พิรุณนภากลับมาถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม พอลงรถได้แล้วก็รู้สึกแปลกใจเมื่อภายในบ้านมืดสนิทราวกับไม่มีคนอยู่ ทั้งที่ตอนหกโมงเย็นเธอได้โทรบอกแม่แล้วว่าจะเลิกดึกหน่อย แล้วแม่ก็บอกว่าไม่ได้ออกไปไหน แต่ทำไมไฟในบ้านไม่เปิด หากมารดาอยู่บ้าน
“แม่! แป้งกลับมาแล้ว” พิรุณนภาร้องบอกก่อนจะเปิดประตูเข้าไป แล้วคลำหาสวิทซ์ไฟ พอไฟสว่าง ก็เห็นมารดานอนหมดสติอยู่ที่พื้น “แม่!!” พิรุณนภาเข้าไปประคองมารดาก็เห็นว่ามีเลือดออกและตอนนี้เลือดก็เริ่มแห้งแล้ว เธอจึงรีบโทรเรียกแท็กซี่ให้มารับแล้วพามารดาไปส่งโรงพยาบาล
ไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล ส่งแม่ให้หมอแล้วเธอก็เดินไปเดินมาด้วยใจกระวนกระวาย กลัวมารดาจะเป็นอะไรไป ก่อนจะโล่งใจเมื่อพยาบาลออกมาบอกว่าตอนนี้ทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็พากันไปรับยาแล้วกลับบ้าน
“แม่” หลังเดินประคองมารดามาถึงห้องนอนแล้วพิรุณนภาก็ขานเรียก เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่ถึงได้รับบาดเจ็บ
“อย่าเพิ่งถามแม่ตอนนี้เลยยัยแป้ง”
“แต่แป้งอยากรู้ ว่าแต่แม่ทะเลาะกับน้าภูสิทธิ์ใช่ไหม”
“ไปนอนได้แล้วยัยแป้ง!”
“แป้งไปนอนก็ได้ แต่พรุ่งนี้แม่ไม่ต้องไปขายของหรอกนะ อีกสองวันเงินเดือนแป้งก็ออกแล้ว เดี๋ยวแป้งเอามาให้แม่หมดเลย”
“ไม่ต้องเอามาหรอก แม่ยังพอมี แกไปนอนได้แล้ว”
พิรุณนภาเดินออกจากห้องมารดา โดยที่มารดาก็มองตามจนประตูห้องปิดลงน้ำตาก็ไหลออกมา เพราะเมื่อหัวค่ำ สามีกลับมาบ้านก็เกิดปากเสียงกัน เพียงแค่ตนถามว่าไปไหนมา แต่สามีกลับหาว่าเธอจู้จี้เลยทะเลาะกันใหญ่โต จนสามีขนเสื้อผ้าออกไป ตนก็ได้แต่เข้าไปห้ามก่อนจะถูกผลักกระเด็น ศีรษะไปชนกับขาโต๊ะจนสลบ ดีที่ลูกสาวมาเห็นพาไปโรงพยาบาลจึงได้ดีขึ้น
บุษบาค้นโทรศัพท์จากกระเป๋าแล้วก็นั่งมองสักพัก ก่อนจะโทรหาสามีเพื่อถามไถ่ให้เข้าใจว่าจะเอาอย่างไร จะไปจริงๆ หรือ แต่โทรอยู่นานสามีก็ไม่รับ ขณะที่สามีก็เพิ่งจะเสร็จจากบทสวาทกับธัญสินี
“เดี๋ยวผมมานะยอดรัก” ภูสิทธิ์โน้มลงไปจูบปากธัญสินีแล้วลุกเดินออกมารับโทรศัพท์ และคำแรกที่ถามออกไปก็ทำเอาภรรยาพูดอะไรไม่ออก “เลิกกันแล้ว จะโทรมาทำไม”
“พี่...พี่จะเลิกกับฉันจริงๆ เหรอ” นานเกือบนาทีกว่าที่บุษบาจะถามออกไป
“ทำไม เสียดายผัวหรือไง”
“ฉันรักพี่ พี่กลับมาหาฉันนะ”
“หึ!” ภูสิทธิ์ทำเสียงในลำคอ อยากหนีจากไปซะแต่ก็ยังรู้สึกเสียดายภรรยาคนนี้อยู่ เพราะความสัมพันธ์กับธัญสินียังไม่ชัดเจน หากเลิกกันไปตนก็จะไม่มีที่อยู่
“ฉันขอโทษนะพี่ แล้วถ้าพี่กลับมาอยู่กับฉัน ฉันจะไม่จู้จี้กับพี่อีกแล้ว พี่จะไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจพี่ ฉันจะไม่ถามอะไรพี่เลย”
“แน่นะบุษ”
“ฉันแน่ใจพี่ พี่กลับมาหาฉันนะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะทำกับข้าวไว้รอพี่”
“อีกสามวันพี่จะกลับไป”
“สามวันเลยเหรอพี่”
“อย่าเรื่องมาก!” สามีตวาดใส่แล้วกดวางสาย ก่อนจะหันไปหาธัญสินีที่ลุกออกมาตาม เมื่ออีกฝ่ายหายไปนาน
“คุยกันอะไรกันเหรอ หน้าตาเคร่งเครียดเชียว”
“คนบางคนโทรมาง้อผม”
“แล้วคุณจะกลับไปหาภรรยาของคุณหรือเปล่า”
“ไม่ล่ะ ตอนนี้ผมอยากอยู่กับคุณคนเดียว คุณรู้ไหมว่าคุณทำให้ผมหลงจนโง่หัวไม่ขึ้นอยู่แล้วนะยอดรักของผัว อยากรัก อยากกอดทั้งวันทั้งคืน”
“ปากหวานจริงๆ”
“ผมปากหวานกับคุณคนเดียวเท่านั้นแหละ”
“ขอให้จริงเถอะ ว่าแต่วันจันทร์คุณลางานได้ไหม ฉันอยากไปภูเก็ต คุณไปกับฉันนะ ฉันอยากมีเพื่อนเที่ยว”
“ได้สิยอดรักของผัว” พูดจบก็ทาบปากจูบ ก่อนที่โซฟาตัวยาวจะกลายเป็นสนามรักของคนทั้งสองอีกครั้ง จากนั้นก็หลับไปในอ้อมกอดของกัน กระทั่งเช้าก็เตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวภูเก็ต
สามวันต่อมา
บุษบารอแล้วรออีกสามีก็ยังไม่กลับเข้าบ้าน อาหารเย็นที่ทำเตรียมไว้ก็เย็นชืดไปหมดแล้ว คนเฝ้ารอสามีกลับบ้านมาสามวันเต็มๆ แล้วรีบนำอาหารเข้าไปอุ่นในครัว แต่ขณะที่กำลังนำอาหารเดินกลับเข้าไปในครัวก็เกิดหน้ามืดและล้มลงในที่สุด ข้าวของในมือตกกระจาย
“นังบุษ! นังบุษ!” สมศรี แม่ค้าในตลาดแผงใกล้กับแผงขายขนมของบุษบา ยืนเรียกเจ้าของบ้านอยู่หน้าบ้าน แต่ไม่ได้ยินเสียงเจ้าของบ้านตอบกลับมา จึงลองผลักประตูรั้วก็เห็นว่าไม่ได้ล็อกจึงเดินเข้าไป แล้วก็เรียกหาเจ้าของบ้าน ที่ไม่ไปขายของสามวันแล้ว เป็นห่วงเลยแวะมาเยี่ยมและก็มีข่าวจะบอกด้วย เมื่อหลายวันก่อนลูกสาวร้านกาแฟไปเจอผัวของบุษบาพาผู้หญิงหน้าตาสวย แต่งตัวก็ดีไปกินข้าวในร้านอาหารแพงๆ เลยจะมาบอกข่าว
“ไม่มีคนอยู่บ้านหรือไง เรียกจนปากจะฉีกแล้วเนี่ย นังบุษ! ยัยแป้ง! อยู่บ้านกันหรือเปล่า” แม่ค้าสมศรีผลักประตูบ้านเข้าไปเพราะขี้เกียจรอ ก่อนจะเดินตรงไปยังในครัว ที่มาหาเพื่อนทีไร บุษบาก็จะอยู่ในครัวตลอด
“นังบุษ!!” แม่ค้าสมศรีตกใจหน้าตาตื่น ทำอะไรไม่ถูก เรียกเพื่อนแล้วก็ไม่หือไม่อือ เลยตัดสินใจโทรหาผัวให้มาพาบุษบาไปโรงพยาบาล แล้วก็โทรบอกพิรุณนภาให้ไปหาแม่ที่โรงพยาบาล ด้านพิรุณนภาพอทราบเรื่องก็รีบขอผู้จัดการออกมาดูแม่ที่โรงพยาบาล
“ป้าสมศรี แม่ล่ะ” พิรุณนภาที่วิ่งมาถึงแล้วก็ถามหาแม่ทันที