ตอนที่ 5

1344 คำ
“หมอตรวจอยู่ เอ็งรอหน่อยแล้วกัน แต่ป้าขอตัวกลับก่อนล่ะ เดี๋ยวลูกป้ามันขายของผิดๆ ถูกๆ” “ฉันขอบคุณป้ามากนะจ้ะที่พาแม่มาโรงพยาบาล” “ไม่ต้องมาขอบคุณอะไรหรอก เรื่องเล็กน้อย ว่าแต่แม่แกเป็นอะไรไปยัยแป้ง ไม่เห็นไปขายขนมที่ตลาดเลย แกรู้ไหมว่าลูกค้ามาถามหา” “แม่ไม่ค่อยสบายจ้ะป้า” “ถึงว่าแม่เอ็งถึงได้เป็นลมเป็นแล้งคาบ้าน แต่เดี๋ยวป้ากลับล่ะ ลุงรอนานแล้ว” “จ้ะป้า” พิรุณนภาเดินมาส่งป้าสมศรี แล้วก็เดินกลับมารอแม่อยู่นานหมอก็ออกมาบอกต้องให้แม่นอนดูอาการก่อน “แม่เป็นอะไรเหรอคะ” “เดี๋ยวหมอขอตรวจให้ละเอียดก่อน แล้วจะแจ้งอีกที” “ค่ะคุณหมอ” พิรุณนภามองจนคุณหมอหายเข้าไปในห้อง จากนั้นเธอก็มานั่งรอเข้าไปเยี่ยมมารดาที่ห้องพักรวม จากนั้นก็คอยเฝ้าดูมารดาจนได้เวลาไปทำงาน เป็นอย่างนี้มาหลายวัน แต่ก็ยังไม่ทราบอาการของมารดา ขณะที่คนเป็นแม่ก็ขอร้องไม่ให้หมอบอกกับลูกสาวว่าตนเป็นมะเร็ง “แป้ง” “จ้าแม่” พิรุณนภารีบเข้ามาหามารดาที่เตียง “แกกลับบ้านไปได้แล้ว แล้วถ้าเจอ...” “แม่ไม่ต้องพูดหรอก แป้งรู้แล้ว แล้วถ้าเจอ แป้งจะบอกให้” พิรุณนภายิ้มให้มารดาก่อนจะเดินออกจากห้องผู้ป่วย ออกมายืนเรียกรถกลับบ้าน มาถึงแล้วก็ทำความสะอาดบ้าน เสร็จแล้วก็อาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปนอนเฝ้ามารดาต่อ ปัง! เสียงผลักประตูทำให้คนที่กำลังแต่งตัวออกไปหามารดาสะดุ้ง ก่อนจะเร่งมือใส่เสื้อผ้า แล้วคว้ากระเป๋ามาสะพาย ก่อนจะเปิดประตูออกไป ก็เห็นพ่อเลี้ยงนอนอยู่ที่โซฟา “ยัยแป้ง! แม่แกไปไหน ไปเรียกมานวดให้ฉันที” “แม่อยู่โรงพยาบาลหลายวันแล้ว น้าไปเยี่ยมแม่หน่อยสิ แม่อยากเจอน้า” “แล้วแม่แกเป็นอะไร” “แม่เป็นไข้” เธอตอบไปแบบนี้ตามที่หมอบอก แต่เธอไม่อยากเชื่อว่าแม่แค่เป็นไข้ เพราะร่างกายของแม่ซูบผอมผิดปกติ “อะไร! เป็นไข้แค่นี้จะนอนโรงพยาบาลให้เปลืองเงินทำไม” “ก็หมอให้นอนดูอาการ” “แกรีบไปบอกให้แม่แกออกมาได้แล้ว เปลืองเงิน!” “แล้วน้าจะไปรับแม่หรือเปล่า” “ไม่ไป!” “ไปสักหน่อยไม่ได้เหรอน้า แม่อยากเจอน้า” “แกอย่ามาเซ้าซี้นังแป้ง ไปได้แล้ว!” พิรุณนภาถอนใจเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากบ้านแล้วจากนั้นก็ตรงไปยังโรงพยาบาล แต่พอไปถึงมารดาไม่ได้อยู่ในห้องพัก เธอจึงถามไถ่กับคนไข้เตียงข้างๆ ก่อนจะได้รู้ว่ามารดาถูกส่งตัวเข้าห้องไอซียู เธอจึงรีบไปถามไถ่จนได้ทราบว่ามารดาป่วยเป็นมะเร็ง “ขอบคุณค่ะ” พิรุณนภาเอ่ยขอบคุณพยาบาลเบาๆ หลังได้รับทราบอาการป่วยของมารดา ก่อนที่เธอจะเดินเลี่ยงออกมาเปิดกระเป๋าดูเงินในบัญชี ที่มีอยู่สามหมื่นกว่าบาท ‘แล้วจะหาเงินจากไหน’ ร่างเล็กพึมพำเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง เพราะไม่รู้จะหาเงินจากไหนมารักษามารดา ครั้นจะให้ไปขอพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงก็คงไม่ให้ เพราะทุกวันนี้ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านแม่ของเธอเป็นคนรับผิดชอบ “แป้ง!” ฐานิศรเอ่ยเรียกเพื่อนที่ดูเหม่อไปถึงไหนๆ “ศร ตกใจหมดเลย” “ก็แล้วแกมายืนเหม่ออะไรแถวนี้ แม่แกล่ะ อยู่ไหน ฉันซื้อผลไม้มาเยี่ยม” บอกพร้อมกับชูถุงผลไม้สามสี่อย่างให้เพื่อนดู “อยู่ห้องไอซียู” “เป็นหนักเหรอ” “แม่ฉันเป็นมะเร็ง...ระยะที่สองแล้ว” เสียงของพิรุณนภาเบาหวิว และตอนนี้เธอก็หนักใจมาก เพราะไม่มีเงินรักษา “ห๊ะ!!” “ศร เบาๆ นี่โรงพยาบาลนะ” พิรุณนภาเอามืดปิดปากเพื่อน แล้วพากันเดินออกมาหาที่คุย พอได้ที่คุยกันแล้วฐานิศรก็จ้องเพื่อนที่หน้าตาเคร่งเครียด “แป้ง แกเครียดเรื่องเงินใช่ไหม” “อืม” “อย่าเครียดเลย เดี๋ยวฉันให้แกยืมแกไปใช้ก่อน แล้วมีเมื่อไหร่ก็ค่อยเอามาคืน แล้วก็ไม่ต้องรีบหามาคืนนะ ฉันไม่ได้เดือนร้อนเรื่องเงิน” “แต่เธอต้องส่งเงินให้แม่นะศร ฉันไม่รบกวนหรอก เดี๋ยวฉันจะไปหางานทำ” “แล้วเมื่อไหร่จะพอล่ะ แล้วถ้าไม่มีเงินมาจ่าย หมอจะรักษาให้แม่แกเหรอ” “นั่นสิ” “งั้นไปขอพ่อเลี้ยงแกดูสิ คงมีเงินเก็บเยอะอยู่” ฐานิศรบอก แต่ก็รับรู้มาว่าตั้งแต่แม่ของเพื่อนอยู่กินกับสามีคนนี้ สามีก็ไม่เคยจ่ายเงินค่าอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว มิหนำซ้ำค่าน้ำมันยังมาขอเมีย “น้าภูสิทธิ์ไม่ให้หรอก ขนาดฉันบอกให้ไปเยี่ยมแม่ น้ายังไล่ให้ฉันไปบอกให้แม่ออกจากโรงพยาบาลเลย” “ผู้ชายอะไร! น่าเกลียดชะมัด เมียเจ็บป่วยแท้ๆ กลับไม่ไปดูดำดูดี ไอ้แมงดาเน่า!” เพราะโมโหแทนเพื่อน ฐานิศรเลยด่าออกไป ก่อนจะหันมาขอโทษเพื่อนทีเผลอด่าพ่อเลี้ยงของเพื่อน “แป้ง ฉันขอโทษทีนะ แต่พ่อเลี้ยงของแกก็ทำเกินไป โรงพยาบาลก็ไม่ได้ไกลข้ามจังหวัดซะหน่อย ทำไมไม่ไปดูบ้าง” “ไม่เป็นไรหรอก แต่น้าภูสิทธิ์ไม่ไปก็ดีแล้ว เพราะถ้าไปฉันก็กลัวน้าจะไปทะเลาะกับแม่ที่โรงพยาบาล” “แล้วถ้าแกไม่เอาเงินฉันไป แล้วแกจะไปทำงานอะไร แล้วมันจะหาเงินทันเหรอ” อันที่จริงเธอก็อยากแนะนำงานที่ได้เงินเร็วให้เพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้า กลัวเพื่อนจะต่อว่าแล้วก็เลิกคบกับเธอ “ยังไม่รู้เลย ว่าแต่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดของเธอนะ หยุดงานแบบนี้ผู้จัดการไม่ว่าเอาเหรอ” “ฉันลาไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วว่าจะหยุดสองวัน พอดีต้องไปทำธุระ” “กลับบ้านเหรอ” “เปล่าหรอก ว่าจะไปพัทยา” “พัทยา?” “ใช่แล้ว” “ไปเที่ยวเหรอ” “ก็ประมาณนั้นแหละ แต่ฉันว่าแกเอาเงินฉันไปก่อนแล้วกัน เอาไปรวมกับเงินที่แกมี น่าจะพอจ่ายค่ารักษางวดแรกได้ แล้วถ้าไม่พอยังไงแกก็บอกฉัน หรือจะให้ฉันหางานให้ ก็บอกฉันได้เลย ฉันจะหาให้ เงินดีด้วยนะ” “งานอะไรเหรอ” พิรุณนภารู้สึกสนใจ เพราะตอนนี้เธอต้องการเงิน “เดี๋ยวฉันกลับจากพัทยาแล้วจะบอกนะ” “ก็ได้” “งั้นไปเบิกเงินกัน” “แต่ฉันเกรงใจ” “ไม่ต้องมาเกรงใจฉันหรอก เราคบกันมาหลายปีแล้วนะ เอาน่า มีเมื่อไหร่ก็เอามาคืน” พูดจบแล้วฐานิศรก็จับมือเพื่อนเดินออกจากโรงพยาบาล แล้วพากันไปธนาคาร เบิกเงินมาให้เพื่อน ก่อนที่สองสาวจะแยกกัน โดยที่ฐานิศรก็มีรถมารับตามที่นัดหมายไว้ “แฟนเหรอศร” พิรุณนภาสะกิดถามเบาๆ “ไม่รู้สิ” ฐานิศรตอบ เพราะสถานะตอนนี้เธอก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าอยู่ในฐานะอะไร ทั้งที่มันควรจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็หวนกลับมาวังวนเดิมๆ จนตอนนี้ดูเหมือนจะถอนตัวไม่ได้แล้ว “อ้าว!” “ไม่ต้องอ้าวหรอก ฉันไปนะ แล้ววันพุธไปเจอกันที่ร้าน” “เที่ยวให้สนุกนะ” พิรุณนภาโบกมือให้เพื่อน ก่อนจะเดินไปเรียกรถกลับไปยังโรงพยาบาล ที่แม้จะมีเงินพอค่ารักษาครั้งแรกแล้ว แต่ครั้งต่อไปเธอจะไปหาเงินที่ไหนได้ทัน ในเมื่อรักษาโรคมะเร็งแพงขนาดนั้น ประกันอะไรก็ไม่มี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม