีชิงเด่น
นรีนันท์ล่วงรู้ความจริงว่าพ่อแสนประเสริฐมีโลกอีกใบที่สร้างไว้ ลูกเต้าที่มีกับบ้านน้อยก็ตัวโตเทียบเท่าเธอ จนกระทั่งมารดาเสียชีวิตด้วยโรคร้าย หลังจากนั้นเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ผู้เป็นพ่อก็พาครอบครัวใหม่มาอยู่ด้วยกันในคฤหาสน์หลังใหญ่ ตอนนั้นนรีนันท์เพิ่งอายุเจ็ดขวบเท่านั้น จากความเจ็บช้ำที่เพิ่งสูญเสียมารดายิ่งแตกสลายเพราะพ่อพาคนอื่นเข้ามา แถมยังแก่งแย่งความรักที่พึงมีไปจากเธอ
“สวัสดีครับพี่นันท์คนสวย ไม่เจอกันตั้งสามปี เนย์โคตรคิดถึงพี่นันท์เลยครับ” น้องชายแสนชังยอมปล่อยมือออกจากการพยุงรั้ง เปลี่ยนอิริยาบถเป็นการอ้าแขนกว้างหวังโอบกอดพี่สาวด้วยท่าทางยียวนกวนประสาทอย่างถึงที่สุด
นรีนันท์รีบผลักอกแกร่งออกห่าง ไม่วายทิ้งสายตาเหยียดหยามขยะแขยงไปให้อย่างที่ทำอยู่ทุกครั้งที่เจอ
“ถอยออกไปไอ้เนย์ ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของแก!”
“โห่ พูดเสียงแข็งใส่น้องแบบนี้ได้ไงอะ ไม่คิดถึงกันบ้างเลยเหรอ เราไม่เจอกันหลายปีเลยนะพี่นันท์” เนติวิทย์ยังเย้าเสียงไม่หยุด มุมปากของเขาหยัดยิ้มทั้งยังแค่นหัวเราะตามมา ราวกับว่าการกระทำที่ได้รับจากพี่สาวคนนี้ช่างถูกใจเขาเหลือเกิน
“แกไม่ใช่น้องฉัน หลีกไป!” ความอดทนอดกลั้นยังหลงเหลืออยู่ หญิงสาวเลือกที่จะเดินหนีเพราะมีเรื่องสำคัญมากกว่าการยืนเป็นเป้าให้น้องนอกไส้ยียวน แต่ทว่าในจังหวะที่เธอกำลังจะก้าวเบี่ยง ร่างใหญ่โตของเนติวิทย์กลับเดินมาขวาง หลังจากนั้นวงแขนแกร่งก็โอบกักกัน จนนรีนันท์ถึงกับต้องก้าวถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่างให้ได้มากที่สุด
“เดี๋ยวดิ จะรีบไปไหน อ้อ...จะรีบไปหาป๊าเพราะจะถามเรื่องตำแหน่งใช่ป้ะ ข่าวไวดีนี่หว่า”
นรีนันท์รีบตวัดสายตาขึ้นมอง น้ำเสียงและท่าทางของเนติวิทย์ช่างออกอาการเหยียดหยามและยกตัวสูงส่งกว่าเธออย่างเห็นได้ชัด
“มาถามผมก็ได้ เรื่องที่คนเขาลือกันอะมันเรื่องคือจริง ผมจะขึ้นรับตำแหน่งแทนป๊า”
“ไม่จริง!” เสียงแผดร้องดังขึ้นลั่นสนั่น นัยน์ตาหวานสั่นไหวระริกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเสียใจ
แรกเริ่มเดิมทีเธอก็พอรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่เพียรพยายามลงมือทั้งหมดเป็นการปูทางให้น้องชายต่างมารดา แต่มันกลับมีเศษเสี้ยวความหวังน้อย ๆ ที่คอยเป็นกำลังใจทุกวี่วันว่าพ่อของเธออาจหันมองเห็นค่ากันบ้าง
“ตกใจจนช็อกไปเลยเหรอพี่นันท์ ฮึ...น่าสมเพช เอ๊ย! น่าสงสารว่ะพี่ ทำดีแทบตาย แต่สุดท้ายเป็นได้แค่ตัวสำรอง ขอโทษด้วยนะพี่นันท์ที่พ่อเห็นผมสำคัญกว่า หรือพูดง่าย ๆ ก็คือพ่อรักผมมากกว่านั่นแหละ”
คำจี้จุดทำให้สติของนรีนันท์ขาดผึ่ง คำคำนั้นสร้างความเจ็บช้ำให้เธอมานานนับยี่สิบปี และมันก็ถูกสาดซ้ำย้ำเตือนเข้าสู่สมองอีกครั้งว่าเธอเป็นลูกที่พ่อไม่รัก!
หยาดน้ำตาร่วงไหลอาบแก้มใสทั้งสองข้าง เกินความกลัดกลั้นนรีนันท์จึงปล่อยความอ่อนแอเสียใจออกมา เธอตั้งใจว่าจะทำทีเมินเฉยตั้งคอเชิดไม่สนใจเสียงนกเสียงกา หากแต่บาดแผลที่กดทับกลับเจ็บปวดรวดร้าวเกินกว่าจะฝืนไหว
“โอ๊ะโอ...นี่พี่นันท์ร้องไห้เหรอ ฮึ...ขอถ่ายรูปเก็บไว้ได้ป้ะ สะใจว่ะ!” เนติวิทย์ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายภาพความอ่อนแอดังปากพูดจริง ๆ
“อย่างแกมันก็เป็นได้แค่ลูกเมียน้อยเท่านั้นแหละไอ้เนย์!” นรีนันท์ตะโกนคำพูดหน้าตอกหน้าน้องชาย แน่นอนว่าสิ้นคำนั้นก็ทำให้ใบหน้าของเนติวิทย์แปรกลับเป็นความก่ำโกรธ มือหนากำเข้าหากันแน่น และเพียงเสี้ยววินาทีมันก็ตรงจับกระชากที่ไหล่มนของพี่สาวด้วยแรงโทสะที่สาดสุมภายใน
“อีนันท์!”
“ทำไม! แกมันก็แค่ลูกเมียน้อย อย่างแกมันก็เป็นได้แค่นั้นแหละไอ้เนย์!” ไม่มีความหวั่นกลัวแม้ว่าเรี่ยวแรงอันน้อยนิดจะต่อกรกับคนตรงหน้าไม่ได้
นรีนันท์ตอกหน้าย้ำคำอีกครั้งก่อนจะอาศัยจังหวะที่เนติวิทย์เผลอรีบผละตัวและผลักร่างกำยำออกห่าง
คำพูดเจ็บแสบถึงการย้ำชัดว่าเนติวิทย์คือลูกเมียน้อยเป็นสิ่งที่เธอไม่คิดอยากทำ หากแต่การถูกกระทำซ้ำเติมในครานี้กลับทำให้เธอเลือกที่จะใช้ปมด้อยข้อนั้นขึ้นมาเล่นงานคนฉวยโอกาสอย่างเขาแทน