บทที่ 21 จะอยู่ในหัวใจตลอดไป

1196 คำ
วันนั้นเจ้าหน้าที่กองกำลังหน่วยคอมมานโดลงไปค้นหาทั้งวันทั้งคืน แต่ก็ไม่พบร่างของนที เพราะบริเวณนั้นน้ำทะเลลึก และกระแสน้ำคงพัดร่างเขาให้หายหรือจมลงไปในทะเล ถึงแม้งานนี้จะไม่มีพิธีลอยอังคาร แต่อัญญาก็ตั้งใจจะสร้างที่เก็บอัฐิและเขียนป้ายชื่อติดไว้ เพื่อให้เธอได้ระลึกถึงนที คนที่เสียสละชีวิตเพื่อเธอ คนที่รักเธอมาก และเธอก็รักเขามากเช่นกัน ชั่วชีวิตนี้เธอคงไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว เขาจะอยู่ในใจเธอไปตลอดกาล งานนี้จัดขึ้นแบบเรียบง่าย มีเพียงผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานเพียงไม่กี่คนมาร่วมพิธี เวย์กับนะเดินเข้ามาทักเธอ ก่อนจะเข้าไปสมทบกับเพื่อน ๆ ส่วนคดีของพลทัต ตอนนี้ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวเข้าไปดำเนินคดีที่กรุงเทพฯ แต่คงต้องรักษาอาการบาดเจ็บอีกนาน กว่าจะสามารถดำเนินคดีได้ ข่าวบุกจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ และตรวจค้นพบอาวุธสงคราม เป็นข่าวโด่งดังอยู่หลายวันก่อนจะค่อย ๆ ซาไป         ส่วนอัญญา ทางตำรวจได้ติดต่อไปหาญาติเธอให้มารับตัว แต่หญิงสาวแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าจะขอจัดงานศพให้นทีก่อน ไม่มีใครเห็นด้วยที่เธอจะจัดงาน แต่อัญญาก็ยืนกรานที่จะจัดงานให้ได้ ทำให้ผู้บังคับบัญชาของเขาแจ้งว่าจะดำเนินการให้ เพราะนทีไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีกแล้ว อัญญาล้วงเอาแหวนที่ห้อยคอออกมา เพื่อยืนยันว่าเธอกับเขาเป็นสามีภรรยากัน และเธอเป็นญาติเพียงคนเดียวของเขา ต้องการจะทำตามพิธีทางศาสนา เธอจะไม่ยอมให้เขาเป็นศพไร้ญาติโดยเด็ดขาด ถึงแม้เขาไม่อยู่แล้วเธอก็จะทำให้ดีที่สุด ยังจำสายตาของทุกคนมองมาที่เธอ ทั้งแปลกใจ ทั้งตกใจ แต่สุดท้ายผู้บังคับบัญชาของนทีก็อนุญาตให้ทำตามความต้องการ ในเมื่ออัญญาอ้างตัวเป็นภรรยาต้องการจัดงานศพให้สามี ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านอีก         “คุณอัญญา” เสียงเรียกดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์ และหันไปมองผู้ชายตัวโตสองคนที่กำลังยืนมองเธออยู่         “คะ?... คุณเวย์กับคุณนะมีอะไรหรือเปล่าคะ” อัญญากับกุลจิรายืนอยู่ด้วยกัน เพื่อนคนเดียวที่เธอส่งข่าวให้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน และยังกลับบ้านไม่ได้ต้องรอจัดงานศพให้คนรักก่อน เพื่อนเธอทั้งแปลกใจทั้งตกใจในคราเดียวกัน เพิ่งบอกว่ามีแฟน และแฟนก็เสียชีวิตแล้ว ส่วนพ่อของเธอถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวพันกับผู้ต้องหาค้ายาเสพติด จึงถูกควบคุมตัว อัญญาแทบจะตั้งรับไม่ทัน เมื่อมรสุมชีวิตกระหน่ำเข้ามาพร้อมกัน แต่เธอก็เลือกจะจัดงานศพให้นทีให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อจัดการเดินเรื่องขอประกันตัวพินิจ เวย์มองหน้าหญิงสาวที่ร้องไห้จนตาบวม หน้าตาซีดเซียว ดูซูบผอมอย่างเห็นได้ชัด เขาทำท่าเหมือนต้องการจะพูดบางอย่างกับเธอ แต่สุดท้ายก็เอ่ยเรื่องอื่นไป “เอ่อ... ถ้ายังไงผมขอเบอร์ติดต่อคุณไว้หน่อย เผื่อข้าวของผู้กองที่ยังต้องจัดเก็บ จะได้โทรไปบอก”         “ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”         “เสร็จงานแล้ว คุณจะพักที่นี่ หรือกลับกรุงเทพฯ”         “คงต้องกลับกรุงเทพฯ เลยค่ะ เพราะยังมีปัญหาเรื่องคุณพ่อ ต้องรีบไปทำเรื่องขอประกันตัว”         “ครับ แล้วนี่มากันยังไงให้ผมไปส่งมั้ย” เวย์เอ่ยออกมาอย่างมีน้ำใจกับหญิงสาวครั้งสุดท้าย ก่อนจะแยกย้ายกันไป เพราะเขาเองอาทิตย์หน้าก็ต้องเดินทางไปรับงานใหม่         “ไม่เป็นไรค่ะ พอดีเพื่อนอัญมารับแล้ว ไม่รบกวนดีกว่า ขอบคุณนะคะ”         “ถ้าอย่างนั้นผมก็...ขอให้คุณโชคดี”         “ขอบคุณค่ะ” น้ำเสียงแห้งแล้ง ดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตา ส่วนในมือโอบกระชับกอดรูปของนทีไว้แน่น “อัญขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว อัญญาก็หันมากล่าวลา ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนสาว เวย์ได้แต่มองตามร่างที่ค่อย ๆ เดินห่างออกไป สามปีต่อมา         อัญญาเข็นกระเป๋าใบใหญ่หลายใบเดินออกมาจากประตูฝั่งผู้โดยสารขาเข้า สายตาก็สอดส่ายมองหาเพื่อนรัก วันนี้กุลจิราจะมารับเธอที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไลน์บอกเรียบร้อยว่าจะถึงกี่โมง ขณะกำลังเข็นรถฝ่าฝูงชนออกมา กลับไม่เห็นเพื่อนรักรออยู่ที่จุดนัดพบ ก็เริ่มลังเลว่าจะเอายังไง กำลังคิดว่าเพื่อนเธอหายไปไหน จู่ ๆ ก็มีคนกระโดดเข้ามากอดเธอจากทางด้านหลัง         “ว้าย!” อัญญาร้องออกมาด้วยความตกใจ กลับมาบ้านเกิดวันแรกก็คิดว่าเจอดีเข้าแล้ว “ยัยอัญ!!”          “โอ๊ย...ยัยกุล นี่แกจะทำให้ฉันหัวใจวายตายรู้มั้ย นึกว่าโดนโรคจิตเล่นงานเข้าให้แล้ว”         “ฮ่า ฮ่า เซอร์ไพรส์ไง ฉันกะจะให้แกตกใจเล่น ๆ คิดถึงแกที่สุดเลย ขอต้อนรับกลับบ้านจ้าเพื่อนรัก”         สองสาวหัวเราะออกมา ก่อนจะสวมกอดกันด้วยความคิดถึง สามปีแล้วที่อัญญาไม่ได้กลับมาเมืองไทย ได้แต่ไลน์หากัน ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปหมด แม้แต่กุลจิราเพื่อนสาวคนสนิทเธอก็ดูสวยขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ คงรวมถึงเธอด้วย ที่เข้มแข็งและยอมรับความจริงได้มากขึ้น แต่ยังมีสิ่งหนึ่งไม่เปลี่ยนไป และยังอยู่ในใจเสมอคือ คิดถึงพี่นที         “มา ๆ ฉันช่วย นี่กระเป๋าเยอะแยะแบบนี้แสดงว่าจะมาอยู่ถาวร แกไม่กลับไปแล้วใช่ปะ”         “อือ”         “ดีแล้ว ๆ ไม่มีที่ไหนจะมีความสุขเท่ากับบ้านเรา”         “ก็ใช่ บ้านเราดีที่สุด...” อัญญายังพูดไม่ทันจบ เสียงโทรไลน์ก็ดังแทรกขึ้นมาพอดี เธอจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู และกรอกเสียงลงไป         “ค่ะ”         ‘ถึงบ้านหรือยังครับ เดินทางเป็นไงบ้าง พี่จะไปส่งเราก็ไม่ยอมให้ไปส่ง ปลอดภัยราบรื่นดีใช่มั้ย’         “เพิ่งถึงสนามบินค่ะ ไม่ต้องหรอกอัญดูแลตัวเองได้ นี่เพื่อนก็มารับแล้ว”         ‘ครับ ถึงบ้านแล้วโทรบอกพี่ด้วย เป็นห่วงนะ’ “ขอบคุณค่ะ ถ้าถึงบ้านแล้วจะไลน์ไปบอกนะคะ” ‘ครับ...แล้วอย่าลืมคิด...’ “แค่นี้ก่อนนะคะ อัญต้องช่วยเพื่อนเข็นกระเป๋า” ‘ครับ คิดถึงน้องอัญนะ’ “สวัสดีค่ะ”         อัญญาหย่อนโทรศัพท์เก็บในกระเป๋าตามเดิม ก่อนจะหันมาช่วยเพื่อนเข็ญกระเป๋า “ใคร?” กุลจิราเอ่ยถามด้วยความสงสัย หรือเพื่อนเธอจะมีคนรักใหม่ “...” “อัญ แกอย่ามาทำให้ฉันอยากรู้ และเฉยเหมือนไม่มีอะไรนะเว้ย เดี๋ยวฉันนอนไม่หลับ” กุลจิราโวยวายขึ้นมา ทำให้อัญญาอดหัวเราะไม่ได้กับท่าทางของเพื่อน “พี่ปราชญ์ เป็นรุ่นพี่ที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน” “จีบแกใช่ปะ?” สายตาจ้องเขม็งของกุลจิรา ลุ้นคำตอบจากปากเพื่อนสาว “เปล่า แค่คนรู้จักกัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม