น้ำเสียงเย้ยหยัน ทำให้อัญญาโมโหจนอยากจะกางนิ้วข่วนหน้าเขาให้เจ็บ ๆ แสบ ๆ คัน ๆ แต่ที่ทำได้เพียงถลึงตาใส่ เพราะตอนนี้รู้แล้วว่าไม่มีประโยชน์ ต่อให้เธอตะโกนออกไปสุดเสียง เขาก็คงปิดปากเธอไว้ และคงไม่มีใครโผล่เข้ามาแน่นอน สายตาเหลือบมองไปทางหน้าประตู ก็เห็นลูกน้องเขายืนจังก้าปักหลักอยู่ตรงนั้นไม่หนีไปไหน
ให้ตาย อุตส่าห์คิดแผนมาอย่างดิบดี สุดท้ายก็พังไม่เป็นท่า
“ปล่อย!” หญิงสาวขู่ฟ่อออกมา เมื่อเขายังคงล็อคตัวเธอไว้ไม่ยอมปล่อย
นทีจ้องใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาว ที่กำลังออกอาการฟึดฟัดด้วยความโมโห ตอนทำไม่คิด พอตอนนี้เพิ่งจะมากลัวผู้ชายแบบเขา มันน่าสั่งสอนให้หลาบจำ คราวหน้าจะได้ไม่กล้าลองดีแบบนี้อีก
แค่เพียงคิด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราครึ้มก็ยื่นเข้าไปใกล้ มือจับท้ายทอยหญิงสาวกดเข้ามาหา ปากหนากดทาบลงกับริมฝีปากบาง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งเฮือกราวกับถูกไฟช็อต เมื่อถูกจูบเป็นครั้งแรกในชีวิตสาว
นทีไม่สนใจอาการของเธอ กลับแทรกลิ้นเข้าไปควานหาความหวานจากโพลงปากสาว บดขยี้จูบริมฝีปากแนบชิดกัน ลิ้นหนาตวัดพัวพันกับลิ้นเล็ก พร้อมกับดูดดึง จูบดูดดื่มเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จากแค่คิดจะสั่งสอน แต่กลับกลายเป็นความหลงลืมตัวไปชั่วขณะของคนทั้งคู่ จนได้ยินเสียงหญิงสาวร้องครางออกมา จึงทำให้นทีได้สติ ก่อนจะถอนจูบออก และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“คราวหน้าก็รู้จักหัดใช้สมองคิดให้ดี ๆ ถ้าเกิดเป็นไอพวกหื่นกามพวกนั้นเข้ามา นอกจากเธอจะหาทางหนีไม่ได้ อาจจะถูกพวกมันรุมข่มขืน ทีนี้ได้ตายสมใจแน่”
คำพูดทำร้ายจิตใจ จากผู้ชายที่เธอประเมินเขาว่า ไม่น่าจะเป็นคนร้ายกาจ ... หลอกลวงสิ้นดี เขาทำให้เธอหลงไว้ใจ อัญญายกกำปั้นขึ้นทุบลงไปบนอกหนาหลายครั้งด้วยความเจ็บใจ ระบายอารมณ์ออกมาด้วยโมโห ก่อนจะถูกเขายึดไว้ด้วยมือข้างเดียว
“ไอ้บ้า! นายมาจูบฉันทำมั้ย ไอ้ทุเรศ...ไอ้...โอ้ย!!...นายไม่ต้องมาแช่งฉันเลยนะ”
“พูดความจริงทำเป็นรับไม่ได้” นทีหัวเราะในลำคอ แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกันไปมากกว่านั้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากหน้าห้อง
“นทีมีคนกำลังเดินมาทางนี้”
“อือ”
รับคำเสร็จ ชายหนุ่มก็ยืดตัวลุกขึ้น พร้อมกับดึงร่างหญิงสาวให้ยืนข้างกัน จากนั้นเขาก็ขยับตัวออกห่างจากเธอราวสองเมตร อัญญากำลังจะต่อว่าเขา แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นคนเดินเข้ามาในห้องหลายคน
“พวกนายเป็นใคร ขะ...เข้ามาทำไม” อัญญาถอยหลังกรูด ความรู้สึกเมื่อครู่ที่โดนนทีรังแก ยังไม่น่ากลัวเท่ากับผู้ชายคนนี้
แค่เขายืนจ้องหน้าเธอโดนไม่ทำอะไร ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วแนว
สันหลัง
“สวัสดี อัญญา”
ดวงตาโปนลึก แววตาแข็งกระด้าง กำลังจ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางห้อง รังสีอำมหิตแผ่กระจายออกมาจากร่างสูงผอม ขายาวคู่นั้นกำลังเคลื่อนเข้ามาหาเธอช้า ๆ ราวกับกำลังข่มขวัญลูกกวางตัวน้อย ยิ่งเห็น
สีหน้าหวาดกลัวของหญิงสาว ก็ยิ่งสร้างความพึงพอใจให้มัน
อัญญาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับดวงตาดำมืด ลึกลับน่ากลัวคู่นั้น มันกำลังจ้องนิ่งตรงมาที่เธอ ทำเอาหญิงสาวหวาดกลัว ร่างสั่นน้อย ๆ อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ใช้ได้ ลูกสาวไอ้พินิจสวยแบบนี้นี่เอง พ่อมันถึงหวงนัก” พลทัตกวาดตามองสำรวจสินค้าของมัน
สีหน้าพึงพอใจ
“นะ...นายเป็นใคร รู้จักพ่อฉันด้วยเหรอ”
“หึ หึ รู้จักสิ รู้จักดีซะด้วย” เสียงหัวเราะในลำคอ ยิ่งสร้างความอึดอัดให้กับหญิงสาว
“งั้น...นายจับตัวฉันมาทำไม” อัญญาถามออกไปด้วยความสงสัย ในเมื่อพ่อของเธอทำธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์ ไม่น่าจะมารู้จักกับพวกมีอิทธิพล หรือมาเฟียแบบนี้
“พ่อเธอมันเป็นพวกไว้ใจไม่ได้ ขี้โกง ฉันก็เลยต้องสั่งสอนมันนิดหน่อย”
“ไม่จริง...พ่อฉันขายเฟอร์นิเจอร์ ค้าขายซื่อสัตย์กับลูกค้า แล้วจะไปโกงนายได้ยังไง นาย...คงเข้าใจผิดแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ ใจเย็น ๆ สาวน้อย ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าพ่อเธอทำอะไรบ้าง จะรีบบอกปัดไปไหน”
พลทัตส่งสายตาสั่งให้นทีจัดการมัดเธอ ชายหนุ่มจึงก้าวเข้าไปรวบแขนหญิงสาว จับข้อมือเล็กทั้งสองข้างมัดเอาไว้ โดยที่อัญญาไม่ทันตั้งตัว
“พะ...พวกนายจะทำอะไร?”
หญิงสาวดิ้นรนขัดขืน พลางส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ จากผู้ชายที่กำลังจับข้อมือเธอมัด แต่นทีไม่สนใจ ยังคงปฏิบัติตามเจ้านายสั่ง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา กลับนิ่งสงบ ไม่เหมือนชายหนุ่มคนที่ขโมยจูบเธอเมื่อครู่นี้แม้แต่น้อย
เขาจัดการผูกเชือกจนแน่น ก่อนจะดึงผ้าขึ้นมามัดปิดปาก และผลักร่างหญิงสาวให้นั่งลงบนเตียง
“โทรหาไอ้พินิจ ฉันอยากคุยกับมันหน่อย จะได้บอกว่าตอนนี้ลูกสาวคนสวยของมัน หนีมาเที่ยวที่เกาะของฉัน”
“ได้ครับนาย” แก้วยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออก ไม่นานก็มีเสียงตอบรับจากปลายสาย จึงยื่นโทรศัพท์ให้เจ้านาย
‘ฮัลโล’
“ว่าไง...ไอ้พินิจ”
‘คะ...ใคร’
“จำกูไม่ได้เหรอ”
‘คุณ...พลทัต’
“ใช่ กูเอง!...ตกลงมึงคิดออกหรือยังว่าของกูอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร”
‘ผมไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะครับคุณพลทัต’
“อย่าให้ต้องถามย้ำหลายครั้ง อะไรที่มันซ้ำ ๆ กูก็เบื่อพอเบื่อแล้วก็อยากจะหาอะไรทำแก้เบื่ออยู่เรื่อย”
น้ำเสียงเอื่อย ๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอของพลทัต ทำราวกับว่า เรื่องที่กำลังคุยอยู่ไม่ได้สลักสำคัญ หรือคอขาดบาดตายแม้แต่น้อย แต่แววตากลับแข็งกร้าวขึ้น ยิ่งทำให้พลทัตดูเหมือนปีศาจร้าย
อัญญาได้แต่แอบลอบมอง ด้วยความหวาดกลัว นี่มันพูดเรื่องอะไร ทำไมฟังดูเหมือนพ่อของเธอรู้จักกับพวกมัน จะเป็นไปได้อย่างไร พ่อเธอเป็นแค่พ่อค้าตัวเล็ก ๆ จะไปรู้จักกับมาเฟียพวกนี้ได้ยังไง ไม่จริง มันต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ
‘ผมไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะครับ ก็พวกลูกน้องนายมันหักหลัง...’
“กูไม่อยากฟัง ตอนนี้อยากรู้แค่ว่า... ของอยู่ไหน”
‘ผะ ผมไม่รู้จริง ๆ ครับคุณพลทัต’
“ดี!... มึงเปิดกล้องสิ กูมีอะไรจะให้ดู”
‘อะ... อะไร’