บทที่ 24 ใช่เขาหรือเปล่า

1253 คำ
“ของพี่นที แฟนอัญค่ะ”         “หือ?... อัญไปแอบมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมแม่ไม่รู้” สาวิตรีมีสีหน้าแปลกใจ เพราะไม่เคยได้ยินลูกสาวบอกว่ามีแฟน และไม่เคยพูดถึงผู้ชายคนไหนให้ได้ยินมาก่อน         จากนั้นอัญญาก็เล่าให้สาวิตรีฟังทั้งหมดตั้งแต่ถูกจับตัวไป และนทีเป็นคนช่วยเหลือเธอไว้อย่างไรบ้าง แต่ไม่กล้าเล่าลึกถึงเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างคนสองคน แต่คนเป็นแม่ก็พอจะเดาออก เพราะการที่ชายหนุ่มคนหนึ่งทุ่มเทช่วยเหลือคนรัก จนต้องเสี่ยงเอาชีวิตเข้าแลก คงจะเป็นความรักที่ลึกซึ้งเกินกว่าคนทั่วไปจะทำให้กัน         มือเรียวยกขึ้นเช็ดน้ำตา พร้อมกับร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ทั้งที่เหตุการณ์ผ่านมาสามปี แต่เธอก็ไม่เคยลืมความเจ็บปวดครั้งนั้นได้         “อัญ” มือของสาวิตรีเอื้อมมาลูบหลังลูบไหล่ลูกสาว พร้อมกับดึงเข้าไปกอดอย่างปลอบโยน         “แม่ไม่ว่าอัญใช่มั้ยคะ ที่เอ่อ...ทำตัวแบบนั้น”         “มันเป็นเรื่องของหัวใจ แม่ไม่ว่าหรอก แต่อยากให้หนูทำใจให้ได้ คิดซะว่าอัญกับเขาทำบุญร่วมกันมาแค่นี้”         “อัญคงลืมพี่นทีไม่ได้”         “แม่ไม่ได้บอกให้หนูลืม แต่ให้เก็บไว้ในความทรงจำ แล้วในอนาคตหนูก็ต้องมีครอบครัว แม่อยากให้อัญเปิดใจนะ อย่าปิดกั้นตัวเองจนเสียโอกาสดี ๆ ไป”         “ค่ะ” อัญญารับคำ เพื่อให้สาวิตรีสบายใจ แต่ส่วนลึกในใจเธอ คงยากที่จะเปิดรับใครเข้ามาแทนที่นที         “ดีแล้วลูก”         “งั้น เดี๋ยวอัญไปโทรหายัยกุลก่อนนะคะ”         “จ๊ะ” อัญญาสวมกอดแม่อีกครั้ง ก่อนจะลุกเดินเข้าห้องนอนตัวเองไป ส่วนสาวิตรีได้แต่มองตามหลังลูกสาวด้วยความสงสาร อายุยังน้อยแต่ก็ผ่านเรื่องราวความเสียใจมามากมายเหลือเกิน วันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มงาน อัญญาตื่นแต่เช้ารีบทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะเข้าไปหาสาวิตรี แม่เธอก็อวยพรยืดยาวให้ลูกสาวอีกครั้ง เธอได้แต่ยิ้มรับและโอบกอดแม่ เพื่อเพิ่มกำลังใจให้กับตัวเอง ในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ดี ๆ อัญญาขับรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่มือสองที่เธอซื้อมา เพื่อใช้ในการเดินทางจะได้สะดวกเวลาไปไหนมาไหน ไม่ต้องคอยรบกวนกุลจิราตลอดเวลา เมื่อไปถึงบริษัทเธอก็ขึ้นไปรายงานตัว ก่อนพนักงานจะพาเธอไปที่ฝ่ายบัญชี นั่งรอไม่นานผู้จัดการฝ่ายบัญชีก็เรียกเธอเข้าไปพบ “สวัสดีค่ะ  ดิฉันอัญญา นิธิกุลค่ะ” อัญญายกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพ พร้อมกล่าวแนะนำตัวกับผู้จัดการฝ่ายบัญชี แล้วอีกฝ่ายก็เชิญให้เธอนั่งลง “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะคะ พี่ขอเรียกว่าน้อง อัญญาละกันนะ” หญิงวัยกลางคน อายุไม่เกินห้าสิบ รูปร่างค่อนข้างเจ้าเนื้อ ผิวขาว ใบหน้าอวบอิ่ม รอยยิ้มประดับบนใบหน้า ท่าทางใจดี “อ้อ...แล้วน้องก็เรียกพี่ปลาเหมือนน้อง ๆ ในฝ่ายเราก็ได้นะจ๊ะ” “ค่ะ พี่ปลาก็เรียกอัญเฉย ๆ ก็ได้นะคะ” ปารณีส่งยิ้มให้กับผู้ช่วยคนใหม่ พลางลอบสำรวจหญิงสาวตรงหน้า ตามประวัติอายุเพียง 26 ปี แต่ความสามารถและประสบการณ์น่าสนใจ เมื่อเจอตัวจริง ก็ยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก หญิงสาวสวย ใบหน้าเรียวเล็ก ดวงตากลมโต จมูกโด่ง รอยยิ้มดูอ่อนใส แทบไม่เชื่อว่าอายุเลยเบญจเพสแล้ว แม้เธอจะสวมชุดสูทสีเข้ม รวบผมเรียบร้อย เพื่อให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ก็ยังดูสวยใส “ขอบคุณนะคะ ยินดีที่ได้ร่วมงานกับพี่ปลาเช่นเดียวกันค่ะ” “ค่ะ...เออจริงสิ วันนี้จะมีประชุมผู้บริหาร ยังไงน้องอัญก็เข้าประชุมพร้อมพี่นะ จะได้รู้จักผู้บริหารของเรา และก็จะได้ฟังเรื่องงานไปด้วย ขอต้อนรับน้องใหม่ด้วยงานประชุมผู้บริหารนะจ๊ะ” “ได้ค่ะ” “น้องอัญไม่ต้องกังวลนะ พี่แค่อยากให้เราเข้าไปนั่งรับฟังด้วย และก็ช่วยสรุปเรื่องที่เกี่ยวกับฝ่ายบัญชีเรา” ปารณีหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของหญิงสาว “ได้ค่ะพี่ปลา” จากนั้นปารณีก็พูดคุยกับอัญญาสักพัก ก่อนจะจัดการมอบหมายงานในหน้าที่ให้ ซึ่งหญิงสาวก็รับฟังด้วยความตั้งใจ กระตือรือร้นที่จะทำงาน จึงทำให้ผู้จัดการยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ จนถึงช่วงบ่ายปารณีก็เรียกอัญญาให้ขึ้นไปร่วมประชุม เธอเดินไปพร้อมปารณีและพูดคุยสอบถามเรื่องงาน อัญญาลอบสังเกตว่าผู้จัดการฝ่ายบัญชีดูซีเรียส และเคร่งเครียด ต่างจากเมื่อเช้าที่ยังดูสบาย ๆ จนเธอเองก็พลอยรู้สึกเกร็งไปด้วย โชคดีที่เตรียมอุปกรณ์ไอทีสำหรับใช้ในการประชุมติดมือมาด้วย เผื่อมีเหตุจำเป็นต้องใช้ จะได้หยิบใช้สะดวก เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกชั้นสิบ พวกเธอก็เดินตรงไปยังห้องประชุม แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ห้องประชุม ใบหน้าปารณีก็ยิ่งดูเคร่งเครียด อัญญาจึงอดถามไม่ได้ “พี่ปลาคะ มีอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเครียด ๆ” “เอ่อ...วันนี้ที่ประชุมแจ้งว่าท่านรองประธานจะเข้าร่วมประชุมด้วย พี่ก็เลยกังวลนิดหน่อย” “งานเรามีปัญหาเหรอคะ” “เปล่าหรอกจ๊ะ แต่...รอให้น้องอัญเจอตัวจริงของท่านรองก่อน จะรู้ว่าทำไมพี่ถึงดูเครียด” “เอ่อ...ค่ะ” อัญญารับคำอย่างงง ๆ เธอเคยทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ เมื่อครั้งเรียนจบใหม่ ๆ อัญญาผ่านการทำงานกับคนต่างชาติมาแล้ว เรื่องความสามารถเธอไม่เป็นรองใคร เมื่อเธอคิดจะลงมือทำอะไร ก็พร้อมจะศึกษาเรียนรู้ให้ไว และพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด เธอจึงไม่เป็นกังวลเมื่อต้องเข้าร่วมประชุมกับระดับผู้บริหาร เพราะเชื่อว่าตัวเองก็เคยมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว อัญญาชะงัก เมื่อจู่ ๆ ปารณีก็หยุดเดิน เธอจึงมองตามสายตาหัวหน้างานไป ก่อนร่างเธอจะแข็งค้าง เท้าตรึงอยู่กับที่ ความรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งร่าง สายเลือดทุกหยดกำลังจะกลายเป็นน้ำแข็ง ดวงตาเบิกกว้าง หัวใจเต้นระรัว หญิงสาวกระพริบตาถี่ ๆ หลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองตาไม่ฝาด แต่ภาพตรงหน้ายังอยู่ และเขายังยืนอยู่ตรงนั้น เท้าไวเท่าความคิด อัญญาพุ่งตัวเข้าไปโดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง ที่หันมามองเธอด้วยความตกใจ รวมทั้งเสียงร้องเรียกจากปารณีที่ดังตามหลังมา เธอไม่สนใจใครทั้งนั้น นอกจากเขา “พี่นที!” อัญญาถลาเข้าไปกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น และเรียกเขาซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น น้ำตาไหลซึมออกมา ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง แต่ร่างอุ่นที่เธอกอดแน่นอยู่นี้ยืนยันว่านี่คือเรื่องจริง “พี่นทีจริง ๆ ด้วย อัญดีใจที่สุดเลย ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้” อัญญาเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ ก็ยิ่งเห็นชัดว่าเขาคือนที ชายคนรักของเธอ เพียงแต่นทีคนใหม่ ใบหน้าปราศจากหนวดเครา หรือวันนั้นที่ค้นหาร่างเขาไม่เจอเพราะมีคนช่วยไว้ นทียังไม่ตาย อัญญาดีใจจนไม่รู้จะแสดงออกยังไง ทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้ 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม