Chapter 3 หวงก้าง (2)

1888 คำ
Chapter 3 หวงก้าง (2) รัญชน์เดินเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อยเปื่อย ภาพที่เห็นเธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือยุคปัจจุบัน หญิงสาวคิดไปว่าตัวเองกำลังอยู่ในยุคสงครามโลก ตามถนนเต็มไปด้วยทหารถือปืน รถหุ้มเกราะที่ผู้คนเห็นจนชินตา เธอเห็นทหารลงจากรถคุ้มกันมาซื้อกับข้าวยังต้องสะพายปืนลงมา พลางคิดว่าเมืองไทยเกิดอะไรขึ้น ความปลอดภัยในชีวิตของข้าราชการที่นี่น้อยมาก ข้าราชการที่มาทำงานอยู่พื้นที่นี้ต้องยอมรับว่าเป็นคนที่กล้าหาญเป็นอย่างมาก ซึ่งเธอเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะได้มาเดินเล่นในสถานที่ที่ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยอันตรายเช่นนี้ รัญชน์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วดูอีก เกือบบ่ายโมงแล้วแต่อีกฝ่ายหนึ่งยังคงไม่ปรากฏกาย หญิงสาวถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เธอนั่งรอผู้กองทัตเทพมาเป็นชั่วโมงแล้ว ทั้งเข้าร้านเสริมสวย เดินเล่น และพยายามซื้อของให้ช้าที่สุดเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้ แต่ก็ยังเร็วไปอยู่ดี จนต้องมานั่งรออีกฝ่ายอย่างน่าเบื่ออยู่เช่นนี้ นิตยสารในมือถูกเปิดไปเปิดมาอยู่หลายรอบ แต่เจ้าของกลับไม่สนใจเนื้อหาในนั้นเท่าใดนัก ด้วยจิตใจจดจ่ออยู่กับการกลับบ้านมากกว่า สายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงกำลังเดินมาพร้อมนายทหารอีกหลายนายทำให้หญิงสาวยิ้มออก เมื่อการรอคอยอันยาวนานได้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้กองทัตเทพยืนคุยกับกลุ่มทหารอยู่สักพัก ก่อนหันหน้ามาทางเธอแล้วหันไปเอ่ยอะไรบางอย่างกับพวกเขา จากนั้นจึงแยกย้ายกันไป หนึ่งในนั้นเดินตามหลังเขามา “มากับผู้กองหรือครับ คุณครู” ชายในชุดพรางที่เดินมากับผู้กองทัตเทพเอ่ยทัก เมื่อทั้งสองมาหยุดยืนอยู่หน้าเธอ “อ๋อ ใช่ค่ะ” รัญชน์ตอบสั้นๆ ก่อนส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย “ครูรัญชน์ นี่ผู้กองชัชฤทธิ์ หัวหน้าชุดตชด.ของที่นี่” ทัตเทพเอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นฝ่ายชายมองคุณครูคนสวยตาไม่กระพริบ “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ…ครูรัญชน์” ผู้กองชัชฤทธิ์เอ่ยพลางยื่นมือออกมารอ ก่อนที่รัญชน์จะยื่นมือไปสัมผัสกับมือของอีกฝ่ายตามมารยาทการทักทายแบบสากล “เช่นกันค่ะ” “ยังไงวันนี้ผมกับครูรัญชน์ต้องขอตัวกลับก่อน บังเอิญว่าคุณ ครูจะรีบไปซักผ้าน่ะครับ” “หือ?” รัญชน์ทำหน้างงขณะหันไปมองหน้าเจ้าของคำพูด แต่อีกฝ่ายกลับแอบหยิกที่แขนของเธอโดยที่ผู้กองชัชไม่ทันสังเกตเห็น “อะ...อ๋อ…ค่ะ รัญชน์ลืมไปว่าแช่เสื้อผ้าไว้” รับมุกพลางยิ้มแหยๆ ใส่หน้าผู้กองชัชฤทธิ์ ไม่เข้าใจตัวว่าจะไปเชื่อผู้กองทัตเทพทำไม “แล้วเจอกันใหม่นะครับผู้กอง” ทัตเทพตัดบทก่อนเดินไปหยิบถุงหลายใบของรัญชน์ใส่ไว้ท้ายรถกระบะ จากนั้นจึงหันหน้ามาพยักพเยิดให้ครูสาวเดินไปขึ้นรถ ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงเล็กน้อยด้วยรู้สึกขัดหูขัดตากับภาพตรงหน้าขึ้นมาเสียดื้อๆ “หวังว่าคงได้พบกันอีกนะครับคุณครู” ผู้กองชัชฤทธิ์ตะโกนตามไป ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างเมื่อเธอหันกลับมายิ้มให้เพื่อรับไมตรีจากเพื่อนใหม่ “ค่ะ ผู้กอง” “จะล่ำลาอะไรกันนักกันหนาคุณ ผมรำคาญ” ทัตเทพกระซิบกระซาบอย่างหัวเสียเมื่อเห็นคุณครูคนสวยหันไปยิ้มให้ผู้กองชัชฤทธิ์ราวกับคุ้นเคยกันมานาน “เรื่องของคุณ” หญิงสาวโต้กลับก่อนปิดประตูรถอย่างแรง ด้วยรู้สึกว่าชายหนุ่มข้างกายช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย “แต่ผมหิวข้าว หัดเกรงใจคนอื่นซะบ้าง” “ฉันรอคุณเป็นชั่วโมงยังไม่บ่นสักคำ แค่ฉันคุยกับผู้ชายหน่อยเดียวทำเป็นกระฟัดกระเฟียด อย่าบอกนะว่าคุณหึงฉัน” รัญชน์แกล้งยิ้มยั่วใส่หน้าอีกฝ่าย นัยน์ตาสีน้ำผึ้งจ้องลึกไปยังนัยน์ตาดำเข้มของอีกฝ่ายนิ่ง “นี่คุณ ช่างกล้าพูด ผมเนี่ยนะหึงคุณ ตลกสิ้นดี” ทัตเทพเอ่ยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ราวกับหญิงสาวเล่าเรื่องตลกให้ฟัง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ขำด้วย “แล้วทำไมคุณต้องรีบกลับ แถมยังมาหยิกฉันอีก” “ผมบอกแล้วไงครับว่าผมหิวข้าว ถ้าคุณอยากจะคบกับใครก็คบไป ไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว” “ไม่หึงก็แล้วไป” “ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าคุณมีดีอะไร ผมถึงต้องหึงคุณ” คนพูกยกยิ้มมุมปากใส่หน้าคนฟังอย่างยั่วเย้า ก่อนหันไปสั่งผู้ใต้บังคับบัญชา “จ่ายุทธ เดี๋ยวแวะร้านเดิมนะ ทานข้าวกันก่อน” “ครับผู้กอง” พลขับรับคำสั้นๆ ในขณะที่รถค่อยๆ เคลื่อนที่ออกมานอกตัวเมืองเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป ++++ “คุณไม่รีบใช่ไหม” ผู้กองทัตเทพหันมาถามคนข้างกาย เมื่อจ่ายุทธเลี้ยวรถเข้ามาจอดยังร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง “ถึงรีบก็คงกลับไม่ได้” รัญชน์เอ่ยแกมประชดกลับไป “ถ้าคุณรีบก็เดินไปก่อนได้นะ แค่ไม่กี่กิโลเอง” ทัตเทพหัวเราะใส่หน้าอีกฝ่ายที่นั่งทำตาถลึงรออยู่ก่อนแล้ว จนจ่าเข้มต้องแทรกขึ้นมา “ไปครับคุณครู ทานข้าวกันก่อน” “ขอบคุณค่ะจ่า” รัญชน์เอ่ยขณะก้าวลงจากรถ หญิงสาวเดินตามร่างสูงของผู้กองหนุ่มเข้าไปด้านใน ซึ่งเขาเลือกโต๊ะที่อยู่มุมสุดเนื่องจากไม่ชอบความวุ่นวาย “เบียร์ไหม” ทัตเทพหันมาเอ่ยถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกาย สายตาคู่คมลอบสำรวจไปทั่วร่างบาง “ฉันไม่ถูกกับแอลกอฮอล์ ขอน้ำเปล่าดีกว่า” หญิงสาวส่ายหัวเล็กน้อย จ่าเข้มจึงหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว “ลืมไปว่าคุณต้องภาพพจน์ดีเลิศ แต่จะเป็นประเภทข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรงหรือเปล่า หึ” “มันเรื่องของฉัน” รัญชน์ไม่พูดเปล่า หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิกต้นขาอีกฝ่ายอย่างแรง โดยที่จ่าเข้มและจ่ายุทธไม่ทันสังเกตเห็น “อูย ผมเจ็บนะ” ผู้กองหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนยื่นหน้าเข้ามากระซิบแสร้งทำว่าเจ็บนักหนา ในขณะที่มือแกร่งพยายามแกะมือเล็กออกจากต้นขาของตนเอง ต่างฝ่ายต่างยื้อยุดกันไปมา “เอ่อ…ผู้กองครับ สั่งอาหารก่อนดีไหมครับ” เสียงเจือความเกรงใจของจ่าเข้มเอ่ยแทรกขึ้น เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของสองหนุ่มสาวเบื้องหน้า “จ่าจัดการเลยผมทานได้หมด แล้วคุณล่ะอยากทานอะไร” ทัตเทพเอ่ยถามคนข้างๆ กลบเกลื่อนสายตาจ่า ขณะที่มือแกร่งยังคงจับมือเล็กเอาไว้ให้อยู่กับที่ ด้วยกลัวจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาอีก “เอ่อ…อะไรก็ได้ค่ะจ่า” รัญชน์มองหน้าจ่าเข้มที่กำลังอมยิ้มเล็กน้อย หญิงสาวกัดฟันยิ้มใส่หน้าจ่าสองคนด้วยความขวยเขิน จ่าเข้มจดรายการอาหารลงในกระดาษจากนั้นจึงหันไปเรียกพนักงานเสิร์ฟให้มารับไป “ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” จ่าเข้มหันมาเอ่ยกับเจ้านาย ก่อนสะกิดให้จ่ายุทธลุกตามไป คล้ายกับต้องการเปิดทางให้ผู้กองหนุ่มกับครูสาวได้เคลียร์เรื่องบางอย่างที่ยังคงค้างคาเมื่อสักครู่ “ปล่อยสิ” รัญชน์กระซิบเมื่อลับร่างจ่าทั้งสองแล้ว พยายามชักมือจากการถูกกอบกุมออกแต่ไม่เป็นผล เมื่ออีกฝ่ายยังคงตรึงไว้แน่น “ปล่อยให้โง่สิ ผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณจะไม่ทำร้ายร่าง กายผมอีก นี่ผมฟ้องร้องคุณได้เลยนะ” “แล้วคุณจะทานข้าวได้ยังไง ถ้าจับฉันไว้อย่างนี้” “ผมถนัดขวา ไม่ได้ถนัดซ้ายเสียหน่อย” อีกฝ่ายตอบหน้าตาเฉย พลางยิ้มเล็กๆ ใส่ตาหญิงสาวข้างกาย “คุณก็บอกมาตามตรงว่าอยากแต๊ะอั๋งฉัน ไม่เห็นต้องใช้ไม้นี้” รัญชน์แกล้งยิ้มยั่ว แทนที่อีกฝ่ายจะโกรธชายหนุ่มกลับหัวเราะชอบใจ “แล้วแต่คุณจะคิด” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า เขาเปลี่ยนจากการกอบกุมมือเล็กไปโอบไหล่ของอีกฝ่ายแทน “ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ!” รัญชน์ปัดท่อนแขนแข็งแรงที่โอบกอดเธออยู่ออกอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายยิ้มกริ่มที่แกล้งให้เธอโกรธได้สำเร็จ “ด่าผมทำไม” “ยังจะมีหน้ามาถาม” “ทำไมล่ะคุณครู คุณเป็นของผม ผมก็มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนี้ได้ไม่ใช่เหรอครับ” “ฉันไปเป็นของคุณตอนไหน” “ไหนๆ เราก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว คุณสนใจที่จะมาอยู่ก่อนแต่งกับผมมั้ยล่ะ จะได้รู้จักกันให้ลึกซึ้งมากกว่านี้ไง” ผู้กองหนุ่มยิ้มมุมปาก นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ รอดูว่าอีกฝ่ายจะโต้กลับมาอย่างไร “รอชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะคุณผู้กอง แล้วฉันไปบอกคุณตอนไหนว่าจะแต่งงานกับคุณ ทุกอย่างถูกล้มเลิกไปหมดแล้ว” “ไม่รู้สิครับ ผมสมองเสื่อม จำเรื่องราวที่ผ่านมาไม่ค่อยได้” ชายหนุ่มพูดหน้าตาเฉย จนรัญชน์เริ่มจะหงุดหงิดในความยียวนกวนอารมณ์ที่เขาแสดงกับเธอ “ฉันไม่คุยกับคนกวนประสาทอย่างคุณแล้ว” “ถ้าวันใดผมอยากได้ของของตัวเองคืน ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาขวาง จำเอาไว้นะครับคุณครูคนสวย” รัญชน์นิ่งอึ้งเพราะไม่รู้เขาพูดเล่นหรือพูดจริง ขณะเดียวกันจ่าเข้มและจ่ายุทธได้เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ ส่งผลให้การปะทะคารมจบลงแค่นั้น พฤติกรรมของทั้งหมดหาได้รอดพ้นสายตาของกลุ่มวัยรุ่นท้องถิ่นสี่คนที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน พวกเขามานั่งที่นี่ก่อนที่กลุ่มของผู้กองทัตเทพจะเข้ามา ซึ่งในขณะที่ผู้กองหนุ่มกำลังยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบนั้นสายตาคู่คมเหลือบไปเห็นสายตาสี่คู่ที่กำลังจ้องมองมาที่ตนโดยบังเอิญ ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ด้วยสัญชาตญาณรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างที่ฉายออกมาจากแววตาของวัยรุ่นกลุ่มนั้น เหมือนพวกนั้นจะรู้ว่าเขารู้ตัว ทั้งสี่คนเรียกพนักงานมาคิดเงินก่อนพากันลุกจากโต๊ะแล้วเดินออกจากร้านอาหารไป ผู้กองทัตเทพมองตามไปจนกระทั่งทั้งสี่คนขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซด์แล้วขี่ออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้นสายตาคู่คมเหลือบมองหญิงสาวข้างกายแวบหนึ่ง เธอเปราะบางเกินไปที่จะมาคลุกคลีกับสังคมแสนอันตรายแบบนี้ ยิ่งเป็นคนนอกพื้นที่ด้วยแล้ว การตกเป็นเป้าของผู้ก่อความไม่สงบนั้นมีสูง ทัตเทพเริ่มกังวลถึงอนาคตของเธอว่าจะเป็นไปในทิศทางใด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม