บทที่ 23 ไม่เคยลืม

1225 คำ
อัญญาเข้าไปกราบพระประธานที่โบสถ์ หลังจากทำบุญถวายสังฆทานให้กับนทีชายคนรักเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเธอก็เดินถือดอกไม้ตรงไปยังด้านหลังโบสถ์ ที่เก็บกระดูกของผู้เสียชีวิต หญิงสาวทรุดตัวลงนั่ง สายตามองป้ายชื่อชายคนรักด้วยความอาลัย สามปีแล้วที่เขาจากไป แต่เป็นสามปีที่เธอไม่เคยลืมเขาสักวัน         มือเรียวหยิบผ้าขาวสะอาดขึ้นมา เทน้ำดื่มในขวดลงบนผ้าจนเปียก ก่อนจะนำไปเช็ดถูทำความสะอาดป้ายชื่อ ถึงแม้จะรู้ว่าภายในนั้นไม่มีกระดูกของชายคนรัก แต่เธอก็ได้ทำพิธีให้นทีครบถ้วน         “พี่นที อัญกลับมาแล้วนะคะ คิดถึงอัญมั้ย” น้ำตาหยดลงบนหลังมือ แต่หญิงสาวก็พยายามฝืนยิ้มออกมา ไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธออ่อนแอ         “อัญคิดถึงพี่นทีมากรู้มั้ย เมื่อวานเพิ่งมาถึง วันนี้ก็รีบมาที่นี่เลย อยู่บนโน้นพี่นทีสบายดีหรือเปล่า” มือเธอก็เช็ดถูตั้งแต่ป้ายชื่อลงมาจนถึงที่วางของไหว้จนสะอาดดี จากนั้นก็หยิบเอาขวดน้ำดื่มขวดใหม่มาเปิด และวางลงด้านหน้าป้ายชื่อ พร้อมกับหยิบดอกกุหลาบสวยงามที่ใส่ในแจกันเรียบร้อยแล้วมาวาง         “อัญรู้ว่าพี่นทียังคอยมองดูอยู่ตลอด ไม่ได้ทิ้งกันไปไหนหรอก” เธอจ้องนิ่งอยู่ตรงป้ายชื่อ น้ำตาค่อย ๆ ไหลลงมา ภาพความหลังที่เคยอยู่ด้วยกัน ผุดขึ้นมาในหัว ทั้งความสุข และความเจ็บปวด เมื่อเขาต้องจากเธอไปตลอดกาล         “แหวนที่พี่นทีให้ก็ยังห้อยติดตัวไว้ตลอด เป็นเครื่องรางปกป้องอย่างดี และก็อุ่นใจ เหมือนพี่นทีอยู่กับอัญไม่ไปไหน...ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนนี้อัญดีขึ้นมากแล้ว” เธอจับแหวนที่ห้อยคอออกมาถือไว้ แหวนทองคำขาว ตรงหัวแหวนสีอำพันยามเมื่อโดนแสงแดดก็ส่งแสงเป็นประกายสวยงาม ของแทนใจที่หลงเหลือไว้เป็นตัวแทนของนที และยังเป็นเครื่องรางชิ้นเดียวที่อัญญาคล้องคอไว้ เป็นกำลังใจยามท้อแท้ หรือเหน็ดเหนื่อย         “วันนี้อัญเอาดอกไม้มาฝากพี่นทีด้วยนะ ชอบมั้ย” เธอยื่นมือเข้าไปลูบป้ายชื่อที่ไร้แม้กระทั่งรูปถ่ายสักใบ ทั้งที่ขอจากเวย์ หรือแม้แต่ผู้บังคับบัญชาเขาแล้ว แต่ทุกคนต่างลงความเห็นว่าสงสารคนตาย อย่าเอารูปเขามาติดเลย เธอจึงได้แต่สลักชื่อไว้แทน         “ตอนนี้อัญกลับมาอยู่ที่ไทยจะไม่ไปไหนอีกแล้วนะ...พี่นทีรู้มั้ยบ้านใหม่ของอัญหลังเล็ก ๆ น่ารัก เราอยู่กับแค่สองคน ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดไม่เหมือนเดิมเลยเนอะ อัญก็ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี ถ้าตอนนี้พี่นทียังอยู่คงให้คำปรึกษาดี ๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ อัญไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เดี๋ยวพี่นทีมองลงมาจะหัวเราะหาว่าแค่นี้ก็ท้อแล้ว” เธอหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา เมื่อคิดถึงใบหน้าดุที่เต็มไปด้วยหนวดเครา เคยว่าเธอให้เจ็บใจ ไม่แคร์ไม่สนโลก ก่อนจะกลายมาเป็นผู้ชายที่น่ารักใส่ใจดูแลปกป้อง และรักเธอมากที่สุด         “ยัยอัญ ไหว้เสร็จยัง”         “อือ เสร็จแล้ว แกมีไร” อัญญายกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ก่อนจะหันไปถามกุลจิรา ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา         “เปล่า ถ้าเสร็จแล้ว เราก็ไปหาไรกินกัน หรือจะไปนั่งแถวริมหาดแล้วค่อยสั่งไรกินดี” กุลจิรานำเสนอ เมื่อเห็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว         “ได้ งั้นเราไปนั่งกินแถวริมหาดละกัน”         “เคร ๆ” กุลจิรายกมือขึ้นไหว้หน้าป้ายชื่อนที “ไปแล้วนะคะพี่นที ขอให้พี่ช่วยคุ้มครองยัยอัญให้แคล้วคลาดปลอดภัย ทำอะไรก็สำเร็จแล้วก็ให้ได้งานทำไว ๆ นะคะ สาธุ” กุลจิราไหว้เสร็จก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนออกมา “แกลาพี่นทีเสร็จยัง”         “อือ ฉันบอกพี่นทีแล้ว”         “งั้นไปกันเถอะ”         อัญญาเอื้อมมือไปลูบป้ายชื่อของนทีอีกครั้ง น้ำตาคลอหน่วยอย่างห้ามไม่อยู่ เธอเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด วันหนึ่งคนเราอาจจะกลับมาเจอกันอีกก็ได้ เธอจึงตั้งจิตอธิษฐาน หากชาติหน้ามีจริง ขอโอกาสให้เราได้เจอกันอีกครั้ง ให้พี่นทีจำอัญได้ตั้งแต่แรกเจอ และขอให้เราได้กลับมารักกันอีก...อัญรักพี่นทีนะคะ          เสียงกรีดร้องของอัญญาดังออกมาจากห้องนอน ก่อนหญิงสาวจะวิ่งถลาออกมายืนที่ห้องรับแขก สายตามองหาสาวิตรี แต่มองไม่เห็นใครเธอจึงตะโกนเรียกเสียงดัง         “แม่คะ!!”         “อะไรยัยอัญ ร้องเป็นเด็ก ๆ ไปได้ แม่อยู่นี่” สาวิตรีส่งเสียงมาจากหลังบ้าน ก่อนจะเปิดประตูเข้ามา ยังไม่ทันตั้งตัวลูกสาวก็โถมเข้ากอดหอมแก้มซ้ายขวา และหัวเราะออกมาน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ         “อัญได้งานแล้วแม่...อัญได้งานแล้ว เขาเมลล์มาแจ้งให้ไปรายงานตัววันจันทร์นี้”         “นึกว่าอะไร ไม่เห็นจะน่าแปลกตรงไหนเลยก็ลูกสาวแม่เก่งอยู่แล้ว ยังไงก็ได้” สาวิตรีหัวเราะออกมา เมื่อเห็นอาการดีใจของอัญญา สายตาจ้องมองลูกสาวด้วยความภูมิใจ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัว และกล่าวคำอวยพรออกมาอีกยาวยืด “ขอให้ลูกแม่เจอแต่สิ่งที่ดี ๆ เจอหัวหน้างานที่ดี มีเพื่อนร่วมงานดี ๆ เงินเดือนดี ไม่มีปัญหาอุปสรรค เจริญรุ่งเรืองนะจ๊ะ” “ขอบคุณค่ะแม่” “เดี๋ยวเย็นนี้แม่ต้องทำกับข้าวฉลองแล้วล่ะ”         อัญญากอดเอวแม่ และพยุงให้เดินไปนั่งโซฟา ก่อนเธอจะเอนหัวซบลงบนไหล่ “แม่จ๋า ๆ รออัญไปรายงานตัวก่อนก็ได้ เราค่อยฉลองกัน”         “เอางั้นเรอะ”         “งั้นสิ” พูดเสร็จเธอก็หัวเราะออกมา ปากบอกว่าไม่แปลกใจแต่ท่าทางของสาวิตรีดูดีใจมากกว่าลูกสาวอีก คงอยากให้อัญญาได้งานทำ จะได้มีเรื่องอื่นให้คิดไม่ต้องมาจมปลักอยู่กับเรื่องเดิม ๆ         “ต้องเป็นเพราะเครื่องรางแห่งความโชคดีของอัญแน่ ๆ ค่ะ สมัครที่แรกก็ได้งานเลย”         “แม่ว่าจะถามเราหลายรอบแล้ว เห็นห้อยอะไรอยู่ที่คอ” สาวิตรีมองสร้อยคอที่ลูกสาวสวมใส่ เคยเห็นแว๊บ ๆ ว่ามีบางอย่างห้อยอยู่มันดูใหญ่เกินกว่าจะเป็นจี้สวยงามอย่างที่ผู้หญิงควรจะห้อย จึงเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อลูกสาวเอ่ยถึงเครื่องรางแห่งความโชคดี         “เอ่อ...แม่คะ อัญยังไม่เคยมีโอกาสเล่าให้แม่ฟัง ว่าจะเล่าตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว แต่ตอนนั้นเกิดเรื่องยุ่ง ๆ ที่บ้านเรา แล้วอัญยังต้องไปเรียนต่ออีก จึงไม่มีโอกาสบอกแม่”         “มีอะไรหรือเปล่า”         “เกี่ยวกับเรื่องที่อัญถูกจับตัวไปตอนโน้น” อัญญาล้วงเข้าไปหยิบสร้อยคอออกมา แล้วแหวนที่ห้อยอยู่ก็ปรากฏต่อสายตาของสาวิตรี         “แหวนเหรอ ของใคร?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม