Chapter 2 ขมิ้นกับปูน (3)
ผู้กองทัตเทพต้องหัวเสียอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อกลับมาจากการประชุมกับผู้บังคับบัญชาฐานอื่นๆ ในตัวเมืองแล้ว เขากลับได้
ทราบว่าหมวดคนสนิทออกนอกพื้นที่ไปกับครูสาวสองต่อสอง โดยที่เขาไม่รับทราบและไม่ได้อนุมัติให้ใครออกไปนอกพื้นที่โดยพลการเช่นนี้
“ผู้กองครับ นั่งลงแล้วทานข้าวก่อนดีไหมครับ”
เสียงจ่านายหนึ่งเอ่ยขึ้น เนื่องจากเห็นว่าเจ้านายหนุ่มยังคงเดินพล่านไปมาไม่หยุดตั้งแต่กลับมา
“หมวดธีร์ออกนอกพื้นที่โดยพลการแม้จะเลิกงานแล้วก็ตาม รู้ทั้งรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังน่าเป็นห่วง แต่ก็ยังทำ”
สีหน้าของผู้กองหนุ่มบึ้งตึง ไม่แน่ใจว่าเป็นห่วงในชีวิตของลูกน้องหรือไม่พอใจที่อีกฝ่ายพาคุณครูออกไปกันแน่
“เดี๋ยวก็คงกลับมาหรอกครับ เห็นบอกว่าจะพาคุณครูไปเดินเล่นในตัวเมืองด้วย”
“เที่ยวหว่านเสน่ห์ไปทั่วบ้านทั่วเมืองจนลูกน้องผมหัวปั่น สักวันผมจะฆ่าคุณ รัญชน์”
ผู้กองหนุ่มเข่นเสียงพูดกับตัวเอง ก่อนเดินตรงไปยังโต๊ะที่ทหารพลาธิการจัดกับข้าวไว้รอ
เสียงรถแล่นเข้ามาจอดบริเวณพื้นที่ฐานเฉพาะกิจชั่วคราว ส่งผลให้ผู้กองทัตเทพละสายตาจากหนังสือที่อยู่ตรงหน้า ก่อนลุกปราดออกไปด้านนอกฮัททันที
“รัญชน์…”
ภาพตรงหน้าที่เห็นทำให้อารมณ์ของผู้กองหนุ่มถึงกับคุกรุ่นขึ้นมาในทันใด เขาเห็นลูกน้องตนเดินเคียงข้างคุณครูตรงไปยังบ้านพักครูที่อยู่ถัดไปข้างใน ความคิดบางอย่างที่แล่นปราดเข้ามาทำให้เขา
ตัดสินใจตะโกนออกไปโดยไม่คิดให้เสียเวลา
“คุณครูกำลังจะทำให้คนของผมเสียงาน รู้ตัวไหมครับ”
เสียงเข้มที่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ส่งผลให้ผู้หมวดหนุ่มกับครูสาวต้องชะงักฝีเท้าแล้วหันไปมองทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน
เพียงเห็นว่าเป็นใคร ผู้หมวดหนุ่มจึงออกหน้ารับทันควัน
“ผู้กองอย่าต่อว่าครูรัญชน์เลยครับ ผมชวนเธอไปเอง”
การที่หมวดนรธีร์ออกรับแทนอีกฝ่าย นั่นยิ่งทำให้ผู้กองทัตเทพรู้สึกหงุดหงิดขึ้นอีกทวีคูณ
“ถึงอย่างไรก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี คนเป็นคุณครูก็สมควรเป็นแบบ อย่างที่ดีไม่ใช่เหรอครับ ไม่ใช่นึกจะไปไหนมาไหนกับผู้ชายที่ไม่ใช่สามีของตัวเองสองต่อสองเวลาไหนก็ได้”
ผู้กองทัตเทพสาวเท้าเข้าไปใกล้ สายตาคู่คมจับจ้องใบหน้าคุณครูที่พยายามยืนข่มอารมณ์ไม่ให้หงุดหงิดจนต้องทะเลาะกันอีกครั้ง
“ฉันขอโทษที่ทำให้คนของคุณเสียงาน” แววตาคู่สวยตวัดผ่านอย่างไม่ใยดี ก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มข้างกาย “หมวดคะ ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ รัญชน์ขอตัวเข้าบ้านก่อน หมวดไม่ต้องไปส่งแล้วล่ะค่ะ”
นัยน์ตาคู่คมจับจ้องไปยังร่างบางที่เดินยักย้ายส่ายก้นไปตามอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นของเจ้าตัว หากไม่ติดหมวดธีร์เขาคงเดินตามไปหาเรื่องป่วนกันเล่นๆ แล้วแน่นอน
“ครูรัญชน์ไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่ผู้กองคิดนะครับ อย่าว่าเธอเลย ถ้าผู้กองจะตำหนิก็คงต้องตำหนิผม เพราะผมอาสาพาเธอออกไปเอง”
หมวดนรธีร์ตัดสินใจเอ่ยออกมาอย่างไม่กลัวจะถูกลงโทษ ด้วยไม่สบายใจที่เห็นฝ่ายหญิงถูกต่อว่าเพราะตนเป็นต้นเหตุ
“รู้สึกว่าหมวดจะปกป้องกันดีเหลือเกินนะ ถ้าให้ผมเดา หมวดคงตกหลุมรักเธอแล้วล่ะสิ”
“มันก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอครับถ้าผมจะชอบเธอ เพราะเธอเองก็ยังไม่มีใคร”
“มันก็ใช่ แต่ความรักของคุณกำลังจะทำให้การบังคับบัญชาของผมเสียรูป ถ้ายังเคารพผม ต่อไปห้ามออกนอกพื้นที่ถ้าผมไม่มีคำสั่ง เข้าใจมั้ย!”
ประโยคสุดท้ายที่ออกมาจากปากของเจ้านายทำให้หมวด นรธีร์ยืนก้มหน้านิ่งก่อนยอมรับคำสั่งนั้นโดยปราศจากข้อโต้แย้ง
“เข้าใจครับ…”
“เอาละ ครั้งนี้ถือว่าเป็นความผิดครั้งแรก ผมจะไม่เอาผิดหมวด ถ้ามีครั้งต่อไปจะมาว่าผมโหดร้ายไม่ได้นะ ไปพักผ่อนซะ”
“ครับ…”
หมวดนรธีร์ก้มหน้าเดินเลี่ยงไปยังฮัทของตน ท่ามกลางสายตาคู่คมที่มองตามร่างเขาด้วยใจที่สับสนกระวนกระวาย
“ยังไม่มีใครยังงั้นรึ! คุณบอกผู้ชายที่เข้ามาคุยอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า”
สายตาคู่คมเปลี่ยนทิศมองไปยังบ้านพักครูที่อยู่ถัดจากฮัทของเขาไปไม่ไกลนัก เขาจับจ้องบริเวณบ้านพักเนิ่นนานเพราะไม่รู้ตัวเองเป็นอะไรทำไมจึงร้อนรุ่มแปลกๆ กับการที่ลูกน้องเผยใจจนหมดเปลือก คำถามมากมายก่อเกิดขณะเดินกลับไปที่ฮัทของตนเพื่อพักผ่อนเอาแรง เตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกวัน
เสียงนกขับขานรับเช้าวันใหม่ดังเจื้อยแจ้วอยู่บนไม้ใหญ่บริเวณหน้าบ้านพักครู วันนี้เป็นวันหยุดรัญชน์จึงตื่นแต่เช้ามืดเพื่อทำ กับข้าวไว้ใส่บาตร เนื่องจากตั้งแต่เหยียบย่างมาอยู่ที่นี่เธอได้ทำบุญใส่บาตรนับครั้งได้
หญิงสาวถือขันใส่ข้าวสวยออกมายืนรอพระสงฆ์ที่หน้าโรงเรียน พฤติกรรมของเธอหาได้รอดพ้นสายตาคู่คมของผู้กองทัตเทพที่ออกมายืนรอใส่บาตรเช่นเดียวกัน…เขาอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหาเรื่องป่วนยังเช่นทุกครั้ง
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณครูคนสวย”
ผู้กองทัตเทพเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน เมื่อเดินมาหยุดยืนอยู่เคียงข้างร่างบาง
“ค่ะ”
รัญชน์รับคำสั้นๆ โดยไม่มองหน้าคนที่เข้ามาทัก สายตาทอดมองไปยังทางเดินที่พระสงฆ์จะต้องเดินผ่านมา
“เมื่อคืนคงมีความสุขมากสินะ วันนี้ถึงได้ออกมาทำบุญกับเขาได้”
ผู้กองทัตเทพไม่วายหาเรื่อง จริงๆ แล้ว เขาไม่ชอบใจที่เห็นเธอทำท่าทีเฉยชากลับมา
“ค่ะ อย่างน้อยหมวดธีร์ก็ไม่ได้มีนิสัยแบบคุณ”
“พูดให้สวยนะผมนิสัยยังไง”
ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้จนแทบยืนเบียด สายตาคู่คมจับจ้องซีกหน้าคนพูดนิ่ง
“นี่! ผู้กอง ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณหรอกนะ วันนี้ฉันจะทำ บุญ ไม่อยากอารมณ์เสียเดี๋ยวจะไม่ได้บุญ”
รัญชน์กระแทกเสียงกลับไป เมื่อเห็นว่าเริ่มตกเป็นเป้าสายตาของทหารที่ยืนกระจายกันอยู่บริเวณนั้นเพื่อรอใส่บาตรเช่นเดียวกัน
“ผมถามจริงๆเถอะ คุณมาเพื่อประเทศชาติหรือมาหาจับทหาร ตำรวจแถวนี้กันแน่…หึ มันเป็นการลงทุนที่สูงน่าดูเลยนะ และผมก็ขออวยพรให้ทำสำเร็จละกัน”
“นี่คุณ!”
เขากระตุกยิ้มใส่หน้ายามที่เธอหันไปมอง ใบหน้าสวยบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ เกือบจะยอกย้อนกลับดีที่เหลือบไปเห็นพระสงฆ์เดินใกล้เข้ามาเสียก่อน เธอเลยยอมเป็นฝ่ายเงียบไป
“อุ๊ย!”
ด้วยอารามรีบร้อนและไม่ทันระวังตัว หรือเพราะมือสั่นด้วยกำลังโกรธเธอไม่อาจรู้ได้ จึงเผลอทำขันใส่ข้าวสวยหลุดจากมือจนข้าวหล่นกระจายเต็มพื้น ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองด้วยความตกตะลึงไปชั่วขณะ
“มานี่สิ”
เมื่อเห็นแววตาผิดหวังฉายออกมา ผู้กองหนุ่มตัดสินใจรวบข้อมือเล็กแล้วออกแรงกระตุกเพื่อให้เดินตามเขามาทันที
“ผู้กอง คุณจะทำอะไร!”
รัญชน์ละล้าละลัง ด้วยไม่เข้าใจในท่าทีของอีกฝ่ายว่าจะทำอะไร
“ใส่กับผมก็ได้”
ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า เขายัดเยียดถุงใส่ข้าวและกับข้าวของตนมาใส่มือเล็ก พร้อมกับกอบกุมพากันยกขึ้นท่องคำถวายข้าวพระ แล้วบรรจงวางลงในบาตรพระอย่างนิ่มนวล เมื่อใส่จนครบแล้วจึงพากันนั่งลงกับพื้นเพื่อรับพรจากพระสงฆ์
ขณะลุกขึ้นใส่รองเท้าเมื่อพระสงฆ์เดินผ่านไปแล้ว รัญชน์แอบลอบมองเสี้ยวหน้าคมคร้ามของอีกฝ่ายไม่ให้เขารู้ตัว ผู้ชายคนนี้เข้าถึงตัวตนยากยิ่งนักในความรู้สึกของเธอ หญิงสาวคิดขณะเดินไปเก็บขันข้าวสวยที่หล่นกระจายเมื่อสักครู่
“เมื่อสักครู่นี้อย่าเพิ่งเข้าใจผิดล่ะ ผมแค่กลัวว่าคุณจะอดใส่บาตรวันนี้ ไม่อยากมานั่งปลอบใจเด็กขี้แยที่กำลังจะร้องไห้เพราะไม่มีข้าวใส่บาตร”
ผู้กองทัตเทพเอ่ยขึ้นมาเมื่อเขาย่อตัวลงนั่งตรงข้าม เพื่อช่วยอีกฝ่ายเก็บข้าวสุกที่หล่นกระจายเต็มพื้นใส่ขันใบเดิม
“ฉันยังไม่ได้คิดอะไรเสียหน่อย คุณหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า”
รัญชน์ตอบโต้ขณะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าบริเวณนั้นสะอาดดีแล้ว
“ก็ดี…เพราะผมเองก็ไม่ไว้ใจคุณเหมือนกัน ไม่รู้ว่าที่คุณเสนอตัวเองมาถึงที่นี่เพราะจุดประสงค์อะไรกันแน่”
เขาไม่เพียงถากถาง ยังเอื้อมมือมาแย่งขันใส่บาตรในมือของ รัญชน์ไปถือไว้
“คุณมันไร้หัวใจไม่พอ ยังดูถูกคนอื่นเป็นเลิศอีกนะผู้กอง”
“ถ้าผมไร้หัวใจจริง เมื่อสักครู่ผมคงไม่สนใจว่าคนบางคนแถวนี้จะได้ใส่บาตรหรือเปล่า จริงๆ แล้วคุณก็มองคนที่เปลือกนอกเหมือน กันนั่นแหละรัญชน์”
“เอาขันใส่บาตรฉันคืนมา”
รัญชน์รีบตัดบท ก่อนเอื้อมมือไปแย่งขันใส่บาตรที่อยู่ในมืออีกฝ่ายด้วยไม่อยากทะเลาะต่อ
“ผมจะเอาข้าวไปให้นก อยากได้ก็ตามมาสิ”
พูดได้แค่นั้นเขาก็เดินหนีไปด้วยความรวดเร็ว รัญชน์จำต้องเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากต้องการได้ขันใส่บาตรคืนนั่นเอง
ทัตเทพโปรยข้าวสุกลงไปยังลานกว้างเพื่อให้นกที่อยู่บริเวณนั้นได้ลงมาจิกกิน รัญชน์เฝ้ามองพฤติกรรมนั้นอยู่เงียบๆ ก่อนเอ่ยออกมาเมื่อชายหนุ่มเดินเอาขันใส่ข้าวมาคืนให้เธอ
“ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างคุณจะใจบุญสุนทานกับเขาก็เป็นนะคะคุณผู้กอง”
“ทำไมครับคุณครู บนหน้าผากผมมีโลโก้ฆาตกรแปะไว้หรือยังไง”
“ฉันก็พูดไปตามความรู้สึกที่ได้รับรู้เท่านั้นแหละ ผู้กอง…”
หญิงสาวพูดทิ้งท้ายก่อนหมุนกายเดินแยกไปจากบริเวณนั้น มุ่งหน้ากลับสู่บ้านพักของตนโดยไม่หันมามอง
“คุณยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมอีกเยอะรัญชน์…”
ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังแบบบาง สายตาจับจ้องอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน เขาเองก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมจะต้องสนใจความเป็นไปของผู้หญิงคนนี้ด้วย
พฤติกรรมตั้งแต่ตอนเริ่มใส่บาตรของทั้งสองไม่อาจรอดพ้นสายตาของหมวดนรธีร์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ เนื่องจากฝ่ายชายเป็นถึงผู้บังคับบัญชาตนจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะทำได้อย่างใจคิด ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่ยืนเฉยปล่อยให้ผู้หญิงที่ตนพึงใจได้ใกล้ชิดกับชายอื่นแบบวันนี้แน่
ผู้หมวดหนุ่มเริ่มวิตกกังวลด้วยไม่เข้าใจความคิดของเจ้านายหนุ่มยิ่งนักว่าจะมาไม้ไหนกันแน่ เพราะท่าทางของผู้กองเมื่อสักครู่ทำให้เขาอดหวั่นใจเล็กๆ ไม่ได้ว่า ถ้าผู้กองทัตเทพเกิดสนใจผู้หญิงคนเดียวกันกับเขาขึ้นมาจริงๆ เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะทำอย่างไร
บ้านพักทหาร มีลักษณะคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ดัดแปลงเป็นห้อง