ตอนที่ ๔ วังเหมวัฒน์ (๘๐%)

1647 คำ
ปานยิหวาพอจะเข้าใจแล้วว่า... ทำไมหญิงสาวคนนั้นจึงได้พยายามห่วงหล่อน ยามที่จะกลับมาห้องพัก  เพราะเมื่อได้เดินตามร่างสูงที่ผ่านห้องโถงโอ่อ่าเข้ามา ตามผนังจะถูกประดับด้วยภาพถ่ายขนาดใหญ่หลายใบของบุรุษและสตรีหลายคน  แต่หล่อนไม่มีโอกาสได้หยุดดูรูปของบุรุษและสตรีเหล่านั้นเลย ขณะเดียวกันหลานรักที่เขาอุ้มนำทาง ไป ๆ มา ๆ ก็คอพับหลับลงบนบ่าเขาเสียนี่ ปานยิหวาจึงต้องรีบดึงน้องเน่าออกจากมือเจ้าตัวเล็กก่อนที่มันจะร่วงลงพื้น  กว่าจะรู้ตัวว่าถึงแล้ว  คนที่เดินนำหน้าอยู่ก็ได้หยุดอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่าง ตอนนี้ปานยิหวาเห็นทางแยกที่พาไปยังโซนปีกซ้ายและปีกขวาของตัวตึก และห้องนอนของหล่อนอยู่ทางขวามือเมื่อร่างสูงเดินนำไปอีกครั้ง จนกระทั่งพามาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องนอนห้องหนึ่ง หญิงสาวกราดสายตามองไปทั่ว ไม่ว่าทางใดแต่ละห้องก็ล้วนมีแค่บานประตูที่คล้าย ๆ กัน นี่ถ้าเขาไม่พามาส่ง  หล่อนก็คงหลงทางไปเหมือนกัน "นี่คือห้องนอนของนกยูง  ให้คุณและแกพักที่นีี่น่าจะเหมาะ อย่างน้อยหนูปลาก็ควรได้นอนห้องนอนแม่ของตัวเอง" หล่อนเข้าใจแล้ว "ห้องผมอยู่ทางนั้นนะ"  เขาเอ่ยพลางชี้ให้เห็นห้องนอนหนึ่งที่จะมีประตูสีไม่เหมือนห้องนอนอื่นเลย หล่อนแปลกใจขึ้นเขามาบอกทำไม  "ทำไมล่ะคะ" "ผมอยู่เมืองนอกมาหลายปี  กลับมาแล้วก็มีหลง ๆ  กับบ้านของตัวเองเหมือนกัน จึงให้คนเปลี่ยนประตูให้อย่าเหมือนห้องอื่น ๆ" ความจริงจะไม่มีความสับสนมากหรอก แต่ด้วยจำนวนของห้องที่อยู่บนนี้ แต่ละห้องล้วนแต่มีบานประตูค่อนข้างคล้ายกันอีก หากเดินอย่างใจลอยก็มีสิทธิ์เข้าห้องผิดได้ การที่เขาทำประตูไม่ให้เหมือนห้องอื่น ๆ ก็ดีไปอย่าง  ถึงหล่อนจะเดินใจลอยแค่ไหน ก็คงไม่มีทางเดินเข้าห้องนอนเขาแน่ ๆ  ปานยิหวานึกอย่างยิ้ม ๆ ทว่า "จำประตูห้องผมให้ไว้ให้ได้มากที่สุด  เพราะ...ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะเข้าห้องไหน ห้องนอนผม เชิญได้..." "คุณ!" หล่อนว่าเขาเข้าให้ เขาทำหน้าเหมือนตกใจขึ้นมาทันที  ทำทีไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป "ผมหมายถึงให้คุณไปเคาะประตูเรียก แล้วจะพาคุณและหนูปลามาส่งที่ห้องนี้อีกที" เขาอธิบายด้วยสีหน้าซื่อใส พยายามจะให้หล่อนเห็นถึงความ ความสะอาดบริสุทธิ์ที่ส่งออกมาจากจิตใจให้ได้  ซึ่งปานยิหวาเกือบหลงเชื่อ ถ้าดวงตาคู่ตรงหน้าไม่หลุดประกายพราวระยับออกมาเสียก่อน พร้อมกับการยื่นหน้าถามหล่อนต่อว่า "...หรือ คุณคิดอะไรได้มากกว่านั้นอีก" "บ้า..." ดวงตาที่เห็นตรงหน้า ประกายนั้นไม่ได้ใสซื่ออย่างใบหน้าที่เขาพยายามสื่อความบริสุทธิ์ใจออกมาเลยสักนิด ปานยิหวารีบตัดบทไป "ขอบคุณค่ะพี่พามา ตอนนี้ส่งหนูปลามาให้ฉันเถอะค่ะ" "เปิดประตูสิ" เขาไม่ยอมยื่นตัวหนูมาปลามาให้ "แต่ว่า..." "ผมหนักแล้วนะ" นั่นเองปานยิหวารีบเปิดประตูให้เขาเดินเอาตัวหลานสาวเข้าไปวางลงบนเตียงนอนกว้าง ขณะนั้นเอง สายตาหญิงสาวก็ได้เห็นรูปถ่ายที่อยู่ในกรอบสวย ๆ ที่ถูกตั้งเรียงรายอยู่ภายในห้องนอนแห่งนี้ รูปถ่ายเหล่านี้ ทำเอาหล่อนสะท้านใจขึ้น  ปานยิหวาหลุบสายตามองเจ้าตัวน้อยที่นอนหลับ   ... ก่อนจะหันไปมองใบหน้าเขา "เข้าใจแล้วใช่มั้ย วินาทีแรกที่ผมเห็นหน้าแก  ผมถึงปล่อยแกให้อยู่ห่างไม่ได้อีก" เขาเอ่ย แล้วก็เอามือหนาลูบบนใบหน้าเรียวของหลานรัก ใช่ รูปถ่ายหลาย ๆ ใบที่หล่อนเห็นก็คือรูปของพี่สะใภ้หล่อนเมื่อตอนเด็กนั่นเอง  ที่มีใบหน้าคล้ายหลานสาว จนหญิงสาวรู้สึกใจหายไม่น้อย  ในฐานะของพี่ชายและลุง หล่อนจึงสามารถอ่านประกายตาคู่ตรงหน้าได้ว่า มีทั้งความเศร้า อาลัยอยู่ในนั้น "ขอบคุณค่ะ" ปานยิหวาตัดบท เห็นเขานิ่งขรึมไปก็พลอยไม่สบายใจด้วย  "เดี๋ยวฉันจะปลุกหนูปลาอาบน้ำ แล้วเราจะลงไปพบคนอื่น ๆ ที่ห้องอาหาร ...หนึ่งทุ่มใช่มั้ยคะ" หม่อมหลวงหนุ่มพยักหน้าขรึม ๆ สำทับ จากนั้นก็ผุดลุกจากเตียง ก่อนจะเปิดประตูออกไป  ดวงตาของคมของเขาก็มองหลานตัวน้อยที่นอนอยู่บนเตียง แล้วเลื่อนสายตามามองใบหน้างามของหญิงสาวอีกครั้งหนึ่ง .​ หลังจากปลุกหลานสาวขึ้นมาอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ปานยิหวาจึงพาหนูปลาเดินลงมาชั้นล่าง เพื่อจะตรงไปยังห้องอาหาร  ขณะที่เดินผ่านห้องโถง สิ่งที่ปานยิหวาอยากทำมากที่สุดก็คือ การหยุดดูรูปถ่ายใบใหญ่ที่ประดับอยู่ตามผนังห้องนี้ อันมีทั้งรูปของบุรุษและสตรี  หนึ่งในรูปถ่ายหลาย ๆ รูป หล่อนมาหยุดพินิจรูปใบใหญ่ของชายวัยราว ๆ สี่สิบปี  ตรงด้านล่างมีนามของเจ้าของรูปติดอยู่ด้วย 'หม่อมราชวงศ์อลงกรณ์  เหมวัฒน์' บุรุษผู้นี้คงเป็นเจ้าของวังคนก่อนหน้า  และก็เป็นบิดาของหม่อมหลวงหนุ่มคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย  หล่อนขยับดูอีกรูป  ตอนนี้บุรุษคนเดิมได้ถ่ายยืนกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ใบหน้างดงาม  และอีกรูป...บุรุษคนเดิมก็ถ่ายคู่กับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง  แต่หญิงคนนี้มีดวงตางามหวานปนโศกอย่างไรไม่รู้ หล่อนเผลอมองรูปหญิงสาวตรงหน้านานกว่าทุกรูป  กระทั่ง... "คุณพ่อ และคุณแม่ผมเอง" ปานยิหวาตวัดมือทาบอกพลางลูบเบา ๆ  ทำไมเขาถึงชอบมายืนอยู่ด้านหลังอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียงด้วยนะ หม่อมหลวงหนุ่มขยับเท้าอีกก้าวเพื่อจะเข้ามายืนใกล้ ๆ หญิงสาวและหลานสาวตัวน้อย โดยที่ใช้มือสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง   ตอนนี้หม่อมหลวงหนุ่มอยู่ในชุดกางเกงแพรสีน้ำเงิน เสื้อผ้าป่านคอกลม หญิงสาวขยับตัวออกห่างเขาอีกนิด เพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่โชยออกมาจากเขา