บทที่ 29 ยังไหว

1285 คำ
“คุณหมอคะ อัญฝากแม่ด้วยนะคะ รักษาแม่ให้หายนะคะ” อัญญาละล่ำละลักบอกหมอ แค่ได้ยินว่าสาวิตรีเป็นเนื้องอกในสมอง ทุกอย่างในหัวเธอก็พลันขาวโพลนไปหมด คิดอะไรไม่ออก ดีที่มีกุลจิราอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเธอคงเคว้งคว้างจนทำอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นกุลจิราก็ช่วยอัญญาเดินเรื่องการรักษาของสาวิตรี เพราะหญิงสาวเบลอไปหมด ซึ่งหมอก็นัดตรวจอาการของสาวิตรีอีกครั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมของคนไข้         “ขอบใจมากนะกุล”         “ไม่เป็นไร ฉันก็เป็นห่วงแม่เหมือนกัน แกก็อย่าเครียดมาก แม่ยังต้องการกำลังใจนะ ดูแลตัวเองดี ๆ เดี๋ยวจะป่วยไปอีกคน”         “อือ ขอบใจ เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าแม่เอง แกกลับบ้านไปก่อนเถอะ เดี๋ยวคุณน้าจะเป็นห่วง”         “ได้ ข้าวของแกอยู่ในกระเป๋านะ ฉันเก็บมาให้แล้ว เออ...จริงสิ แล้วนี่แกลางานยัง เพิ่งเข้าไปทำงานได้เดือนเดียวแม่ก็มาป่วยซะแล้ว”         “ฉันแจ้งพี่ปลาแล้ว ไม่เป็นไร กลางคืนฉันจะเฝ้าแม่ ส่วนกลางวันก็คงต้องจ้างพยาบาลดูแล”         “อัญ ถ้ามีไรให้ช่วยแกบอกฉันได้นะ...ทุกอย่าง แกไม่ต้องเกรงใจฉัน อย่าเก็บไว้คนเดียว ฉันรู้ว่าแม่ป่วยคราวนี้แกก็หนักเหมือนกัน ไหนจะค่ารักษา ไหนจะเรื่องงานแกเพิ่งเริ่มทำอีก มีไรให้ช่วยก็บอก แกยังมีฉันนะ”         “ขอบใจนะกุล ฉันยังไหว แต่ถ้าวันไหนฉันไม่ไหวจะขอความช่วยเหลือแกเป็นคนแรก” อัญญาน้ำตาซึมออกมาด้วยความตื้นตันใจ ในวันที่ไม่มีใคร แต่เธอยังมีเพื่อนรักคอยช่วยเหลือ แต่ในเมื่อเธอยังไหวก็ไม่อยากรบกวนใคร         “งั้นฉันกลับแหละ แต่จะแวะมาหาแกอีก อยากได้ไรก็ไลน์บอกนะ”         “อือ”         อัญญาเดินออกไปส่งกุลจิราที่หน้าห้อง ก่อนจะกลับมานั่งที่โซฟา เธอรื้อของใช้จำเป็นออกมาจัดวางให้เรียบร้อย สายตาคอยชำเลืองมองว่าสาวิตรีตื่นหรือยัง เห็นนอนหลับตั้งแต่บ่าย ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตื่น หมอคงอยากให้คนไข้พักผ่อนมาก ๆ         หญิงสาวหยิบสมุดบัญชีเงินฝากขึ้นมาดู ตอนนี้เงินเก็บของเธอคงต้องเบิกออกมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลของสาวิตรี ดูยอดเงินแล้วก็น่าจะพอค่ารักษา แต่ก็แทบไม่เหลือติดบัญชี แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยตอนนี้เธอได้งานทำแล้ว และเงินเดือนก็สูงมากพอให้พวกเธอแม่ลูกอยู่ได้ไม่ลำบาก ขอเพียงให้สาวิตรีหายดี และกลับมาอยู่กับเธอ แค่นั้นก็ดีใจแล้ว         อัญญาเดินเข้าไปหาคนป่วยที่นอนนิ่งหลับอยู่บนเตียง มือเอื้อมไปจับมือผอมเล็กของสาวิตรีมากุมไว้ ก่อนจะยกขึ้นแนบกับใบหน้าเธอ แล้วน้ำตาอัญญาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่         “แม่ห้ามเป็นไรไปนะ แม่ต้องอยู่กับอัญ เราสัญญากันไว้แล้วว่าจะอยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูก อย่าทิ้งอัญไปไหน...อย่าทิ้งอัญไปเหมือนพี่นที เหมือนพ่อนะ อัญไม่เหลือใครอีกแล้ว”         อัญญาฟุบหน้าลงกับมือของสาวิตรี ก่อนจะร้องไห้ออกมาจนตัวโยน ความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ที่เธอฝืนไว้ก็ปลดปล่อยมันออกมาจนหมดสิ้น         “อัญ” เสียงเรียกแผ่วเบาข้างหู อัญญารีบเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเช็ดน้ำตาออก และส่งยิ้มไปให้         “แม่!...แม่เป็นไงบ้าง ปวดหัวมั้ย หิวหรือเปล่า ดื่มน้ำก่อนนะ” อัญญากุลีกุจอรินน้ำให้แม่ดื่ม         “พอแล้วจ้ะ แล้วนี่แม่หลับไปนานแค่ไหนแล้วเนี่ย”         “ตั้งแต่บ่าย ตอนนี้ทุ่มหนึ่งแล้ว แม่หิวหรือเปล่า”         “ไม่จ้ะ...อัญ”         “คะแม่”         “หมอบอกว่าแม่เป็นอะไร”         “เอ่อ...”         “บอกแม่มาเถอะ แม่รับได้”         “แม่...เอ่อ...เป็นเนื้องอกในสมองจ้ะ แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ หมอบอกว่าถ้าผ่าตัดเสร็จแล้ว แม่ก็จะหายดีเป็นปกติเหมือนเดิม”         “ค่ารักษาคงแพงน่าดู”         “แม่ขา ไม่ต้องคิดมาก ลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนี้อัญทำงานแล้วนะ เงินเดือนก็สูงเลี้ยงพวกเราได้สบาย อีกอย่างเราไม่ค่อยมีค่าใช้จ่ายอะไร เดี๋ยวแม่ช่วยอัญเก็บ แป๊บเดียวเราก็มีเงินแล้ว”         “แม่ทำให้อัญลำบากหรือเปล่าลูก”         “แม่คะ อัญไม่ลำบากอะไรเลย แม่น่ะต้องอยู่เป็นกำลังใจให้อัญสิ ชีวิตอัญไม่มีใครอีกแล้วนะ นอกจากแม่คนเดียว รีบรักษาตัวให้หาย จะได้กลับบ้านเราไว ๆ เนอะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้สาวิตรี ทำให้คนเป็นแม่พลอยยิ้มไปด้วย มือเล็กผอมยกขึ้นลูบหัวลูกสาวเบา ๆ         “แม่จะไม่ยอมเป็นไรไปหรอก จนกว่าจะได้เห็นเรามีครอบครัว มีหลานให้แม่อุ้มก่อน”         “หึหึ แม่ สงสัยจะต้องอยู่กับอัญไปเป็นร้อยปีแน่ ๆ ถ้าจะรอดูหน้าหลาน” อัญญาหัวเราะออกมาเบา ๆ เธอจะมีลูกมีครอบครัวได้อย่างไร ในเมื่อนทีก็ตายไปแล้ว และชีวิตนี้เธอก็ไม่เคยคิดจะแต่งงานกับใครอีก         “แล้วแม่จะคอยดู” สาวิตรีหัวเราะออกมา ลูกสาวสวยขนาดนี้ จะไม่มีหนุ่ม ๆ มาตกหลุมรักบ้างให้มันรู้ไป         สาวิตรีเข้ารับการผ่าตัดสมอง และใช้เวลารักษาตัวอยู่นานหลายสัปดาห์ ก่อนจะกลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน แต่อาการข้างเคียงหลังผ่าตัด ร่างกายของสาวิตรีกลับไม่เหมือนเดิม แขนขาซีกซ้ายอ่อนแรง เดินไม่ได้ ต้องทำกายภาพบำบัด อัญญาจึงต้องจ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแล ประกอบกับสาวิตรีมีเรื่องเครียดสะสมมานาน จึงทำให้ร่างกายอ่อนแอ ต้องใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกาย เธอเห็นสภาพของแม่แล้ว ได้แต่ไปนั่งแอบร้องไห้คนเดียว ไม่กล้าร้องไห้ให้สาวิตรีเห็น เมื่อเห็นคนที่รักมากที่สุดต้องกลายเป็นคนพิการ อัญญาทุกข์ทรมานใจ แต่ก็บอกกับตัวเองว่า เธอจะต้องหาทางรักษาสาวิตรีให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้เงินมากมายเท่าไหร่ แม่จะต้องกลับมาเดินได้ ถึงแม้จะไม่ดีเท่าเดิมก็ตาม เมื่อคิดได้แบบนั้น ก็ทำให้มีแรงฮึดสู้อีกครั้ง เธอจะอ่อนแอไม่ได้ ต้องเข้มแข็ง และต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ต่อให้ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ก็จะพยายามหาทางรักษาสาวิตรีให้ได้ “น้องอัญ แม่เป็นไงบ้างจ๊ะ” ปารณีเอ่ยถามลูกน้องสาว เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งทำงาน ไม่ยอมลุกออกไปกินข้าว ทั้งที่เป็นเวลาพักเที่ยงแล้ว “ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่คงต้องทำกายภาพไปเรื่อย ๆ ตอนนี้อัญก็จ้างพยาบาลมาคอยดูแม่” “ดีแล้วล่ะที่ท่านปลอดภัย ทำกายภาพไม่นาน เดี๋ยวก็กลับมาแข็งแรง เดินได้เหมือนเดิม อัญก็อย่าคิดมาก ยังไงก็ฝากบอกคุณแม่ด้วยนะ ขอให้ท่านหายไว ๆ นะจ๊ะ” “ขอบคุณค่ะ” “แล้วนี่อัญไม่ไปทานข้าวเหรอ ได้เวลาพักแล้วนะ เดี๋ยวบ่ายค่อยกลับมาทำต่อก็ได้” “พอดีต้องรีบส่งสรุปการเบิกจ่ายเงินให้ท่านรองค่ะ อัญก็เลยต้องเร่งให้เสร็จก่อน เดี๋ยวสักพักก็จะออกไปทานข้าวเหมือนกันค่ะ” “งั้นพี่ไปทานข้าวก่อนนะ เราก็อย่าหักโหมมาก ทั้งดูแลคุณแม่ทั้งทำงานหนักแบบนี้ เดี๋ยวจะล้มป่วยไปอีกคน” ปารณีเอ่ยเตือนลูกน้องสาวด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม