เสียงดังกุกกักจากทิศที่น่าจะเป็นครัว ผมมีไว้ประดับบารมีแต่ไม่เคยใช้สักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนบางคนเปิดซิงครัวสไตล์โมเดิร์นของผม ผมแปลกใจนิดๆ หล่อนคงคุ้นเคยกับการใช้งานดี ผมไม่ได้ยินเสียงหล่อนถามหาอุปกรณ์ทำครัวเลย
กลิ่นกาแฟผสมกินเนยลอยเข้าจมูก
ท้องผมขานรับกลิ่นหอมๆ นั่นทันที ผมลืมตามองทันได้เห็นภาพที่ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ ผู้หญิงคนนั้นกำลังขะมักเขม้นทำอาหารอยู่หน้าเตา เหมือนที่ผมเคยเห็นแม่ทำเช่นนั้นจนชินตา ผ้ากันเปื้อนสีเข้มส่งให้ผิวคล้ำของหล่อนดูกระจ่างตาขึ้น เม็ดเหงื่อเล็กๆ แข่งกันผุดขึ้นที่เหนือปลายจมูก ท่าทางหล่อนคงไม่รู้ตัวเพราะกำลังสาละวนกับการทำงานตรงหน้า
ผมได้กลิ่นไข่ดาวและแฮม หล่อนหมุนไปหมุนมาหน้าเตาท่าทางคล่องตัวใช้ได้ ผมมองเพลินๆ รู้สึกตัวอีกที่หล่อนก็ยกถาดใบใหญ่เดินตรงมา หล่อนก้มต่ำเหมือนเดิม ผมลดสายตามองขาตัวเองแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
ทุกครั้งหากผมอยู่ในสภาพเช่นนี้ อาหารมื้อนี้จะไร้ความหมาย
ผู้หญิงที่ยืนตรงหน้าผมจะไม่สงบเสงี่ยมเช่นนี้ โต๊ะอาหารที่ไม่ได้มีไว้เพื่อรับประทาน ส่วนใหญ่ผมใช้สำหรับการออกแรงหนักๆ และนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมใช้โต๊ะอาหารถูกวิธี
“ไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวนะคะ” และนี่ก็เป็นคำพูดที่ผมไม่ชินหู เสียงแข็งห้วนที่ไม่ใคร่ได้ยินหากอีกฝ่ายเป็นเพศหญิง
“เดี๋ยวสิ...แน่ใจได้ไงว่าทั้งหมดนี่กินได้” ผมท้วง และปฏิกิริยาเกินคาดจากอีกฝ่ายก็ทำให้ผมอึ้ง
เสียงถอนลมหายใจดังพรวด “ดิฉันไม่ใช่เชฟ และเมื่อคุณขอฉันก็จัดให้ตามความสามารถ หากคุณไม่แน่ใจตั้งแต่แรกทำไมไม่สั่งรูมเซอร์วิสล่ะคะ ดิฉันเสียเวลามากแล้ว หากดิฉันทำให้คุณไม่พอใจ อยากจะรายงานให้บอสของดิฉันทราบ ดิฉันก็ไม่ขัดข้องค่ะ ขอตัวค่ะ”
หล่อนเดินเร็วๆ จากไป ทิ้งให้ผมนั่งอึ้งอยู่ตรงนั้น ผมยกมือเกาคางมองประตูห้องที่ปิดสนิทแล้วจึงฉวยแก้วกาแฟควันกรุ่นขึ้นจิบ “ฝีมือไม่เลวนี่” กาแฟรสถูกปาก กาแฟดำที่ผมไม่ได้สั่งและน่าจะใส่น้ำตาลก้อนเดียวเหมือนที่ผมดื่มประจำ ผมแน่ใจว่าตนเองไม่เคยดื่มกาแฟต่อหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน หล่อนรู้รสนิยมการดื่มกาแฟผมได้ยังไง สมแล้วล่ะที่คนรอบตัวราเชลจะชมหล่อน ท่าทางเอางานเอาการเหมาะสำหรับการเป็นเลขานุการที่ดี
แม้หลายคนพยายามจะทาบ และยื่นข้อเสนอให้หล่อน
ส่วนใหญ่แล้วทุกคนซดแห้ว แต่จะเป็นยังไงนะหากผมจะเป็นคนแรกที่ทำสำเร็จ และได้ผู้หญิงคนนี้มาครอง...ในฐานะที่ผมและหล่อนรับได้...นั่นหมายความว่าเป็นเรื่องลับๆ ที่ไม่เปิดเผยให้คนนอกรู้นั่นเอง...
กว่าจะหลุดออกมาจากห้องนั้นได้เหมือนแรงกายในตัวจะค่อยๆ ลดลง ฉันใช้พลังงานไปมากโขเพื่อต่อต้านเสน่ห์ที่ลอยฟุ้งอยู่รอบตัว ไม่เคยคิดว่าผู้ชายที่เพิ่งตื่นนอนจะเซ็กซี่และทำให้ฉันหวั่นไหวได้มากเท่านี้ กลิ่นตัวเขาสะอาดไม่เหม็นเขียวเหมือนบรรดาเพื่อนผู้ชายของเจ้านายสักคน มันเป็นกลิ่นสบู่ผสมกลิ่นบุหรี่จางๆ มันคือกลิ่นผู้ชายแท้ที่ทำให้กำแพงในใจของฉันถล่มลงมา
ทุกนาทีในห้องชุดนั่นไม่ต่างอะไรกับแดนนรก ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยกับดัก กับดักที่ทำให้ฉันเผลอเพลี่ยงพล้ำ ฉันพยายามจำกัดการมองด้วยการก้มหน้ามองแค่พื้น ผู้ชายคนนั้นอันตรายและฉันไม่มีทางรับมือไหว คำขอร้องกึ่งบังคับนั่นทำให้ฉันปฏิเสธไม่ได้ ฉันรีบทำตามที่เขาขอ เพื่อไม่ให้เจ้านายร้อนหู หลายครั้งที่ฉันทำแบบนี้กับเพื่อนสนิทเพศชายของราเชล ไม่มีสักครั้งที่ฉันจะหวั่นไหวเช่นครั้งนี้
ฉันใช้พลังงานแทบหมด และเมื่อหลุดออกมาจากห้องนั่นได้ ฉันก็แทบก้าวขาไม่ออก ฉันพาตัวเองห่างออกมาจากแดนประหารนั่น กว่าจะฟื้นคืนกำลังวังชาก็ต้องใช้เวลานานโข
ไม่มีอะไรผิดพลาด ฉันไม่ได้เปิดเผยความโง่ให้อีกฝ่ายรับรู้ ฉันแน่ใจว่าตัวเองสำรวมและเก็บอาการหวาดหวั่นได้ดี ผู้ชายคนนั้นไม่น่ารู้ว่าฉันหวั่นไหวเพราะจนหัวใจแทบระเบิด
ฉันมาถึงที่ทำงานตามกำหนดเดิมคลาดเคลื่อนเล็กน้อย เจ้านายคนสวยยังมาไม่ถึง ฉันเลยโล่งอกขึ้น อย่างน้อยฉันก็น่าจะมีเวลามากพอให้ปรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพื่อให้กลับเป็นปกติ จากนี้ไป หากรับงานที่นอกเหนือเวลางาน ฉันควรถามเจ้านายไว้ก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องประดักประเดิดเช่นวันนี้
ถึงฉันจะชอบการได้ทำอะไรบางอย่างให้เขาคนนั้นก็เถอะ...
แต่มันน่าจะดีกว่านี้ถ้าฉันมีเวลาเตรียมตัว
“ไฮ...มิเลี่ยนฝากอะไรมาถึงไอไหมแพร?”
เจ้านายสาวไฮโซแวะทักทายฉันที่โต๊ะตอนเวลาบ่ายกว่าๆ ฉันส่ายหน้ายิ้มแหยๆ ให้ แสดงว่าวีรกรรมของฉันผู้ชายคนนั้นไม่ได้รายงานให้เจ้านายของฉันรับรู้ ฉันแอบผ่อนลมหายใจ ฉันลืมตัวไปหน่อย เพราะเวลานั้นฉันคิดอะไรไม่ออก และหากช้ากว่านั้นสักนาที ฉันคงได้ถลาเขาไปซบแผงอกเปลือยเปล่าของเขาแทน
ฉันแค่แสร้งทำเป็นโกรธบังหน้า แสร้งเย็นชาเพื่อให้ตัวเองไม่ทรุดลงไปอ้อนวอนเขา ฉันไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่เป็นได้แค่เครื่องประดับบารมีของเขา ต่อให้ฉันหลงใหลเขาแทบขาดใจ ฉันก็จะขอไม่ลดศักดิ์ศรีตัวเอง เป็นเครื่องเล่นให้ผู้ชายอย่างเขาใช้บำเรอตัวเอง
“ไม่ค่ะบอส”
“อืม...ดีมิเลี่ยนเป็นคนแปลกๆ อยู่นะ อะไรที่เขาทำให้เธอไม่สบายใจ รีบบอกไอเลยนะแพร”
เหมือนเจ้านายคนสวยจะเดาอนาคตของฉันถูก ราเชลกำชับฉันหลายรอบอยู่เหมือนกัน
ฉันทำงานต่อพยายามสุดกำลังที่จะสลัดความคิดวุ่นวายเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นออกไปจากสมอง ถ้าฉันทำสำเร็จฉันคงไม่ว้าวุ่นใจแบบนี้หรอก ขนาดแม่ยังสะดุดตา แล้วคนรอบตัวฉันอย่างราเชลมีหรือจะไม่รู้
“มีอะไรเครียดเกี่ยวกับงานหรือไงแพร?”
“นิดหน่อยค่ะแม่...เดี๋ยวก็หาย” ฉันตัวแบบขอไปทีเพื่อให้แม่สบายใจ
“ดีแล้ว อย่าคิดมากปัญหามีไว้ให้แก้ มันมีทางออกเสมอแหละ”
แม่เป็นที่ปรึกษาชั้นดี แม้แม่จะไม่มีความรู้ แต่ท่านมีประสบการณ์ชีวิต การผ่านโลกมานานช่วยให้ท่านมีมุมมองได้ไกลกว่าคนที่เพิ่งอายุเท่าฉัน
“รอบนี้ท่านๆ ไม่ยักมาด้วย นายน้อยเลยไม่มานอนที่บ้าน” เสียงแม่บ่นพึมพำเกี่ยวกับเขาคนนั้นแหละ แม่เรียกผู้ชายคนนั้นติดปาก หากเอ่ยถึงเขา ฉันและคนอื่นจะรู้ทันที ‘นายน้อย’
ฉันอยากเล่าให้แม่ฟัง แต่คงดีกว่าหากมันเป็นความลับที่ฉันรู้แค่คนเดียว
มันไม่ได้น่าภูมิใจหรอก หากเขาจำฉันได้ ผู้หญิงที่เขาเคยเฉี่ยวชนและเป็นลูกสาวคนงานในอาณาจักรของเขา เด็กหญิงผอมดำน่ารังเกียจ เติบโตสวยสะพรั่ง บางครั้งฉันก็อยากเห็นปฏิกิริยาของเขานะ หากเขารู้ว่าฉันเป็นใคร ท่าทางเขาจะเป็นแบบไหน
“แม่อยากทำอาหารให้นายน้อยกินสักมื้อ”
แม่พยายามตอบแทนบุญคุณคนในบริโอ้ทุกคน และฉันมักจะค้านในใจ แม่ทำงานรับค่าจ้าง เขาไม่ได้มีบุญคุณขนาดเป็นเจ้าชีวิต แม้ไม่จำเป็นต้องภักดีกับพวกเขาหรอก แต่หากฉันพูดออกไปสิ มันไม่จบแค่ถูกแม่บ่นหรอก แม่จะพร่ำสอนฉันจนกว่าฉันจะซึมซับคำว่าบุญคุณล้นหัวไว้ในใจ
“เขาไม่กินฝีมือแม่หรอกค่ะ นายน้อยของแม่ติดหรูจะตาย” ฉันใจไม่ไหวแย้งแม่ออกมาในที่สุด แม่ฉันเองก็คงรู้อยู่แก่ใจ คุณนายพะเน้าพะนอบุตรชายขนาดนั้น คงไม่มีทางปล่อยให้แตะกับข้าวฝีมือแม่ครัวที่ปรุงให้คนงานกินหรอก
แม่ของฉัน คงทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละ
เรื่องตลกที่ขำไม่ออก
บ่ายแก่ๆ เช่นนี้อาการง่วงก็มักจะแวะเวียนมาทักทาย ฉันลุกขึ้นไปจัดการชงกาแฟเพื่อขับไล่ความหงอยเหงาเซื่องซึมออกไป หลังจิบกาแฟขมๆ ฉันกระปรี้กระเปร่าขึ้น ฉันตรวจทานเอกสารที่รอให้เจ้านายคนสวยเซ็นรอบที่สอง ตั้งแต่เช้าจนบ่ายเจ้านายไฮโซฉันจะไม่มาถึงที่ทำงานเลย ฉันแอบบ่นในใจ นับตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นปรากฏตัว ตารางงานของเจ้านายฉันรวนไปหมด