“ผมออกคำสั่งในฐานะแฟนของคุณ”
คำตอบหน้าตายของฟรานเซสทำเอาเมริษาถึงกับอึ้งไปจนเถียงไม่ออก คิดไม่ถึงว่าเขาจะหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองด้วยประโยคแบบนี้
‘ฉันอยากรู้นักว่าคุณคิดได้ยังไง ฟรานเซส!!!’
อยากจะตะโกนถามดังๆใส่หน้าเขาแต่ความเป็นจริงทำได้แค่กล้ำกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอแล้วปั้นหน้ายิ้มยอมทำตามอย่างง่ายดาย
ฟรานเซสยักไหล่กวนๆอย่างมีชัยก่อนจะยกกาแฟขึ้นจีบแอบลอบขำดวงหน้างามที่ส่งยิ้มมาให้เหมือนไม่เต็มใจ ชายหนุ่มเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าเธอกำลังโกรธอยู่
เมริษาเดินมาหาเพื่อนสาวที่นั่งรออยู่อีกมุมหนึ่งของร้านกาแฟด้วยความเร่งรีบกลัวชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจไม่ยอมให้เธอได้ร่ำลาเพื่อน
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะริษา ตกลงกันยังไม่ลงตัวเหรอ”
นาราเอ่ยถามเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวดูไม่ค่อยดีหลังเดินตรงมาหา ใบหน้างามของเพื่อนสาวตอนนี้เหมือนคนกำลังแบกโลกไว้ทั้งใบ
“เปล่า! เราตกลงและเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว เงินห้าล้านก็เข้าบัญชีของฉันแล้วด้วย”
น้ำเสียงตอนพูดถึงเงินห้าล้านดูไม่ตื่นเต้นเท่าที่ควร จนทำให้เพื่อนสาวรู้สึกผิดสังเกต แต่ไหนแต่ไรเมริษาต้องดีใจจนกระโดดโลดเต้นทุกครั้งเวลาได้ค่าจ้าง แต่คราวนี้เงินจำนวนมากมายเข้าบัญชีเธอกลับทำสีหน้าอมทุกข์ซะงั้น
“แล้วทำไมทำสีหน้าแบบนั้นล่ะเงินห้าล้านเข้าบัญชีแกควรจะดีใจสิไม่ใช่มาทำหน้าเป็นคนอมทุกข์อยู่แบบนี้”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงตื่นเต้นและกังวลนักหนา บอกตามตรงนะนาราเวลาถูกสายตาเขาจ้องมาหัวใจสั่นจนแทบจะทะลุอก ออกมาอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยังสั่นไม่หายเลย”
“แล้วมันสั่นสู้หรือสั่นถอยล่ะ”
นาราถามพลางจับไหล่เพื่อนบีบไว้ราวกับต้องการให้กำลังใจอีกฝ่าย ก่อนจะบีบนวนเบาๆเพื่อให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย
“น่าจะเป็นสั่นสู้มั่ง ฉันไม่แน่ใจ”
เมริษาแบ่งรับแบ่งสู้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อคิดถึงการออกคำสั่งของเขาเมื่อกี้นี้
‘อย่าต่อรองกับผมเพราะผมไม่ชอบคนขัดใจ’
คิดถึงประโยคนี้ขึ้นมาแม้อยากสั่นถอยแค่ไหนก็คงไม่ทันแล้วล่ะ เพราะขืนเธอไปบอกเขาว่าขอยกเลิกสัญญามีหวังถูกบีบคอตายคามือเขาแน่
“เห็นเธอทำหน้าเครียดๆแบบนี้ฉันไม่สบายใจเลย แต่รับเงินเขามาแล้วฉันก็อยากเป็นกำลังใจให้แกเดินหน้าต่อนะ เต็มที่กับการทำงานในหนึ่งเดือนนี้แล้วกลับมาใช้เงินห้าล้านนะเพื่อน ไม่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จถึงสิบล้านก็ได้ริษา”
นาราบอกกับเพื่อนเพื่อให้เพื่อนคลายกังวล ซึ้งเมริษารู้ดีว่าทั้งหมดทั้งปวงที่เพื่อนพูดมาเพราะความหวังดีและออกจากใจทั้งสิ้น
“ขอบใจนะแก ฉันจะพยายามทำในส่วนของตัวเองให้เต็มที่ ถ้าเสร็จงานนี้แล้วเราจะเปิดร้านร้องเท้ากัน”
เมริษาพยายามพูดให้กำลังใจตัวเองก่อนที่จะโผล่เข้ากอดเพื่อนด้วยความรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นสองสาวก็ใช้เวลาพูดคุยกันอีกพักใหญ่ๆจนครบเวลาตามที่กำหนดจึงแยกย้ายลาจากกัน
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเมริษาเดินกลับมาหาฟรานเซสซึ่งตอนนี้เปลี่ยนสถานะเป็นนายจ้างและพ่วงตำแหน่งแฟนเธอไปเรียบร้อยแล้ว ฟรานเซสยังคงนั่งรออยู่อย่างอดทน เขาไม่เคยต้องนั่งรอใครนานเท่านี้มาก่อนหรือถ้าจะพูดให้ถูกในชีวิตเขาไม่เคยต้องนั่งรอใครเลยมีแต่จะมีคนรอ แต่วันนี้เขาให้สิทธิ์นั้นกับเธอเพราะเธอคือแฟนของเขานั่นเอง
“พร้อมแล้วใช่ไหม”
เสียงทุ่มเอ่ยถามพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เมริษาก้าวถอยหลังนิดหนึ่งเพื่อกวาดสายตาพิจารณาบุรุษตรงหน้าที่เธอเพิ่งจะตระหนักรับรู้ถึงความสูงของเขาตอนนี้เอง ถ้าเธอเดินเทียบเขาแล้วศีรษะเธอคงถึงแค่อกของเขาเท่านั้นซึ่งมันช่างแตกต่างกันเสียจริง เมื่อเผชิญหน้ากันแบบนี้เธอรู้สึกตัวเล็กไปเลย
“ไปกันได้แล้วที่รัก”
เสียงทุ่มเรียกสติหญิงสาวพร้อมมือใหญ่อุ่นๆของเขาจับแขนเล็กจูงให้เดินตาม เมริษาก้าวตามต้อยๆราวกับเด็กน้อยที่ถูกผู้ปกครองเดินจูงมืออย่างว่าง่ายก่อนจะถูกพามาขึ้นรถตู้คันใหญ่สีดำสนิทซึ่งมีคนขับรถเปิดรออยู่ก่อนแล้ว
ราวๆสามสิบนาทีรถตู้คันใหญ่ก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าโรงแรมหรูใจกลางเมือง เมริษาถูกพาเข้ามาในโรงแรมเพื่อไปยังห้องสูทชั้นบนสุดของโรงแรมพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ซึ่งมีชายชุดดำที่มาจากไหนไม่รู้มาลากตามเข้ามา ถ้าเมริษาเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นลูกน้องของเขาอีกคนที่มีนอกเหนือจากเลขาของเขาที่ชื่อนิโคลซึ่งคนนี้เธอรู้จักแล้วตอนอยู่ร้านกาแฟแต่คนที่มาใหม่เธอยังไม่รู้จักชื่อ แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่แนะนำให้รู้จักเมริษาเลยเงียบไว้ไม่ได้เอ่ยถามอะไร
แต่เมื่อก้าวเข้ามาในลิฟต์แล้วเมริษาแทบเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นเมื่อเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำสนิทท่าทางเคร่งขรึมรออยู่ก่อนแล้วในลิฟต์ ประเมินจากสายตาดูคร่าวๆแล้วน่าจะเกินห้าคน
“ไม่ต้องกลัวที่รัก ทำตัวให้ชินไว้เพราะพวกนี้จะเป็นการ์ดส่วนตัวของคุณนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป”
เสียงทุ่มกระซิบลงมาที่ข้างใบหูเล็กราวกับรู้ว่าเธอกำลังรู้สึกกลัว ที่เมริษาไม่เห็นชายฉกรรจ์เหล่านี้ตอนไปร้านกาแฟไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีตัวตน เพียงแต่เธอไม่สังเกตลูกค้าในร้านเองต่างหาก ถ้าหากว่าเธอเฉลียวใจสักนิดก็จะเห็นว่าทั้งร้านมีแต่ลูกค้าเป็นชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำ และไม่ใช่แค่ห้าแต่เป็นสิบคนเลยทีเดียว
“ทำไมฉันต้องมีการ์ดมากมายขนาดนี้ด้วยละคะ”
เมริษาเงยหน้าถามชายหนุ่มร่างสูงด้วยความไม่เข้าใจ
“เพราะคุณเป็นแฟนผมไงล่ะ”
“แฟนแค่เดือนเดียว คุณไม่จำเป็นต้องจ้างการ์ดมากมายมาคอยตามฉันแบบนี้ก็ได้ ถ้าคุณกลัวฉันจะหนีละก้อหายห่วงได้เลยเพราะฉันสาบานว่าจะไม่หนีคุณไปไหนจนกว่าจะทำหน้าที่ครบตามกำหนดสัญญา”
เมริษาบอกกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมสาบานว่าจะไม่เบี้ยวสัญญาแน่นอน
“ผมไม่ได้กลัวคุณหนี แค่อยากให้มั่นใจว่าคุณปลอดภัยดีตลอดระยะเวลาที่อยู่กับผม”
คำอธิบายของเขาทำให้มาริษาต้องพยักหน้าเข้าใจถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจก็ตามทีพร้อมกับตั้งคำถามอยู่ในใจ
‘อยู่กับคุณมันอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอคะ แล้วอันตรายจากอะไรคะ’
แต่ทั้งนี้เธอก็เลือกที่จะไม่พูดมันออกมา ท่าทางอึดอัดของหญิงสาวทำให้ฟรานเซสนึกขำก่อนจะเอ่ยกับเธอเมื่อก้าวเข้ามาในห้องสูทหรูแล้วพาเธอมานั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่
“คุณต้องการผู้ช่วย หรือพี่เลี้ยงที่เป็นผู้หญิงไหม ผมจะได้จัดเตรียมหามาให้คุณ”
“ทำไมฉันต้องต้องการผู้ช่วยหรือพี่เลี้ยงที่เป็นผู้หญิงด้วยละคะ”
เมริษารู้สึกว่าการเป็นแฟนของเขามันช่างยุ่งยากเสียจริง นอกจากจะมีบอดี้การ์ดคอยตามเป็นขโยงแล้วยังต้องมีพี่เลี้ยงหรือผู้ช่วยที่เป็นผู้หญิงส่วนตัวอีกด้วย มีคนล้อมหน้าล้อมหลังแบบนี้มันยิ่งกว่าการคุ้มกันผู้นำประเทศเสียอีก
“เพราะต่อจากนี้คุณจะไม่พบเจอผู้หญิงนอกเหนือจากแม่บ้านหรือคนรับใช้ในบ้านเท่านั้น”
ฟรานเซสอธิบายแต่ชายหนุ่มไม่ได้ขยายความหรือบอกเล่ารายละเอียดมากนักเพราะเขาเชื่อว่าเธอเข้าใจทุกอย่างแล้วว่าชีวิตและงานของเขาส่วนใหญ่จะอยู่กับแต่หมู่ผู้ชาย เขาไม่อยากให้เธอรู้สึกอึดอัดใจที่ไม่มีเพื่อนผู้หญิงไว้คอยพูดคุยหรือปรึกษาปัญหาตามประสาสาวๆ
แต่เมริษากลับไม่คิดแบบนั้นเพราะเธอเข้าใจว่าชายหนุ่มรักไม้ป่าเดียวกันหากจะทำงานร่วมกับผู้หญิงคงรู้สึกว่าพวกหล่อนดูขัดหูขัดตามากกว่าจะทำให้เจริญหูเจริญตาเหมือนชายฉกรรจ์หุ่นล่ำที่ล้อมหน้าล้อมหลังเขาอยู่ตอนนี้
“ไม่ค่ะ แค่เดือนเดียวฉันไม่อยากทำตัวให้วุ่นวาย…ดีซะอีกที่ได้เห็นผู้ชายหุ่นล่ำเป็นอาหารตาทุกวัน”ตอนท้ายเมริษาเอ่ยกับตัวเองในใจ
“ถ้าอย่างนั้นคุณใช้เลขาคนเดียวกับผมก็แล้วกัน มีอะไรหรือต้องการอะไรก็แจ้งนิโคลได้ตลอดเวลา”
“ค่ะ”
เมริษาพยักหน้ารับทราบ ไม่ว่าเขาจะพูดยังไงเธอก็ตอบได้เพียงค่ะแล้วก็ค่ะ ก็อย่างที่บอกเธอไม่อยากทำตัวมีปัญหากับเขานั่นเอง