ตอนที่ 6 อารมณ์หึง

1782 คำ
ตอนที่ 6 อารมณ์หึง เมื่อถึงวันเริ่มปฏิบัติการภารกิจใหม่ หมวดนรธีร์มาดักรอรัญชน์แต่เช้า เนื่องจากนับแต่วันนี้ไปเขาต้องเข้าไปปฏิบัติงานตามหมู่บ้านต่างๆ โอกาสที่จะได้เจอกันก็มีน้อยลง เพราะกว่าเขาจะกลับจากการประชุมในตัวเมืองก็คงกินเวลาไปจนดึกดื่นเกือบทุกวัน ผู้หมวดหนุ่มมารอหวังเพียงแค่เห็นหน้าอีกฝ่ายให้พอมีกำลังใจทำงาน รัญชน์เปิดประตูบ้านพักออกมาเพื่อที่จะรดน้ำต้นไม้แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นหมวดธีร์ยืนยิ้มรออยู่ตรงบริเวณหน้าบ้าน หญิงสาวยิ้มตอบเล็กน้อยก่อนก้าวเดินลงบันไดมา “หมวดมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ มาแต่เช้าเลย” “วันนี้ผมต้องไปทำงานในหมู่บ้านแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปเราคงเจอกันน้อยลง” หมวดธีร์เอ่ยพลางทำหน้าเศร้า “ตอนเย็นกลับมาก็ได้เจอกันอยู่ดีแหละค่ะ” “กว่าผมจะกลับมาคุณก็คงนอนแล้ว เพราะผมต้องประชุมต่อหลังเลิกงานทุกวัน” “ถือว่าทำเพื่อประเทศชาติ หมวดอย่าเศร้าไปเลยนะคะ” หญิงสาวพยายามปลอบใจอีกฝ่ายไม่ให้คิดมาก “ผมคงคิดถึงคุณแย่” หมวดธีร์ตัดสินใจเอ่ยออกมา สายตาจับจ้องใบหน้าหวานซึ้งอย่างเผยใจ “เอ่อ…” รัญชน์ทำสีหน้าปั้นยาก ด้วยเธอไม่เคยคิดเกินเลยกับหมวด นรธีร์มากกว่าคำว่าเพื่อน “ครูรัญชน์ครับ ไหนๆ เราก็จะไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว ผมแค่อยากรู้ว่าทุกวันนี้คุณคิดยังไงกับผม มีผมในหัวใจบ้างหรือเปล่า” ผู้หมวดหนุ่มเดินเข้ามาประจันหน้าจนแนบชิด สายตาจับจ้องใบหน้าหวานไม่วางตาคล้ายรอคำตอบ “หมวด…” รัญชน์ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย เนื่องจากไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำถามแบบตรงไปตรงมาเช่นนี้ “ไม่บอกก็ไม่เป็นไรครับ แต่ผมอยากให้ครูรัญชน์รู้ว่าในหัวใจของผมตอนนี้มีแค่คุณเพียงคนเดียว” หมวดนรธีร์ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มคว้ามือบางมากุมเอาไว้ก่อนยกขึ้นมาแล้วแนบริมฝีปากลงไปบนหลังมือของอีกฝ่ายเบาๆ โดยที่ รัญชน์ยังอยู่ในอาการตกตะลึง ด้วยไม่คิดว่าหมวดธีร์จะกล้าแสดงออกมาถึงเพียงนี้ “หมวด!” เสียงเข้มห้วนที่ดังขัดจังหวะขึ้นมาส่งผลให้ทั้งสองหันไปมองอย่างพร้อมเพียงกัน รัญชน์รีบชักมือจากการถูกกอบกุมออกอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าบุคคลนั้นเป็นใคร “ทุกคนรอหมวดอยู่คนเดียว ระเบียบวินัยหายไปไหนหมด อย่าทำให้คนอื่นเสียงานสิครับ” เสียงเข้มตำหนิผู้หมวดหนุ่ม เจ้าของคำพูดสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อข่มอารมณ์อันคุกรุ่นให้เป็นปรกติที่สุด ทั้งที่ภายในใจร้อนรุ่มราวถูกไฟลน “ผมขอโทษครับ” หมวดนรธีร์ยืนนิ่งหลังตรง ชายหนุ่มยืนรอฟังว่าอีกฝ่ายจะมีคำสั่งอย่างไร “ไปได้แล้ว ผมหวังว่าวันพรุ่งนี้คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกนะหมวด” “รับทราบครับ” หมวดนรธีร์ทำความเคารพก่อนหันหน้าไปสบตารัญชน์แวบหนึ่ง เธอส่งยิ้มปราแปร่งเพื่อให้กำลังใจก่อนจาก ก่อนที่ผู้หมวดหนุ่มจะหันหลังก้าวเดินออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความรวดเร็ว เมื่อลับร่างหมวดนรธีร์ ทัตเทพหันมาทางคนที่ยืนนิ่งมองตาม หลังผู้หมวดหนุ่มไปจนลับสายตา อารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่แล้วเริ่มเพิ่มอุณหภูมิมากขึ้น เมื่อรู้สึกขัดใจกับท่าทางของคุณครูที่ทำเหมือนเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น “อาลัยอาวรณ์กันเหลือเกินนะ” คำพูดออกแนวประชดประชันเจืออยู่ในน้ำเสียง คนฟังตวัดสายตามองทันควัน “หมวดธีร์เป็นเพื่อนของฉัน เราจะคุยกันมันผิดตรงไหน” “หึ เพื่อนยังงั้นรึ แล้วไอ้ที่ผมเห็นเมื่อสักครู่นี้ก็คือการแสดงความรักแบบเพื่อนอย่างนั้นสิ” ผู้กองหนุ่มกระตุกยิ้มหยัน ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้นจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เขาผ่อนออกมาตามแรงอารมณ์ “ฉันไม่ได้คิดอะไรกับหมวดธีร์” รัญชน์เริ่มหวาดกลัวในท่าทีของอีกฝ่าย หญิงสาวอธิบายออก มาพลางเดินถอยหลังหนีเพื่อหวังให้พ้นจากการคุกคามของเขา “แล้วทำไมคุณถึงยอมให้หมวดธีร์ทำแบบนั้น ถ้าผมไม่มาเห็น ไม่จูบกันไปแล้วรึไง!” ผู้กองทัตเทพพูดออกไปก่อนขบกรามแน่น อารมณ์ที่คุกรุ่นจากความหึงหวงทำให้ชายหนุ่มสาวเท้าตามอีกฝ่ายที่พยายามถอยหลังหนีเข้าไปยังชั้นล่างของตัวบ้าน “ผู้กองกำลังดูถูกฉันนะ!” รัญชน์เริ่มไม่พอใจกับคำพูดของบุรุษตรงหน้า เขากำลังดูถูกว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายที่จะยอมใครก็ได้ “ผมจะไปรู้ได้ยังไง ป่านนี้คุณกับหมวดธีร์คงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ผมคงไม่โง่แต่งงานกับคุณเพื่อกินเดนใครหรอกนะ จริงๆ แล้วคุณก็ชอบหมวดใช่มั้ย ทำไมถึงยอมให้เขาทำแบบนั้น ฮึ!” “เผียะ!” เสียงฝ่ามือฟาดลงบนซีกหน้าตามแรงอารมณ์ ผู้กองหนุ่มยืนนิ่งชั่วครู่เมื่อรู้สึกเจ็บชาไปทั่วใบหน้าคมคร้าม เส้นแห่งความอดทนของเขาขาดผึงลงทันที “ฉันจะไปนอนกับใครมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ กลับไปได้แล้ว!” รัญชน์เอ่ยปากไล่อีกฝ่ายด้วยความโมโหที่พุ่งพรวดขึ้นมา หญิงสาวเปิดประตูห้องครัวที่อยู่ชั้นล่างของตัวบ้านก่อนวิ่งหนีเข้าไปในนั้น “ไม่เกี่ยวใช่มั้ย! ถ้าผมทำให้มันเกี่ยวล่ะ!” เขาพุ่งพรวดตามมาด้วยความรวดเร็ว ก่อนปิดประตูตามหลังอย่างแรง รัญชน์ยืนตัวสั่นหน้าซีดด้วยความตกใจ สัญชาตญาณของเธอบอกว่าในนี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป “อย่านะ!” ชายหนุ่มพุ่งพรวดเข้ามาก่อนดันร่างเล็กไปชิดผนังห้อง มือแข็งราวคีมเหล็กจับข้อมือเล็กเอาไว้ทั้งสองข้างก่อนตรึงเอาไว้กับผนัง ในขณะที่รัญชน์พยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของอีกฝ่าย แต่ความพยายามกลับไม่เป็นผล เมื่อเขาดันสะโพกแกร่งเข้ามาขวางกั้นเอาไว้ “ผู้กอง คุณกำลังขาดสติ ปล่อยฉัน!” รัญชน์พยายามอ้อนวอนเสียงสั่นเครือ เนื่องจากคิดว่าถ้าเขาจะทำอะไรขึ้นมาจริงๆ เธอคงไม่มีปัญญาที่จะขัดขืนได้ “ผมมีสติตลอด แต่ผมไม่พอใจที่คุณให้หมวดธีร์ถูกเนื้อต้องตัวก่อนผม” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงไป เขากระซิบชิดริมฝีปากระเรื่อเมื่อไม่อาจหยุดยั้งตัวเองได้อีกต่อไป “ทีหลังอย่าทำอีกจำเอาไว้!” “มันไม่ใช่…อื้อ” หญิงสาวพูดได้แค่นั้น เสียงทั้งหมดต้องถูกกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อเขาฉกริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่รัญชน์พยายามส่ายหน้าหนีเพื่อให้พ้นจากการถูกครอบครอง ชายหนุ่มละมือข้างหนึ่งที่ตรึงข้อมือเล็กเอาไว้เปลี่ยนมาบีบปลายคางเรียวให้เงยหน้าขึ้นมารับจูบของเขา…มันเป็นจูบที่แสนจะป่าเถื่อนในความรู้สึกของเธอ เมื่อมือข้างหนึ่งเป็นอิสระ รัญชน์สอดแขนไปโอบแผ่นหลังกว้างเอาไว้ ก่อนฝังเล็บแหลมคมลงไปบนนั้นแรงๆ แต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้านเพราะความหนาของเสื้อพราง หญิงสาวจึงเคลื่อนขึ้นไปยังต้นคอของเขาก่อนจิกแล้วครูดอย่างแรงหวังให้เขาเจ็บแล้วผละออกห่าง แต่ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ เพราะทัตเทพกำลังหน้ามืดกู่ไม่กลับ ความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ยังน้อยกว่าความหวานล้ำที่ได้รับจากเรียวปากนุ่ม รสจูบที่เร่าร้อนและรุนแรงแปรเปลี่ยนเป็นความนุ่มนวลและอ่อนโยนในคราหลัง คล้ายเรียกร้องให้อีกฝ่ายคล้อยตามอย่างเต็มใจ ผู้กองหนุ่มคลำไปยังแผลที่บริเวณต้นคอ เมื่อความรู้สึกเจ็บแสบยังไม่หายไป ชายหนุ่มต้องยิ้มเย็นใส่หน้าอีกฝ่ายเมื่อเห็นเลือดติดมากับนิ้วมือ “หึ ขอบอก รสจูบไม่เป็นสับปะรด อย่างอื่นก็คงจืดชืดเหมือน กัน แล้วแบบนี้หมวดธีร์จะติดใจเหรอครับคุณครู” รอยยิ้มหยันพร้อมท่าทีไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ รัญชน์ถึงกับข่มกลั้นไว้ไม่ไหว “เผียะ!” เสียงฝ่ามือฟาดลงบนแก้มสากข้างเดิมจนอีกฝ่ายหน้าหันไปตามแรง คราวนี้ผู้กองหนุ่มถึงกับยกมือขึ้นลูบใบหน้าคมคร้าม แววตา คู่คมตวัดมองอย่างน่ากลัว “คุณตบผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะ” เขาเข่นเสียงรอดไรฟันออกมาอย่างช้าๆ “มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” “หึ ที่คุณตบผม เพราะไม่ชอบในสิ่งที่ผมทำ หรือโกรธที่ผมไม่ติดใจคุณกันแน่” คำพูดถากถางที่พ่นออกมาจากริมฝีปากได้รูปทำให้รัญชน์ถึงกับยืนกำมือแน่นด้วยความโกรธ “ฉันเกลียดคุณ จะไปตายที่ไหนก็ไป!” รัญชน์เข่นเสียงรอดไรฟันออกไป เธอเน้นคำพูดหวังให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ คนฟังนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนยกยิ้มมุมปากอย่างไม่สะทกสะท้าน “แล้วคิดว่าผมพิศวาสคุณอย่างนั้นเหรอ” “แล้วคุณมายุ่งกับฉันทำไม!” รัญชน์ตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างเหลืออด น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ “เคยบอกแล้วไงว่าคุณเป็นของผม ผู้ชายหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาถูกเนื้อต้องตัวแม้แต่ปลายเส้นผม” ทัตเทพกัดฟันกรอดพูดออกไป สองมือบีบหัวไหล่บางตามแรงอารมณ์ “ถ้าผู้กองไม่รักกันก็ปล่อยฉันไป ทำแบบนี้เพื่ออะไร” รัญชน์พยายามแกะมือที่กอบกุมหัวไหล่ของเธอออก เนื่องจากอีกฝ่ายออกแรงมากขึ้นจนเธอรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วท่อนแขน “…..” ไม่มีคำตอบจากปากของอีกฝ่าย ด้วยตัวผู้กองทัตเทพก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไมต้องมีความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่เขาพยายามบอกตัวเองว่าไม่มีเธออยู่ในหัวใจเธอก็ตามที สายตาสองคู่สบประสานกันนิ่งนาน ก่อนที่ทัตเทพจะยอมปล่อยมือแล้วหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้อีกฝ่ายทรุดร่างกองลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม