ตอนที่ 4
ถูกปองร้าย
รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อแล่นฉิวไปบนท้องถนนมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านที่อยู่ถัดไปอีกไม่กี่กิโลเมตร รัญชน์รู้สึกง่วงงุนขึ้นมาในทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถ แต่พยายามฝืนเอาไว้ด้วยคิดว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงหมู่บ้านแล้ว
“ผู้กองครับ วัยรุ่นสี่คนเมื่อสักครู่ผมว่าท่าทางดูแปลกๆ ผู้กองสังเกตเหมือนผมหรือเปล่า” เสียงจ่าเข้มเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“อืม…ตอนนี้เราไม่รู้ว่าใครเป็นแนวร่วมบ้าง คงต้องระวังตัวเอา ไว้ให้ดีที่สุด”
ผู้กองทัตเทพคุยกับจ่าเข้ม แต่สายตาจับจ้องไปยังครูสาวข้างกาย ก่อนเอ่ยกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณเองก็เหมือนกัน ไม่จำเป็นผมไม่อยากให้ออกไปไหนยามวิกาล”
“รับทราบค่ะ คุณผู้กอง”
รัญชน์ตอบรับโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถเพื่อหลบหนีสายตาคู่คมของอีกฝ่ายที่ยังจับจ้องหน้าตนไม่วางตา
รถวิ่งมาใกล้ถึงช่วงโค้งหักศอก ผู้กองทัตเทพเหลือบไปเห็นวัตถุ
คล้ายถุงสีสดใสผูกไว้กับต้นไม้บริเวณหัวโค้ง ประสบการณ์ที่สอนสั่งทำให้ผู้กองหนุ่มใจหายวาบขึ้นมาโดยพลัน ด้วยสัญชาตญาณจึงตะโกนออกไปในทันที
“จ่า เบรค!”
เอี๊ยดด!
ด้วยสมรรถภาพของรถและความชำนาญของพลขับ รถจึงไถลเข้าข้างทางเล็กน้อย ก่อนหยุดกึกทันที
“ทุกคนรีบออกไปหาที่กำบังเร็ว!”
“อะ อะไร!”
ผู้กองทัตเทพตะโกนสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาให้รีบออกจากรถให้เร็วที่สุด จ่าทั้งสองรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณจึงพุ่งพรวดออกจากรถไปด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่ผู้กองหนุ่มคว้าอาวุธก่อนเปิดประตูรถแล้วกระชากแขนคนข้างกายให้รีบตามลงมาเช่นเดียวกัน
"บรึ้มมม!"
ชั่ววินาทีนั้นเสียงระเบิดได้ดังกึกก้องขึ้น แรงระเบิดทำให้กระจกหน้ารถแตกกระจาย แต่โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในรถแล้ว ทัตเทพฉุดกระชากรัญชน์ให้วิ่งเข้าหาเนินดินที่อยู่อีกฟากอย่างรวดเร็ว ผู้กองหนุ่มกดร่างหญิงสาวให้นอนราบไปกับพื้นก่อนทาบทับร่างตัวเองตามลงไป มือข้างหนึ่งกดศีรษะครูสาวไว้แน่น
"ปัง!"
“ว้าย!”
วินาทีนั้นเสียงปืนได้ดังกึกก้องตามมา กระสุนพุ่งแหวกอากาศผ่านศีรษะของผู้กองหนุ่มกับครูสาวไปอย่างน่าหวาดเสียว ก่อนทะลุเข้าเนื้อไม้ที่ขึ้นอยู่ด้านหลังเนินดินจนเป็นรู
รัญชน์นอนหลับตาปี๋แล้วยกสองมือขึ้นอุดหูด้วยความหวาด กลัวจนสุดขีด เธอเพิ่งเคยสัมผัสกับสถานการณ์เสี่ยงตายเป็นครั้งแรกก็คราวนี้นี่เอง
“ปังๆๆ!”
จ่าอีกสองนายกระจายออกไปเพื่อวางแนวยิงต้านทันที จากเสียงปืนที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนทราบว่าฝ่ายตรงข้ามยิงมาจากบริเวณไหน
“จ่า พยายามยิงต้านเอาไว้ก่อน!” ทัตเทพตะโกนสั่งการก่อนหยิบวิทยุออกมากรอกเสียงลงไปทันที
“พยัคฆ์ทักษิณเรียกฐาน เราถูกเล่นงาน ขอความช่วยเหลือด่วน…” ผู้กองทัตเทพบอกพิกัดให้รับทราบ เสียงวิทยุจากฐานตอบกลับมาทันที “รับทราบ พยายามยิงต้านเอาไว้ เราจะส่งทีมช่วยเหลือไปทางคุณ”
“รัญชน์ คุณหมอบอยู่ตรงนี้นะ อย่าเงยหน้าขึ้นมาถ้าผมไม่มีคำสั่ง!”
ผู้กองทัตเทพตะโกนแข่งกับเสียงปืนที่ต่างฝ่ายต่างรัวใส่กันเพื่อกำชับครูสาวที่ทำท่าหมอบตัวสั่นระริกอยู่ใต้ร่าง
“คุณจะไปไหน” รัญชน์ถามเสียงสั่นด้วยความกลัว
“ผมไม่ทิ้งคุณหรอกน่า”
พูดจบจึงฝังจมูกคมสันลงบนศีรษะเล็กคล้ายปลอบให้เธอหายหวาดกลัว จากนั้นจึงขยับร่างที่ทาบทับอยู่บนร่างเล็กลงมานอนหมอบอยู่ข้างกายเธอ ชายหนุ่มคว้าปืนคู่กายก่อนเทียบไว้มั่นแล้วยิงเปิดไปบนเนินเดินที่ฝ่ายตรงข้ามฝังตัวอยู่ทันที
“ปัง!”
ฝุ่นฟุ้งกระจายตรงเนินดินด้วยแรงอัดของกระสุน จ่าสองนายรู้งานรีบกระจายกำลังเพื่อยิงโอบด้านข้างทันที
“คิดจะเก็บกูรอชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะวะ!”
ผู้กองทัตเทพสบถออกมาพลางขบกรามแน่น ชายหนุ่มถอดสลักระเบิดก่อนปาออกไปยังเป้าหมายทันที
“บรึ้มมม!”
ระเบิดลูกเกลี้ยงถูกขว้างไปตกยังบริเวณเนินดินอีกฟาก ส่งผลให้เสียงปืนจากฝ่ายตรงข้ามเงียบลงไปพักหนึ่ง
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เสียงปืนของจ่าเข้มและจ่ายุทธผสานกับเสียงปืนของผู้กองหนุ่มดังรัวอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ยอมเว้นจังหวะให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว
“ปังงง!”
ยานหุ้มเกราะที่ตามมาสมทบรัวกระสุนดังสนั่นไปทั่วแนวป่ายังบริเวณที่ฝ่ายตรงข้ามซุกซ่อนตัวอยู่ เมื่อเจอชุดใหญ่จากตัวพ่อเสียงปืนจากฝ่ายตรงข้ามเงียบลงไปในทันที ทั่วทั้งบริเวณกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อแน่ใจว่าเหตุการณ์กลับสู่สภาวะปรกติ ผู้กองหนุ่มวางปืนลงก่อนพลิกกายไปรั้งร่างบางที่กำลังนอนตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวเข้ามากอดแนบอกเพื่อปลอบขวัญ ด้วยสติที่กระเจิดกระเจิงทำให้หญิงสาวโผเข้ากอดอีกฝ่ายแน่นอย่างลืมตัว
“ผู้กอง อย่าทิ้งฉันไป!”
หญิงสาวละล่ำละลักออกไป น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยเป็นสาย
“ไม่เป็นอะไรแล้วรัญชน์ ทุกอย่างมันจบแล้ว”
ผู้กองทัตเทพปลอบประโลมพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะกลมทุยไปพร้อมกัน เขาฝากรอยจูบลงไปบนหน้าผากนวลอย่างไม่รู้ตัว จนนึกแปลกใจว่าอะไรดลใจให้เขาทำลงไปแบบนั้น
“จริงๆ นะ”
หญิงสาวเอ่ยคล้ายขอความเชื่อมั่น ดวงตายาวรีที่มองอีกฝ่ายยามนี้ช่างคล้ายกับแววตาของกวางสาวที่กำลังตื่นตระหนก เธอกระชับอ้อมกอดแน่นมากขึ้นกว่าเดิมพร้อมซุกซบอยู่กับอกแกร่ง หยาดน้ำตาแห่งความหวาดกลัวหลั่งรินจนเสื้อพรางของอีกฝ่ายเปียกชุ่ม
“ผู้กองครับ...เอ่อ...”
เสียงจ่าเข้มเดินมาเรียก จ่าอาวุโสต้องลอบยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางของผู้กองหนุ่มกับครูสาว ดูยังไงก็เหมือนคู่รักกันมากกว่าเป็นคู่กัดกัน
“ทุกคนปลอดภัยใช่ไหม”
ผู้กองทัตเทพเอ่ยถามกลับไป ในขณะที่อ้อมแขนแข็งแรงยังไม่คลายอ้อมกอดออกจากร่างบาง
“ครับ…ผู้กองกับคุณครูไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”
จ่าเข้มถามกลับมา ในขณะทหารที่มากับยานหุ้มเกราะทยอยกันลงมาเพื่อรอชุดเคลียร์พื้นที่ที่กำลังตามมาสมทบ
“ผมกับครูรัญชน์ปลอดภัยดี”
ผู้กองหนุ่มตอบพลางคลายอ้อมกอดออกจากร่างบาง ก่อนกระซิบชิดใบหูอีกฝ่ายเมื่อเห็นรถของนักข่าวแล่นปราดเข้ามาจอดด้วยความรวดเร็ว
“รัญชน์ ปล่อยผมก่อน นักข่าวแห่กันมาแล้ว”
รัญชน์ได้สติ หญิงสาวคลายอ้อมกอดออกทันที ก่อนผละออกจากอกแกร่งของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ความเขินอายเข้ามาแทนที่ความหวาดกลัวส่งผลให้ใบหน้านวลแดงก่ำขึ้นมาทันที
หญิงสาวก้มหน้าหลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบสายตาคู่คมที่กำลังจ้องมองมายังตนนิ่ง ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็กไร้เดียงสาของอีกฝ่าย ก่อนจะค่อยๆ พยุงเธอให้ลุกขึ้นยืนแล้วคว้ามือเล็กไปกอบกุมเอาไว้ ทั้งสองพากันเดินออกไปสมทบกับทหารคนอื่นๆ ที่ยืนกระจายกำลังกันออกไปทั่วบริเวณนั้น เมื่อเคลียร์พื้นที่และให้สัมภาษณ์นักข่าวเสร็จ ทั้งหมดจึงพากันแยกย้ายกลับฐานปฏิบัติการของตนเองทันที
“ผู้กอง ครูรัญชน์! เป็นยังไงบ้างครับ”
หมวดนรธีร์ปราดเข้ามาถามด้วยความร้อนรน เมื่อทั้งหมดก้าวลงมาจากรถ เมื่อได้ทราบข่าวก่อนหน้านั้นเขาก็นั่งไม่เป็นสุขรอคอยข่าวด้วยความกังวล
“ไม่ต้องห่วงหมวด ทุกคนปลอดภัยดี”
ผู้กองทัตเทพเอ่ยพลางตบบ่าผู้หมวดหนุ่มเบาๆ ก่อนหันหน้าไปทางรัญชน์ที่ยังคงมีท่าทีหวาดกลัวไม่เลิก
“รัญชน์ขอตัวก่อนนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยขอตัว เมื่อร่างกายของเธอฟ้องว่าอยากพักผ่อนเต็มทน พยายามบอกตัวเองว่าไม่ได้รู้สึกประหม่ากับการแสดงออกของตนก่อนหน้านั้น เลยไม่กล้าสู้หน้าผู้กองทัตเทพเหมือนเมื่อก่อน
“คุณแน่ใจนะรัญชน์ ว่าอยู่คนเดียวได้”
ผู้กองทัตเทพเอ่ยถามขึ้น ด้วยชายหนุ่มลอบสังเกตเห็นในท่าทีหวั่นวิตกที่อีกฝ่ายพยายามปกปิดเอาไว้
“ค่ะ ทหารเต็มโรงเรียนผู้ก่อความไม่สงบคงไม่กล้าตามมาถึงที่นี่หรอกมั้งคะ” รัญชน์ฝืนยิ้มออกไป ด้วยไม่อยากให้ใครมากังวลไปกับเธอ
“ผมขอเดินไปส่งครูรัญชน์เอง” หมวดนรธีร์รีบขันอาสาด้วยความเต็มใจ “เอ่อ…” รัญชน์มีท่าทีอิดออด นัยน์ตาสีน้ำผึ้งสบประสานกับนัยน์ตาดำเข้มของผู้กองทัตเทพแวบหนึ่ง คล้ายกับเด็กต้องการขออนุญาตจากผู้ปกครอง ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกเกรงใจกลัวเขาจะตำหนิกันอีกครั้ง กับการที่เธอทำตัวใกล้ชิดหมวดธีร์
“ไปครับ”
โดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต หมวดธีร์เดินนำหน้าครูสาวไปทันที รัญชน์จำต้องเดินตามไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้กองทัตเทพมองตามร่างทั้งสองไปด้วยหัวใจที่สับสน ชายหนุ่มกำลังคิดว่าถ้าหมวดนรธีร์คิดจริงจังกับรัญชน์ขึ้นมาจริงๆ เขาจะทำอย่างไร ในเมื่อเขาเองก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า ตอนนี้เขายังอยากวิ่งหนีผู้หญิงที่มารดาพยายามยัดเยียดมาให้อยู่หรือไม่