“อย่าลืมสิ พี่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอางด้วย เคยถูกเชิญให้ไปสาธิตการล้างเครื่องสำอาง พี่เลยเรียนรู้มาบ้าง” เธออมยิ้ม พอจะรู้ว่าเขาทำธุรกิจหลายอย่าง แต่ไม่เคยรู้หรอกว่าเขาเป็นคนดังด้วย
“พี่คินเป็นคนดังด้วยเหรอคะ”
“มีแต่วดีนั่นแหละไม่รู้จักพี่” เขาว่าแล้วยิ้ม
“ไม่ค่อยรู้จักหรอกค่ะ รู้จักแต่พวกศิลปิน วดีไม่เอาไหนเลยใช่ไหมคะ” เธอพูดแล้วยิ้มน้อยๆ ไม่ได้กังวลมากมาย
“ไม่หรอก คนเรามีความถนัดไม่เหมือนกัน คนส่วนใหญ่ก็มักสนใจในเรื่องที่ตัวเองชอบ”
“คุณหญิงย่าคาดหวังกับวดีมากไป จนวดีเครียด”
เธอคงเหมือนบิดา ไม่มีหัวด้านธุรกิจและการบริหาร แถมเธอยังรักสงบเหมือนมารดาอีก กลายเป็นว่าถ้าเธอถูกผู้เป็นย่าบังคับให้ไปออกงานสังคมกับท่าน เธอก็จะหาโอกาสหนีออกมาเสียทุกครั้ง จนท่านอารมณ์เสียออกบ่อย
“ต่อจากนี้ไปไม่ต้องกังวล พี่จะดูแลวดีเอง วดีไม่ชอบทำอะไรก็ไม่ต้องทำ วดีทำในสิ่งที่ชอบ พี่สนับสนุนเต็มที่ ขอแค่อย่างเดียว”
“อะไรคะ” เธอมองสบตาเขาผ่านกระจก
“ขอแค่วดีเป็นภรรยาที่ดีของพี่ก็พอ ยืนอยู่ข้างๆ จับมือกันไว้แบบนี้” เขาคุกเข่าลงตรงหน้าอีกครั้ง ดึงมือเธอมาจุ๊บเบาๆ ก่อนจะกุมเอาไว้อย่างอบอุ่น
“วดีสัญญาค่ะว่าจะเป็นภรรยาที่ดีของพี่คิน จะอยู่เคียงข้างพี่คินตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
“พี่ก็สัญญา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่จะอยู่เคียงข้างวดีตลอดไป”
“ขอบคุณนะคะที่รักวดี”
“พี่ก็ขอบคุณที่วดีรักพี่ มาครับ พี่จะปลดซิปด้านหลังให้”
“อุ๊ย! ไม่ต้องค่ะ วดีปลดเองก็ได้” คนขี้อายรีบอุทานร้องห้าม แต่ไม่ทันเสียแล้ว เขาปลดมันลงไปถึงเอวคอดเป็นที่เรียบร้อย
“จะปลดเองถึงได้ยังไง พี่ปลดให้แล้ว” เขาหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นท่าทีตลกๆ ของเธอ บางทีราชาวดีก็ทำให้เขายิ้มได้แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะ วดีไปอาบน้ำก่อนได้ไหมคะ” เธอรีบรวบชุดแนบอกเอาไว้แล้วหันหน้ามาหาเขาอย่างอายๆ
“ทำไมตัวสั่นแบบนี้ กลัวพี่เหรอครับ” เขาถามอย่างเอ็นดู ราชาวดีพยักหน้าก่อนจะก้มหน้างุด
“ไม่ต้องกลัวหรอก พี่ให้วดีอาบน้ำก่อน หรือจะให้พี่เข้าไปอาบด้วย”
“ไม่เอาค่ะ วดีขออาบคนเดียว” ราชาวดีไม่ให้เขาพุดซ้ำ เธอรีบรวบชุดเจ้าสาววิ่งเข้าห้องน้ำทันที
เมื่อวิ่งเข้ามาในห้องน้ำได้แล้วก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองนัก เธอลืมชุดนอน จะออกไปเอาก็หวั่นใจ ถ้านุ่งผ้าเช็ดตัวออกไปจะถูกหาว่ายั่วเจ้าบ่าวในห้องหอหรือเปล่านะ
คงไม่หรอก... เธอบอกตัวเองก่อนจะรีบอาบน้ำให้เสร็จโดยเร็ว เพราะไม่อยากให้คนข้างนอกรอนาน
ราชาวดีออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เจอกับสามี เห็นเขาออกไปยืนรับลมที่ระเบียง เธอรีบแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะเรียกให้เขาไปอาบน้ำ
“พี่คินไปอาบน้ำสิคะ วดีเรียบร้อยแล้ว” เธอบอกเขาอย่างอายๆ เขาหันมามองอย่างเอ็นดู ก่อนจะกดยิ้มที่มุมปาก สายตาอ้อยอิ่งกับเรือนร่างของเธอ
“แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเหรอ เด็กขี้อาย” เขาเดินเข้ามาขยี้หัวเธอเบาๆ แล้วโยกไปมา เธอจับมือใหญ่อบอุ่นของเขาไว้ ก่อนจะยิ้มให้อย่างขวยเขิน
“พี่เห็นวดีออกมาจากห้องน้ำนานแล้ว กะจะให้แต่งตัวให้เสร็จก่อน เดี๋ยวอายทำตัวไม่ถูก สะดุดนั่นโน่นนี่จนไม่เป็นอันสวมเสื้อผ้ากันพอดี” เขาล้อ
“วดีเปล่าเสียหน่อย” เธอพูดแล้วทำปากยื่นเมื่อโดนหาว่าซุ่มซ่าม
“เปล่าอะไร” เขาก้มลงมาถาม ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
“เปล่าสะดุดค่ะ” เธอตอบแล้วแทบกลั้นหายใจ ใบหน้าของเขาอยู่ห่างกับแก้มของเธอในระยะกระชั้นชิด
“แต่ว่าอาย พี่พูดถูกไหม” เขาดึงหน้าออกห่างเมื่อได้แกล้งเธอเล็กๆ น้อยๆ
“ก็อายค่ะ พี่คินไปอาบน้ำเถอะ” เธอรุนหลังเขาเข้าไปในห้องน้ำ
“เดี๋ยววดีเตรียมชุดนอนเอาไว้ให้” เธอบอกเขายิ้มๆ ก่อนจะหน้าแดงเมื่อเขาก้มลงมากระซิบที่ริมหู
“ไม่เห็นต้องใส่ชุดนอนเลย เดี๋ยวก็ต้องถอด วดีก็เหมือนกัน...” เขายิ้มใส่ตาก่อนเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้เธอยืนหน้าเห่อร้อนแดงก่ำลามไปถึงใบหู
“พี่คินพูดน่ากลัว”
ราชาวดีบีบมือไปมา จริงๆ ก็ไม่ได้น่ากลัวหรอก น่าสยิวต่างหาก เธอมองเตียงกว้างแล้วใจสั่น คืนนี้คงไม่รอด แต่เธอไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนแล้วรู้สึกแปลกๆ เหมือนภาคินมาก่อน เธอเลยเกิดอาการแบบนี้ ทำไมกับรัชภาคย์ เธอถึงเฉยๆ แต่กับภาคิน แค่เขายิ้ม เธอก็รู้สึกว่าโลกนี้เป็นสีชมพู นี่หรือความรัก การได้รักใครสักคนมันรู้สึกดีแบบนี้เอง
ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าที่ได้คบกัน ทุกเวลา ทุกนาที หรือจะเรียกว่าทุกวินาที ใบหน้าของภาคินมักลอยเข้ามาในห้วงความนึกคิดของเธออยู่เสมอ จะเรียกว่าเธอเพ้อถึงเขาก็เป็นได้ วันไหนไม่ได้เจอหน้าก็คิดถึงอย่างหนัก พอเจอแล้วหัวใจก็เต้นแรง วางไม้วางมือไม่ถูก แค่ได้ยินเสียง แค่ได้มองหน้า เธอรู้สึกว่าเขาอยู่กับเธอเคียงข้างเธอ มองเธอแค่คนเดียวและยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
ราชาวดีทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม เธอดึงผ้าห่มมาคลุมจนถึงคอ ก่อนจะวางหมอนข้างใบโตเอาไว้ตรงกลาง เธอต้องแกล้งหลับ ทำให้เขารู้ว่าเธอเหนื่อยจากงานแต่งและอยากพักผ่อน บางทีภาคินอาจจะนึกสงสารและไม่รังแกเธอ
จะเรียกว่ารังแกก็ไม่ถูก มันเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่เขาจะทำแบบนั้นกับเธอในฐานะสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เธอนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย พอได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด เธอก็รีบนอนตะแคงหลับตาปี๋ แอบเหล่ตามองเขาเล็กน้อย เห็นเขาเดินไปที่ห้องแต่งตัว เธอก็รีบผ่อนลมหายใจออกมา เขาคงไม่แก้ผ้านอนอย่างที่พูดกับเธอเอาไว้หรอกนะ
ราชาวดีหรี่ตามองอีกรอบ ก่อนจะอ้าปากค้าง เขาเดินแก้ผ้าไม่ใส่อะไรเลย หญิงสาวอ้าปากหวอเมื่อเผลอมองต่ำกว่าหน้าท้องแกร่ง พอเตียงไหวยวบ เธอก็หลับตาแน่น ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะของคนที่สอดตัวเองเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเธอ
“พี่ไม่เอาหมอนข้างใบนี้ โยนทิ้งไปเถอะ จะเอาหมอนข้างดิ้นได้ใบนี้ ทั้งนุ่มทั้งหอมกว่า” เขาดึงเธอไปกอด ความอบอุ่นและกลิ่นหอมจากสบู่อาบน้ำทำให้เธอเผลอสูดดม หน้าแดง หัวใจเต้นโครมครามแทบจะโลดออกมานอกอก
เขาจะทำอะไรเธอนี่!!!
“พี่รู้ว่าวดียังไม่หลับ ลืมตาขึ้นมาได้แล้ว” เขากระซิบบอกที่ริมหู จุมพิตหน้าผากเธอเบาๆ เป็นการปลุกปลอบและเรียกร้อง...
“ถ้าไม่ลืมตา พี่จะจูบให้ขาดใจ” เขาขู่ชิดริมหู
“พี่คินอย่าจูบนะคะ”
“ทำไมล่ะ กลัวขาดใจเหรอ” เขาพลิกร่างขึ้นคร่อมทับ ถามอย่างล้อเลียน คนเผลอมองหน้าอกกว้างถึงกับตาโต ก่อนจะหลับตาหนี
‘หน้าอกเขากว้างจัง น่าลูบจนเธอแทบอดใจไม่ไหว’
“ไม่เหนื่อยบ้างเหรอคะ เตรียมงานตั้งหลายวัน” หญิงสาวพยายามเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา เพราะมือไม้ของเธอก็แทบอยู่ไม่สุข อยากจะลูบอกเขาอยู่เหมือนกัน
“เหนื่อยก็พัก แต่ตอนนี้ไม่เหนื่อย” เธอตาโต เขาเลยหยิกแก้มแดงๆ นั้นอย่างหยอกล้อ ก่อนจะขยายความมากกว่าเดิม
“พอเหนื่อยก็นอนพักไปแล้วไง ไม่ใช่ว่าอดหลับอดนอนไม่ได้พักเสียทุกวัน”
เขาไล้แก้มนวลเล่น เริ่มปลดกระดุมชุดนอนของเธอออก ชุดนอนเธอเหมือนเด็ก เขาคิดว่าเธอจะใส่ชุดนอนซีทรูเซ็กซี่ยั่วเขาบ้าง แต่ก็เปล่า แบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ ตัวตนของราชาวดีก้ำกึ่งระหว่างความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่ บางทีเธอก็ทำตัวเหมือนเด็ก บางทีเธอก็ดูมีเหตุมีผล แต่ไม่ว่าเธอจะทำตัวยังไง ก็ดู ‘น่ารัก’ ในความรู้สึกของเขา ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
“อุ๊ย! พี่คินยิ้มอะไร แล้วปลดทำไม” เธอตะครุบมือเขาเอาไว้ มองสายตาของเขาแล้วหน้าแดง
“จะถอดเสื้อผ้าให้ ไม่เห็นหรือไง หืม...” เขาไล้มือเธอเบาๆ คนถูกไล้ถึงกับขนลุกซู่ วางหน้าไม่ถูก
“เห็นค่ะ แต่ถอดทำไม” เธอยังหาทางเอาตัวรอด แต่ดูท่าจะไม่รอด
“จะเมคเลิฟกับเมีย” เขากระซิบบอกที่ริมหูชัดถ้อยชัดคำไม่อ้อมค้อม
“พี่คิน!!!” เธอถึงกับตาโตที่เขาพูดตรงแบบไม่อ้อมค้อมเอาเสียเลย
“ก็บอกแล้วตั้งแต่แรกว่าไม่ต้องใส่ ดูใส่มาเสียมิดชิด”
ชายหนุ่มอดขำไม่ได้ แม้จะเรียนรู้นิสัยของราชาวดีในช่วงสั้นๆ เขาก็ว่าเธอเป็นหญิงสาวไม่ประสีประสา แต่พอใกล้ชิดแบบนี้ เธอเหมือนเด็กไร้เดียงสามากกว่าจะโตเป็นสาวแล้ว อาจเพราะการเลี้ยงดู คุณหญิงย่าของเธอคงเข้มงวด อีกอย่างเธอก็เป็นพวกศิลปินอารมณ์อ่อนไหวมากกว่าจะเป็นสาวเก่งมาดนักธุรกิจสืบทอดธุรกิจของครอบครัว