บทที่ 2 : พันธะสัญญาแฟนมาเฟีย (2)

1602 คำ
‘มันง่ายเกินไปไหมกับการทำงานหาเงินห้าล้าน’ เมริษามองจ้องหลักฐานการโอนเงินผ่านแอปพริเคชั้นในจอโทรศัพท์นิ่งพลางกระพริบตาถี่ๆไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองสักเท่าไหร่นัก “ผมมีเวลาให้คุณหนึ่งเดือนช่วยสอนให้ผมรู้จักความรัก และทำให้ผมตกหลุมรักคุณให้ได้” ฟรานเซสบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังราวกับเจรจาธุรกิจพันล้านที่ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดเป็นพิเศษ จนเมริษาต้องแอบตั้งคำถามอยู่ในใจเงียบๆ ‘คนรวยเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่ากันนะ จะมีความรักทั้งทีก็ต้องทุ่มเงินจ้างคนมาสอนแพงยิ่งกว่าซื้อคอสเรียนโรงเรียนอินเตอร์เสียอีก’ “โทษนะ คุณฟังผมอยู่หรือเปล่า” คำถามทุ่มหนักพร้อมแววตาขุ่นๆเรียกสติเมริษาให้ตื่นจากความคิด “วะ…ว่าไงนะคะ” อาการเหมือนเพิ่งได้สติกลับมาทำให้ฟรานเซสต้องขบกรามแน่นควบคุมอารมณ์โมโหไว้ลึกๆเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจฟังเอาเสียเลย แต่กระนั้นก็ยังต้องใจเย็นและพูดประโยคเมื่อกี้ซ้ำอีกครั้งพร้อมกับลงรายละเอียดเพิ่มเติม “ผมบอกว่าตอนนี้เราเป็นแฟนกันโดยสมบูรณ์แล้ว ผมมีเวลาให้คุณหนึ่งเดือนสอนให้ผมรู้จักความรัก ในระหว่างนี้ผมอนุญาตให้คุณแตะเนื้อต้องตัวผมได้ทุกส่วนตามที่ใจคุณต้องการเพื่อทำให้ผมตกหลุมรักคุณให้ได้” ฟรานเซสพูดกับเธออีกครั้งด้วยประโยคที่ยืดยาวกว่าเมื่อสักครู่แต่ยังคงความหมายเดิมคือ ‘ต้องทำให้เขารู้จักความรักและทำให้เขาตกหลุมรักให้ได้ในระยะเวลาหนึ่งเดือน’ แต่คนฟังกลับไม่ได้สนใจฟังใจความสำคัญแต่อย่างใดเพราะมัวแต่สนใจประโยคที่เขาอนุญาตให้เธอสามารถทำกับเขาได้จนเผลอหลุดแสดงสีหน้าขบขันออกมาอย่างไม่ตั้งใจ “ทำไม? ผมพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วดกดำขึ้นจ้องใบหน้างามนิ่ง “ปะ…เปล่าค่ะ อันที่จริงแล้วการจะฉันจะทำให้คุณตกหลุมรักได้ไม่จำเป็นต้องสัมผัสคุณทุกสัดส่วนหรอกค่ะ แค่ฉันอยู่เฉยๆคุณก็ตกหลุมรักฉันได้แล้ว” ไม่รู้ว่าไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหน แต่ที่แน่ๆเมริษาก็เอ่ยออกไปแล้วเพราะถึงเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์ความรักแต่เธอก็คิดว่าการยั่วยวนด้วยเรือนร่างคงไม่ใช่เป็นการทำให้รักหากแต่เป็นการทำให้เกิดความลุ่มหลงทางกายเสียมากกว่าเพราะเธอเคยศึกษาทฤษฎีความรักมาจากตำราอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าระหว่างความรักกับความหลงมันแตกต่างกันยังไง เหมือนอย่างที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้คือหลงใหลรูปกายภายนอกของเขาเข้าเต็มๆ “ผมก็ไม่รู้สิ ผมไม่เคยตกหลุมรักใคร และหวังว่าคุณจะเป็นคนแรกที่ผมตกหลุมรัก” “เป็นคนแรกที่ผมตกหลุมรักงั้นเหรอ” หญิงสาวพึมพำแผ่วเบา รู้สึกดีกับประโยคนี้เสียจริง