ทำให้หล่อนอยู่ไม่เป็นสุข  เขาช่างแตกต่างจากผู้ชายทุกคนที่หล่อนเคยได้อยู่ใกล้เสียจริง "ค่ะ" แล้วหล่อนจึงขานรับเบา ๆ  ก่อนจะถามกลับสั้น ๆ "แล้ว?" แล้วที่บิดาเขายืนถ่ายรูปกับผู้หญิงอีกคนนั่น ใคร "คุณพ่อของผม และคุณน้าระตี" "เธอคือน้องสาวของท่านหรือคะ" หล่อนถามซื่อ ๆ แล้วก็นึกอายขึ้นทันที  เมื่อเขาตอบเรียบ ๆ "เปล่า  เป็นภรรยาอีกคนของคุณพ่อ" หล่อนสะดุดใจหันกลับไปมองเขา ตอนนี้ใบหน้าเขาก็นิ่งเรียบ เลยไม่กล้าถามต่อเลยว่า แล้วใครเป็น 'หลวง' และใครเป็น 'น้อย' เวลานั้นเองก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้นมา พร้อมกับเสีียงฝีเท้าสองคู่ที่กำลังเดินมาสมทบทางนี้ "นี่หรือ ที่ตาช้างให้คนไปรับวันนี้" เขาถอนสายตาจากรูปถ่ายของบิดาและมารดา  หันกลับมารับคำสั้น ๆ ในลำคอด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ปานยิหวาจึงเริ่มสัมผัสถึงความอึดอัดของผู้คนภายในตึกนี้ได้ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นไป ปานยิหวามองสตรีรูปร่างสะสวยตรงหน้า ซึ่งก็คือคนที่อยู่ในอีกรูปนั้นด้วย และด้านหลังมีหญิงสาวอีกคนยืนเยื้อง ๆ ไปนั้นคงจะเป็นบุตรสาวเพราะมีใบหน้าละม้ายคล้ายกันทีเดียว ปานยิหวายกมือไหว้สตรีคนดังกล่าวทันที โดยมีเสียงทุ้มแนะนำด้วย "คุณน้าระตี  และนั่นเพียงเดือน..." "เพียงเดือน ลูกสาวคนเล็กฉันเอง" หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยต่อ หม่อมหลวงหนุ่มจึงหันมาแนะนำหญิงสาวและหลานสาวของตนต่อ "นี่คือปานยิหวา  เธอเป็นคุณอาของ หนูปลา" "อ้อ! เจ้าตัวเล็กนี่เอง" ระตีจึงทำท่าตื่นเต้น  ขยับตัวเข้าใกล้หมายจะเอามือข้างหนึ่งวางบนศีรษะของเด็กผู้หญิงตัวน้อย  แต่ หนูปลากลับขยับหนี แล้วเบียดตัวเข้าหาคุณอาแทน คล้ายไม่อยากให้สตรีตรงหน้าเข้าใกล้ ปานยิหวาตกใจกับกิริยาของหนูปลา ดูเหมือนจะผู้ใหญ่คนแรกที่แกทำเช่นนี้ให้ หล่อนเห็นใบหน้างามของอีกฝ่ายฉายความไม่พอใจนิดหนึ่ง หญิงสาวจึงรีบอธิบาย "สงสัยหนูปลาจะเหนื่อยกับการเดินทาง  และยังไม่ค่อยคุ้นกับใครที่นี่น่ะค่ะ" ระตียืดตัวขึ้น ขยับตัวกลับมายืนกับบุตรสาวคนเล็ก แล้วเอ่ยว่า "อ้อ คงจะสักพักกระมัง ถึงจะปรับตัวให้เข้ากับคนที่นี่ได้   ไม่เป็นไร ๆ ฉันเข้าใจ เด็กเกิดและเติบโตมาจากบ้านนอกก็เป็นอย่างนี้แหละ" ปานยิหวามองเขม็งไปยังใบหน้าของผู้ที่เอ่ยประโยคนี้อย่างไม่เข้าใจทันที "คุณแม่คะ จะยืนแนะนำตัวกันตรงนี้อีกนานมั้ย  เดือนหิวแล้ว" เพียงเดือนเริ่มแสดงความหงุดหงิดเล็กน้อย  หล่อนเองก็คิดว่า หญิงสาวบ้านนอกและเด็กนี่มีอะไรสลักสำคัญนัก ถึงกับคุยกันอย่างไม่จบไม่สิ้นเสียที แล้วสองแม่ลูกจึงออกเดินนำไปยังห้องอาหาร  จากนั้นหม่อมหลวงหนุ่มก็ผายมือหนาให้หล่อนและหลานปลาเดินตามไป โดยมีเขารั้งอยู่ท้ายขบวน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม