วันนี้ต้นข้าวมาทำงานแต่เช้าเพราะมีนัดทำฟันของคนไข้เก้าโมง หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของเธอสักพักมัลลิกาเพื่อนสาวก็เดินเข้ามาหา
“แกมาแล้วเหรอ เมื่อเช้าคุณพ่อถามหาหลานสาวสุดที่รัก ว่าเดี๋ยวนี้ไม่ขึ้นไปหาท่านบ้างเลยนะ ว่างๆปกก็ขึ้นไปหาพ่อฉันหน่อยสิ”
มัลลิกาเอ่ยออกมาพร้อมกับเดินเข้ามานั่งหน้าโต๊ะทำงานของเพื่อนสาว
“ก็ช่วงนี้ยุ่งๆคนไข้ก็จองคิวเข้ามาตรวจกันเยอะอะแก ฝากบอกลุงมาร์กหน่อยสิถ้าว่างๆเดี๋ยวฉันขึ้นไปหา”
ต้นข้าวบอกออกมาเพราะช่วงนี้คิวทำฟันเยอะมากจนถึงปลายเดือนเลยทีเดียว
“อืม แล้วนี่แกพักกี่โมงละ ฉันว่าจะชวนไปหาอะไรกินที่ห้างสักหน่อย เบื่ออาหารแถวนี้”
มัลลิกาบอกออกมาเพราะเธออยากไปทานอาหารอย่างอื่นบ้างนอกจากใกล้ๆโรงพยาบาลนี้
“อือได้สิ ฉันน่าจะตรวจเสร็จประมาณเที่ยงพอดีแหละ แกมาหาฉันที่นี่ละกัน เอารถฉันไป โอเคตามนี่งั้นฉันไปทำงานก่อนนะแก ถึงเวลาแล้ว”
ต้นข้างบอกออกมาแค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปทันที มัลลิกาได้แต่ยืนส่ายหน้าไปมาเพราะที่จริงนั้นต้นข้าวไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ก็ได้เพราะเธอกับต้นข้าวนั้นเป็นถึงลูกหลานเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่ต้นข้าวนั้นเป็นคนที่มีความรับผิดชอบค่อนข้างสูงในเรื่องของการทำงาน หญิงสาวมักจะทำงานอย่างเต็มที่เสมอจนคนอื่นๆรอบข้างรักและเอ็นดูในความขยันของหญิงสาว
เวลาเที่ยงวัน ทั้งสองสาวพากันมาทานข้าวร้านอาหารญี่ปุ่นที่ห้างดังไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก เมื่อเข้ามาถึงร้านสองสาวต่างพากันสั่งโน่นสั่งนี่มาทานจนเต็มโต๊ะไปหมด
“เออนี่แก ทำไมเดี๋ยวนี้ฉันไม่เห็นหมอเทพมาจีบแกเลยละ หรือว่าล่าถอยไปแล้ว”
ทั้งสองกำลังทานข้าวกันอยู่ มัลลิกาก็ถามถึง เทพธร นายแพทย์หนุ่มที่มาตามจีบคุณหมอต้นข้าวคนสวยอยู่พักหนึ่งแล้ว
“อืม ฉันได้ยินว่าโดนย้ายไปทำที่อื่นนะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”
ต้นข้าวบอกออกมาเพราะมีพยาบาลสาวเอามาเล่าให้เธอฟัง
“อ่าว จริงดิ ฉันก็นึกว่าล่าถอยไปซะละ”
มัลลิกาพูดออกมาโดยไม่รู้เลยว่าที่เป็นแบบนั้นเพราะบิดาของตนสั่งย้ายชายหนุ่มไปอยู่ที่โรงพยาบาลอื่นในเครือนั่นเอง
ทางด้านเรียวอิจิที่โดน มิกิ หลานสาวห่างๆของบิดาลากออกมาเดินห้างเป็นเพื่อนนั้นกำลังคิดหาวิธีที่จะสะบัดหญิงสาวที่เอาแต่เกาะแขนเขาอยู่ออกเหลือเกิน
ชายหนุ่มแทบอยากหายตัวไปทุกครั้งที่เจอหญิงสาวคนนี้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกหุ้นส่วนคนหนึ่งของบริษัทเขาละก็ป่านนี้ชายหนุ่มโยนหญิงสาวออกนอกหน้าต่างไปแล้ว
ชายหนุ่มเดินมองนั่นนี่ไปเรื่อยก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวสองคนที่นั่งทานอาหารกันอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง
“เอ่อ มิกิครับ พี่ว่าพี่รู้สึกหิวแล้ว ไปหาอะไรทานกันดีกว่า ปะ”
เรียวอิจิพูดออกมาแค่นั้นก่อนจะเดินตรงไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังนั้นทันที
เมื่อเข้ามาในร้านแล้วชายหนุ่มแกล้งเดินผ่านโต๊ะของสองสาวไปก่อนจะหันกลับมา
“อ่าว ที่รัก มาทานอาหารร้านนี้เหมือนกันเหรอ เรียวกำลังหิวอยู่พอดีเลย ขอนั่งด้วยคนนะครับ”
เรียวอิจิที่แกล้งหันกลับมามองสองสาวเหมือนบังเอิญมาเจอนั้น เริ่มแสดงบทแฟนหนุ่มที่คิดไว้ทันที โดยเขาเดินเข้ามานั่งข้างต้นข้าวที่กำลังหันมามองเขาด้วยความตกตะลึงอยู่ขณะที่ในมือยังคีบอาหารค้างไว้อย่างงงๆกับชายหนุ่ม
มือใหญ่เอื้อมไปโอบกอดรอบเอวเล็กเอาไว้เหมือนกับว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน จนทุกคนบนโต๊ะที่กำลังอึ้งค้างอยู่นั้นหันมามองหน้าต้นข้าวอย่างขอคำตอบ ส่วนต้นข้าวได้แต่ส่ายหน้าไปมาส่งให้เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“นี่มันอะไรกันคะพี่เรียว!”
เสียงเล็กแหลมดังขึ้นมาก่อนที่เรียวอิจิจะหันกลับไปมอง
“อ่อ พี่ลืมแนะนำ นี่ต้นข้าวแฟนพี่เอง ส่วนนั่นมิลค์เพื่อนของแฟนพี่ และนี่มิกิครับต้นข้าวเป็นเอ่อ ลูกของคุณลุงที่ทำงานของเรียวเองครับ”
เรียวอิจิแสดงได้อย่างสมบทบาทโดยไม่ปรึกษาใครสักคน ชายหนุ่มแนะนำสองสาวให้มิกิรู้จักก่อนจะแนะนำมิกิให้สองสาวรู้จักคืนบ้างโดยไม่ถามความคิดเห็นของใครสักนิดว่าอยากรู้จักกันหรือเปล่า
“นี่คุณ! ถอยออกไปห่างเลยนะ”
ต้นข้าวบอกออกมาเสียงไม่ดังนักแต่ก็พอจะได้ยินกันทุกคน
“ช่วยผมครั้งหนึ่ง มื้อนี้ผมเลี้ยง"
เรียวอิจิกระซิบบอกออกมาทำเอาต้นข้าวเงยหน้ายิ้มแฉ่งทันที
“ยินดีที่ได้รู้จักคะ คุณมิกิ”
เสียงที่ถูกดัดจนหวานเกินความจำเป็นเอ่ยทักทายออกมาทำเอามิกิแทบอยากเดินเข้าไปกระชากทั้งสองคนออกห่างจากกัน
“สวัสดีคะ มิกิว่าเราไปทานร้านอื่นกันดีกว่านะคะพี่เรียว มิกิไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น”
มิกิบอกออกมาเพราะตอนนี้เธอกำลังพยายามระงับอารมณ์ไม่แสดงธาตุแท้ของเธอออกมา
“ถ้าคุณอยากไปก็เชิญสิคะ แต่เรียวเขาคงไปกับคุณด้วยไม่ได้เพราะฉันไม่อนุญาต!”
เสียงต้นข้าวบอกออกมาเพราะตอนนี้เธอรู้สึกเริ่มสนุกกับสิ่งที่กำลังแสดงอยู่ ส่วนเรียวอิจิหันไปมองต้นข้าวทันทีอย่างนึกไม่ถึง
นี่งกหรือว่าอะไรกัน ถึงขนาดยอมเล่นด้วยขนาดนี้เลยแฮะ
เรียวอิจิคิดออกมาในใจก่อนจะหันกลับไปมองที่มิกิอีกครั้ง
“ใช่ครับมิกิ พี่จะทานร้านนี้กับแฟนพี่ ต้องขอโทษมิกิจริงๆนะครับ”
เรียวอิจิพูดออกมาโดยไม่สนใจคนที่มาด้วยเลยสักนิด ชายหนุ่มแกล้งกระชับอ้อมกอดร่างบางเข้ามาใกล้ตนเองมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าต้นข้าวไม่ขัดขืน
นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่ชายหนุ่มได้ทำตามใจแบบนี้ ยิ่งร่างบางไม่ขัดขืนเขายิ่งกอดแน่นขึ้นจนได้กลิ่นติดตัวที่ทั้งหอมทั้งยั่วยวนออกมาจากร่างบาง
มิกิที่ทนเห็นไม่ได้อีกต่อไปเลยเอ่ยขอตัวขึ้น
“งั้นมิกิไม่รบกวนนะคะ มีธุระ”
มิกิบอกออกมาแค่นั้นก่อนจะเดินหันหลังหนีไปทันที
“นี่คุณ ปล่อยได้แล้ว อึดอัด ได้ทีเล่นซะใหญ่เลยนะ”
เมื่อมิกิไม่อยู่แล้วต้นข้าวจึงบอกออกมาเพราะตอนนี้ชายหนุ่มแทบจะอุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนตักของเขาอยู่แล้ว
“แฮะๆๆ ผมขอโทษ”
เรียวอิจิเอ่ยขอโทษออกมาก่อนจะคลายอ้อมกอดทั้งที่ในใจนั้นแสนเสียดาย
เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของมัลลิกาตลอดเวลา หญิงสาวดูออกว่าเรียวอิจิคิดไม่ซื่อกับต้นข้าวแน่นอน แต่ต้นข้าวนี่สิ เธอต้องขอดูต่อไปอีกสักนิดเพื่อความแน่ใจ
“อะแฮ่ม แล้วคุณจะเอายังไงคะ ทานข้าวกับพวกเราเลยรึเปล่า”
มัลลิกาถามออกมาทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วเพราะชายหนุ่มนั้นมองเพื่อนเธอซะตาหวานเยิ้มออกมาอย่างชัดเจน
“ทานสิครับ มื้อนี้ผมต้องจ่ายอยู่แล้ว กินกันให้เต็มที่เลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ”
เรียวอิจิบอกออกมาก่อนที่ทั้งสามคนจะลงมือทานข้าวกันอีกครั้ง โดยมีเรียวอิจิคอยตักโน่นตักนี่เอาใจต้นข้าวด้วยข้ออ้างที่ว่าหญิงสาวอุตส่าช่วยเขาไล่มิกิกลับไป