แต่เมื่อคิดถึงขั้นตอนและบทเรียนที่เธอต้องเตรียมสอนนักเรียนตรงหน้าความกังวลก็ก่อเกิดขึ้นมาแทน ‘อย่าตั้งความหวังกับฉันมากนักเลยนะคะคุณฟรานเซส ฉันก็ยังไม่เคยมีความรักเหมือนกัน’ คิดแล้วอยากจะร้องให้ ความรู้สึกผิดก่อเกิดขึ้นมาในใจเมื่อเห็นแววตาคาดหวังจากนายจ้างหนุ่มเพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนหลอกลวงอย่างไม่น่าให้อภัย “แล้วจะให้ผมเรียกคุณว่าอะไรดี ระหว่างทุนหัวกับที่รัก” ฟรานเซสยื่นข้อเสนอทางเลือกให้เธอได้ตัดสินใจ แต่คนถูกถามกลับรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “จำเป็นต้องมีคำเรียกแทนด้วยเหรอคะ” เมริษาเอ่ยถามเพราะเธอไม่เห็นว่าต้องจริงจังขนาดนี้เลย เพราะ การเป็นแฟนหนึ่งเดือนไม่ได้การันตีว่าเธอจะทำให้เขาตกหลุมรักได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ “จำเป็นสิ คุณจะได้รู้ว่าอยู่ในฐานะอะไร และผมอยู่ในฐานะอะไร” ฟรานเซสอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันว่าเรียกแค่ริษาก็พอค่ะ แค่นี้ก็ดูสนิทพอแล้ว” “ผมเรียกแน่ แต่นอกเหนือจากชื่อเล่นคุณผมจะเรียกคุณว่าที่รักแล้วกันนะ” “ที่รักเหรอคะ” “ใช่ จากนี้ไปผมจะเรียกคุณว่าที่รัก ผมอยากย้ำกับตัวเองว่าคุณคือคนที่ผมต้องตกหลุมรักให้ได้” เสียงหนักแน่นจริงจังของฟรานเซสบ่งบอกชัดเจนว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน ‘เอ่อ…แบบนี้เองสินะ นึกว่าฉันจะกลายเป็นที่รักคุณจริงๆเสียอีก เพ้อใหญ่แล้วเมริษา’ คิดเองหน้าแดงเองและก็เขินเองคนเดียวราวกับคนบ้า แต่แล้วก็ต้องรีบดึงสติกลับมาเมื่อรู้สึกว่าสายตาคมกริบของคนตรงหน้ากำลังจ้องเธอนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เมริษาปรับสีหน้าให้เรียบทันทีกลัวถูกจับได้ว่าเธออ่อนประสบการณ์ในเรื่องความรักแล้วถูกรีดเงินคืน “เป็นอะไรตื่นเต้นเหรอ” “ค่ะ ตื่นเต้นแล้วก็รู้สึกแปลกๆดี” เมริษาบอกกับชายหนุ่มไปตามตรงโดยไม่คิดจะสร้างภาพให้เสียเวลา ใครจะไปคิดล่ะว่าจู่ๆจะมีแฟนหน้าตาดีขนาดนี้ แม้จะเป็นแค่เรื่องงานแต่ก็อดจินตนาการไปไกลไม่ได้อยู่ดี “ไม่ต้องกังวล ทำตัวตามสบายคิดเสียว่าผมเป็นนักเรียนของคุณ แล้วคุณเป็นครูของผม แต่คุณต้องทำใจไว้เรื่องหนึ่ง…ผมไม่เคยมีความรักและผมอ่อนโยนกับผู้หญิงไม่เป็น หากมีเรื่องไหนที่ผมทำไม่ถูกคุณสามารถชี้แนะผมได้ตลอดเวลา” ฟรานเซสบอกพลางเอนหลังพิงกับผนังเก้าอี้พร้อมกับยกกาแฟบนโต๊ะขึ้นจีบด้วยท่าทางสบายๆ แต่เมริษากลับสะดุดกึ่งกับประโยคตอนท้ายของเขาจนเผลอลืมหายใจไปชั่วขณะ ‘อ่อนโยนกับผู้หญิงไม่เป็นงั้นเหรอ นี่ฉันเจอกับตัวอะไรกันแน่เนี่ย’ คิดแล้วอยากจะร้องให้ออกมาดังๆ เขาตัวใหญ่อย่างกับยักษ์แค่บีบแขนเธอนิดเดียวก็หักแล้วมั่ง แล้วนี่ถ้าเกิดเผลอทำเขาโมโหขึ้นมาเธอไม่ต้องแหลกตายคามือเขาเลยหรือ ไม่ได้ละ! เธอต้องหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ก่อนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ “ถ้างั้นฉันขออะไรคุณอย่างได้ไหมคะ” “อะไร” ฟรานเซสเลิกคิ้วขึ้นถามด้วยความแปลกใจ “ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยมีความรักกับผู้หญิง และอ่อนโยนกับผู้หญิงไม่เป็น แต่ระหว่างที่เราเป็นแฟนกันฉันขอให้คุณอย่าใช้กำลังข่มเหงฉันเพราะลำพังผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันคงไม่มีแรงสู้คุณได้ ส่วนอีกข้อหนึ่งก็คือคุณต้องเชื่อฟังที่ฉันบอก” ทันทีที่เมริษากล่าวจบคนฟังถึงกับทำหน้าเหมือนกลืนยาขมลงคอ ฟรานเซสเข้าใจความหมายของหญิงสาวไม่หมดตรงที่ว่าไม่เคยมีรักกับผู้หญิงเขาไม่แน่ใจว่าเธอเข้าใจว่าเขาเคยมีความรักกับผู้ชายหรืออย่างไร แต่ก็ชั่งเถอะ! สิ่งที่เธอขอต่างหากที่เป็นปัญหา เพราะมาเฟียอย่างเขาเคยแต่จะสั่งคนอื่นและให้คนอื่นเชื่อฟัง หากจะต้องมาฟังและทำตามคำสั่งของผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอเขาไม่แน่ใจว่าจะทำมันได้หรือเปล่า “เรื่องใช้กำลังข่มเหงคุณสบายใจได้ เพราะผมไม่นิยมขืนใจหรือทำร้ายร่างกายผู้หญิง ส่วนเรื่องที่ให้ผมต้องเชื่อฟังสิ่งที่คุณบอกผมไม่กล้ารับปากแต่ก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วกัน” ฟรานเซสไม่รู้หรอกว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่อยากลองมีความรักกับเขาดูสักครั้ง แต่ที่แน่ๆตอนนี้ทุกอย่างกำลังเริ่มขึ้นแล้ว และเขาต้องพร้อมที่จะรับมือและเผชิญหน้าไม่ว่าในหนึ่งเดือนนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขาก็ตามที “ขอบคุณค่ะ” เมริษาระบายยิ้มพอใจกับคำตอบของชายหนุ่ม เขาเป็นถึงผู้บริหารและเจ้าคนนายคนคงคุ้นชินกับแต่การออกคำสั่งให้คนอื่นเชื่อฟัง แต่พอจะให้เป็นฝ่ายมาเชื่อฟังคำสั่งดูบ้างก็หลุดสีหน้าอึดอัดออกมาให้เห็น แต่แค่ได้ยินว่าเขาจะพยายามหัวใจเธอก็ชื้นขึ้นแล้วอย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องคอยระแวงว่าเมื่อไหร่จะถูกข่มแหงรังแก “ผมให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมงสำหรับทำใจและร่ำลาเพื่อนที่มาส่ง เพราะหลังจากนี้คุณต้องติดตามผมไปทุกที่ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนก็ตาม หวังว่าเวลาหนึ่งชั่วโมงจะเพียงพอ” ชายหนุ่มหยุดพูดเมื่อหญิงสาวจ้องเขาด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่เมื่อเธอจะเอ่ยปากเสียงทุ่มหนักก็ดังขึ้นมาเสียก่อน “อย่าคิดต่อรองเพราะผมไม่ชอบคนขัดใจ” “ไหนบอกว่าให้ฉันเป็นครูไง นี่ยังพูดไม่ทันขัดคำคุณก็ออกคำสั่งกับฉันเองเสียแล้ว” เมริษาย้อนถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงขุ่นเล็กน้อยเพราะเมื่อกี้เขาเพิ่งจะมอบตำแหน่งครูให้กับเธอไปหยกๆ “ผมออกคำสั่งในฐานะแฟนของคุณ” คำตอบหน้าตายของฟรานเซสทำเอาเมริษาถึงกับอึ้งไปจนเถียงไม่ออก คิดไม่ถึงว่าเขาจะหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองด้วยประโยคแบบนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม