หล่อนยื่นพินัยกรรมฉบับนี้คืนให้เขาด้วยมืออันสั่นเทา และนิ่งอึ้งไม่รู้จะว่าอะไรได้ เพราะผลทางกฎหมายหล่อนเสียเปรียบเขาอยู่เต็มประตู
ราวกับจะรู้ถึงบรรยากาศอันหนักอึ้งของหญิงสาวและมารดาของหล่อนตรงหน้า เสียงทุ้มจึงถามแทรกขึ้นไปเรื่องอื่นเสีย
"ผมยังไม่เห็นหน้าแกเลย หนูปลา"
มารดานั้นที่ยังนั่งเงียบคล้ายใจสลายลงไปในหนที่สองหลังจากเรื่องเสียบุตรชายและสะใภ้ไปในครั้งก่อน ในขณะที่ปานยิหวาพอมีสติพอรับรู้ จึงสูดเอาอากาศเข้าทางจมูกเล็กน้อย แล้วบอกว่า "แกออกไปเที่ยวกับปู่ของแกค่ะ คงอีก..." ดูหล่อนลังเลขึ้นมานิด ก่อนจะรีบบอก "...นานกว่าจะกลับ"
"นานแค่ไหน ผมก็รอได้" บอกและยิ้มอย่างนุ่ม ๆ ให้
เห็นชัดว่าลำคอของหล่อนแข็งขึ้นมา พลางหันใบหน้ามามองหน้าเขาในเสี้ยววินาที แต่เพียงแค่เสี้ยววินาที หล่อนก็ยังได้เห็นว่า มีแวววูบไหวในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ที่บอกให้หล่อนรู้ทันทีว่า
เขาน่ะ กวนประสาทเสียจริง!
.
หลังจากอ่านพินัยกรรมเจ้าปัญหาฉบับนี้แล้ว ปานยิหวาก็ลงมาดูแลขนมกับมารดาต่อ โดยให้แขกได้นั่งรอหนูปลาที่เฉลียงบ้านต่อไป ทั้งนี้ทั้งนั้น หล่อนต้องการหลบเลี่ยงลงไปตั้งหลักกับมารดาว่าจะจัดการอย่างไรต่อไปอีก หากเรื่องราวได้ดำเนินมาเช่นนี้เสียแล้ว แน่นอนพินัยกรรมย่อมมีสิทธิ์ชี้ขาดได้ดีกว่าสิ่งใด ๆ ว่าหลานสาวคนเดียวของหล่อน ควรจะได้อยู่ที่ไหน
ขณะช่วยท่านทำขนม หญิงสาวเหลือบมองใบหน้ามารดาเป็นบางครั้ง เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของท่านดูอมทุกข์ขึ้น ปานยิหวาสงสารมารดาจับใจ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรได้ ก่อนจะแลสายตาขึ้นไปบนบ้าน เห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นได้ทอดสายมองที่หล่อนนั่งอยู่พอดี
ตาสบตาขึ้นมาอย่างบังเอิญ
ปานยิหวาจึงรีบก้มหน้าหนี แต่เขาก็สามารถจับพิรุธในความเก้อกระดากของหล่อนได้ทัน จึงเกิดรอยยิ้มตรงมุมปากบนใบหน้าหล่อเหลาขึ้นมาอย่างจาง ๆ
จากนั้นหม่อมหลวงคชาธารจึงหันร่างสูงกลับเข้ามาพิจารณาบ้านหลังดังกล่าวที่ค่อนข้างดูใหญ่โตราวกับเป็นบ้านคหบดี หรือเจ้าหน้าที่ทางราชการระดับใหญ่ที่พอจะมีบ้านหลังใหญ่โตเช่นนี้ในต่างจังหวัดได้ บ้านหลังนี้กว้างขวาง แลดูตามห้องหับของบ้านก็ดูสะอาดสะอ้าน มีหน้าต่างโดยรอบเปิดโล่งที่ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี และตรงเฉลียงกว้างใหญ่ของบ้านนี้ไม่ต้องพูดถึง มีสายลมเย็นระรื่นพัดสอบเข้ามาทุกขณะ
ตลอดเส้นทางที่ขับรถตามแผนที่ที่อภินันท์มอบให้ เขารู้สึกดูแปลกตาไม่น้อย กับชีวิตความเป็นอยู่ บ้านเรือนของคนนอกกรุง เพราะเขาไม่เคยย่างกลายมาทางนี้ เนื่องจากเขาถูกบิดาส่งไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่เด็ก ราว ๆ แปดขวดเห็นจะได้ ตามคำบัญชาของท่านหญิงป้านั่นเอง
'หลานฉันคนนี้ ลักษณะดี ส่งไปร่ำเรียนเมืองนอกเสียเถอะ ฉันจะเป็นธุระจัดการหาค่าที่อยู่ที่กินให้' ดวงเนตรทั้งสอง ทอดมองเด็กชายน้อยด้วยความเมตตา
สรุเสียงของท่านยังคงดังอยู่ในความทรงจำของเขา
'ช้าง' เสียงบิดาเอ่ยเรียก 'เข้ามากราบท่านหญิงป้าเสียสิ'
เด็กชายตัวน้อยจึงค่อย ๆ ขยับเข้ามากราบลงแทบบาทของท่าน
หลังจากที่ถูกส่งไปเรียนไกลบ้านไกลเมือง...
เรื่องราวที่เกิดขึ้นทางนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องไกลหูไกลตาไปด้วย เขาจึงไม่ค่อยทราบข่าวคราวอะไรมาก และมีเพียงข่าวเดียวเท่านั้นที่เขาได้ทราบและเป็นเหตุให้เขากลับบ้านทันที นั่นก็คือการสิ้นชีพบิดาของเขา และหลังจากมีการเปิดพินัยกรรมของบิดาแล้ว เขาจึงรีบกลับไปเรียนต่อเช่นเดิม จากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับจดหมายจากน้องสาวเพียงคนเดียวที่เขียนไปแจ้งว่า
'น้องได้ออกจากบ้านแล้วนะคะ เพราะน้องได้แต่งงานแล้วกับผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง หาใช่ผู้ชายที่ท่านหญิงป้าทรงหมายหมั่นไว้ให้ น้องเสียใจที่ด่วนตัดสินใจเช่นนี้ แต่น้องอยากให้พี่ชายรู้ว่าผู้ชายที่น้องเลือกเขาเป็นคนดี และเป็นผู้ชายอีกคนนอกจากพี่ชาย ที่น้องสามารถฝากฝังชีวิตไว้ให้ได้
ตอนนี้น้องรู้สึกอิสระมากที่ได้ออกมาใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองใฝ่ฝัน เหมือนได้โบยบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างไรอย่างนั้น น้องจึงไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจเช่นนี้ และขออย่าให้พี่ชายเป็นกังวลกับน้อง ตั้งใจเรียนให้สมกับที่ท่านหญิงป้าทรงมีเมตตากับพี่ชายเถิดค่ะ
รักพี่ชายเสมอ น้องนกยูง'
หลังจากอ่านจดหมายฉบับนั้นเสร็จ เขาจึงโทร. กลับมาสอบถามเรื่องราวที่บ้าน และระตีภรรยาคนแรกของบิดานั่นเองเป็นผู้รับสายและบอกแก่เขาว่า
'นกยูงเขาตัดสินใจเอาเอง ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องสักนิด'
แม้จะว้าวุ่นเท่าไหร สุดท้ายถ้อยคำที่น้องสาวย้ำหนักหนามากับจดหมาย ว่าเป็นความสมัครใจของเจ้าตัวเอง จึงทำให้หม่อมหลวงคชาธารทำได้เพียงแค่เคารพในการตัดสินใจอันอาจหาญของผู้เป็นน้องสาวคนเดียวเสีย
"อายิหวาขา ๆ วันนี้ปู่จับตั๊กแตนตัวใหญ่ให้หนูปลาได้ตั้งหลายตัวแน่ะค่ะ"
เสียงเล็กใสที่ดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างขึ้น เขาหมุนตัวกลับไปตามน้ำเสียงนั้นอย่างตื่นเต้นยินดีทีทันที...
"นี่เห็นมั้ยคะ อายิหวาขา ตั๊กแตนตัวเล็กตัวน้อยหลายตัวเทียว"
หลานสาวส่งเสียงเจื้อยแจ้ว พลางชูถุงใบใสที่ใส่ตั๊กแตนที่ตาพาไปจับเล่นที่สวนมาให้ผู้เป็นอาสาวดู
ปานยิหวารีบลงจากแคร่ไม้ใหญ่ แล้วตรงไปรีบอุ้มคนที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ก่อนจะดึงสิ่งที่หลานสาวกำลังอวดออกจากมือเล็ก ๆ มาดู
"เยอแยะเชียว แต่...หนูปลาเล่นดูแล้วก็ปล่อยมันด้วยนะลูก อย่าทรมานสัตว์ มันบาป"
"ค่า" คนในวงแขนส่งเสียงรับ ดวงตาคู่ใส่แหววมองสิ่งที่อยู่ในถุงใบใสอย่างมีความสุขเพลิดเพลิน จึงไม่เห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินมาทางตนเองและคุณอาแสนสวยอยู่
ขณะนั้นมารดาหล่อนก็ลงจากแคร่แล้วเดินตรงมาหาบิดา ก่อนสะกิดให้สามีหันไปหาร่างสูงที่อยู่ตรงหน้า พลางบอกเบา ๆ ว่า "คุณคนนี้คือพี่ชายของนกยูงเขาล่ะ"