บทที่ 28 โมโหร้าย

1236 คำ
อยู่ดี ๆ ก็อารมณ์เสีย เธอทำตามที่เขาบอกไม่ได้ขัดคำสั่งแม้แต่น้อย ให้รับสายเธอก็รับ แล้วเขาจะโมโหไม่พอใจทำไม แต่อย่างว่า ตั้งแต่รู้จักกันมาหนึ่งอาทิตย์ เธอก็ไม่เคยเห็นสินสมุทรยิ้มให้ใคร “ฉันคุยธุระเสร็จแล้วค่ะ คุยเรื่องงานต่อได้เลย” “ออกไป!” สีหน้าทะมึน ดวงตาวาวโรจน์ แข็งกร้าวจนน่ากลัว ทำให้อัญญาแอบสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงตะคอกจากเจ้านาย ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดอีกแล้ว “เอ่อ...ท่านรองคะ ฉันพร้อม...” “หูแตกหรือไง ฉันบอกว่าให้ออกไป!” เสียงดังราวกับฟ้าผ่า สินสมุทรควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เผลอใส่อารมณ์จนหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้านิ่งอึ้ง สีหน้าตื่นตกใจ ก่อนที่เขาจะได้สติว่าตัวเองกำลังทำอะไร จึงพูดอธิบายออกมา “แต่ฉันไม่มีสมาธิจะคุย...เธอกลับไปได้แล้ว ต้องรีบกลับไปรอรับโทรศัพท์แฟนไม่ใช่เหรอ” “อ้อ...ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ คนรู้จักกัน” เมื่อได้ยินน้ำเสียงเขาอ่อนลง หญิงสาวจึงกล้าโต้ตอบกลับไป “ฉันไม่อยากรู้” “เอ่อ...” อัญญาอึ้ง นั่นสิจะอธิบายให้เขาฟังทำไม ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ บางครั้งเพียงเพราะใบหน้าเขาคล้ายกับนที จึงทำให้เธอหลงลืมตัว อยากเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง เหมือนตอนที่เธอกับนทีเคยอยู่ด้วยกัน มองใบหน้านี้แล้วก็ยิ่งคิดถึงนที เหมือนเขายังอยู่ตรงนี้ไม่ได้ตายจากไปไหน อัญญาต้องเตือนสติตัวเอง คนตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืนมาได้ เธอต้องอยู่กับปัจจุบัน อย่าคิดอย่าฝันจะใช้ใครเป็นตัวแทน เพราะเธอเองจะยิ่งเจ็บปวด “ค่ะ ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัว” “เชิญ” พออัญญาคล้อยหลังไป แค่เพียงบานประตูปิดลง เธอก็ได้ยินเสียงดังโครมครามมาจากห้องประชุม อัญญาจึงหันไปสบตากับสุริยัน เลขาหนุ่มที่ยังอยู่รอเจ้านายหน้าห้องประชุม “เกิดอะไรขึ้นครับคุณอัญ” “ไม่รู้สิคะ เมื่อครู่ท่านรองก็ยังดี ๆ อยู่ ยังไงพี่ยันเข้าไปดูหน่อยละกัน อัญขอตัวก่อนนะคะ” “ครับ ครับ” สุริยันรับคำ แต่ก็ยังละล้าละลังไม่กล้าเข้าไป สุริยันเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก่อนสินสมุทรเข้ามารับตำแหน่งรองประธาน เขาเป็นคนเงียบ ๆ ทำงานเก่ง ไม่ค่อยพูด ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยต้องบินไปรักษาที่ต่างประเทศบ่อย ๆ จนอาการดีขึ้น แต่สุริยันก็ต้องคอยดูแลเจ้านาย คอยเตือนไม่ให้ทำงานหักโหมจนเกินไป จนเมื่อสองปีที่แล้ว สินสมุทรเจ้านายของเขากลับจากต่างประเทศ เข้ามานั่งที่ทำงาน ไม่นานก็ได้ยินเสียงดังโครมครามมาจากข้างในห้อง ตอนนั้นเขาคิดว่าอาการป่วยของเจ้านายคงกำเริบจึงรีบเข้าไปดู แต่...ห้องทำงานที่เคยเป็นระเบียบ กลับเละจนจำไม่ได้ ข้าวของเครื่องใช้แตกละเอียดไม่มีชิ้นดี สุริยันทำตัวไม่ถูกยืนช็อคอยู่นาน ก่อนจะรีบไปแจ้งภาวิน กว่าทุกอย่างจะสงบลงได้ เลขาอย่างเขาก็อกสั่นขวัญแขวน หลังจากวันนั้น สินสมุทรก็เปลี่ยนไป จากคนเงียบก็กลายเป็นคนโมโหร้าย เด็ดขาด คำไหนคำนั้น ดุ น่ากลัว จนไม่มีใครกล้าเข้าหน้า มีเพียงภาวิน ท่านประธานเท่านั้น ที่สินสมุทรจะรับฟัง แต่ถ้าอะไรที่เจ้านายของเขาตั้งใจทำแล้ว ก็ไม่เคยมีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้ แม้แต่คุณอินทุอร         หลังจากวันนั้น อัญญาก็ไม่ได้เจอสินสมุทรอีก ส่วนเรื่องโครงการสำคัญก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เธอเป็นหนึ่งในทีม และได้รับมอบหมายให้คอยดูแลเรื่องเบิกจ่ายเงินและลงบัญชี เธอก็เต็มที่กับงาน ทุกกลางสัปดาห์จะมีการประชุมทีมงาน เพื่อติดตามความก้าวหน้า และการใช้เงิน แต่ไม่เคยเจอตัวเจ้าของโปรเจคสักครั้ง มีเพียงสุริยันที่ถ่ายทอดคำสั่งของเจ้านาย         อัญญาคิดว่าดีแล้วที่เธอไม่ได้เจอกับเขา จะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากันบ่อย เพราะยิ่งเห็นก็ยิ่งพานทำให้เธอคิดถึงนทีมากขึ้นอีก ฉะนั้นยิ่งห่างกันก็ยิ่งเป็นผลดีกับเธอ         “กลับมาแล้วค่ะ” อัญญาเปิดประตูบ้านเข้าไป แต่บ้านกลับเงียบผิดปกติเหมือนไม่มีคนอยู่         “แม่คะ...แม่ ทำกับข้าวอยู่หรือเปล่าเอ่ย”         เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เธอจึงเดินเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปตามหาสาวิตรี หาในห้องครัว เลยไปจนถึงหลังบ้าน ก็ไม่เจอ จึงเดินวกกลับเข้ามาในบ้าน และเข้าไปดูที่ห้องนอน         “แม่!!”         อัญญาร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสาวิตรีนอนแน่นิ่งอยู่ในห้องน้ำ หญิงสาวรีบก้มลงไปจับตัวแม่ เนื้อตัวยังอุ่นดี แล้วแม่ของเธอเป็นอะไร “แม่คะ แม่ ได้ยินอัญมั้ย” เธอพยามเขย่าตัวแม่เบา ๆ แต่เมื่อเห็นว่าสาวิตรีไม่ได้สติก็ยิ่งทำให้เธอใจเสีย ร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นตกใจ ทำตัวไม่ถูก ก่อนจะคิดได้และรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์โทรเรียกรถพยาบาล “อัญ แม่เป็นไงบ้าง” “ยัยกุล” อัญญาร้องไห้โฮออกมาเมื่อเจอหน้าเพื่อน กุลจิราหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้ข้างเพื่อน ยื่นมือไปจับอัญญา “แม่ไม่เป็นไรหรอก ถึงมือหมอแล้ว” กุลจิราเอ่ยปลอบเพื่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายใบหน้าซีดขาว ดวงตาแดงก่ำ “แต่แม่เข้าไปตั้งนานแล้วนะ ยังไม่ออกมาเลย..ยัยกุล...ฉันกลัว” “แกอย่าคิดมากสิ แม่อาจจะแค่เป็นลมก็ได้ แกบอกเองนี่ว่าเจอแม่หมดสติ แล้วแม่ก็แข็งแรงดี ไม่เป็นไรหรอก” สายตาของอัญญาจ้องมองประตูหน้าห้องฉุกเฉิน ในใจภาวนาขอให้สาวิตรีอย่าเป็นอะไร ชีวิตนี้พวกเธอเหลือกันแค่สองแม่ลูกเท่านั้น ญาติพี่น้องก็ไม่มี ตั้งแต่พินิจถูกดำเนินคดีเรื่องยาเสพติด ญาติพี่น้องที่มีก็เมินหน้าหนี ไม่มีใครอยากยุ่งกับพวกเธอ จะไปขอร้องใคร ก็ไม่มีคนให้ความช่วยเหลือ จนพินิจเสียไป พวกเธอจึงเหลือกันแค่สองคนไร้ญาติขาดมิตรโดยสิ้นเชิง “ญาติคนไข้สาวิตรีครับ” อัญญาทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนทันที เมื่อได้ยินเสียงหมอเรียกหาญาติคนไข้ “ค่ะ คุณหมอ” “อาการของคนไข้ หมอตรวจแบบละเอียดด้วยเครื่องซีทีสแกนแล้วนะครับ เราพบเนื้องอกในสมองของคนไข้ ทำให้คนไข้เกิดอาการเป็นลมหมดสติแบบเฉียบพลัน ไม่ทราบว่าที่ผ่านมาคนไข้บ่นปวดหัวมานานแค่ไหน” “เนื้องอกในสมอง!!” อัญญาตกใจจนหน้าซีด ใจหวิวๆ เหมือนจะเป็นลม ดีที่กุลจิราคว้าแขนเธอไว้ทัน “เอ่อ...อัญเพิ่งกลับมาอยู่กับแม่ค่ะ เลยไม่รู้ว่าที่ผ่านมาแม่มีอาการปวดหัวบ่อยแค่ไหน แล้ว...แม่อัญจะหายมั้ยคะ แม่จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมมั้ยคะ” “หมอแนะนำให้รีบรักษา ด้วยวิธีการผ่าตัด เพราะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถผ่าตัดได้ แต่ถ้าปล่อยไว้นานอาจจะทำให้เนื้องอกโตมากกว่านี้ และอาจจะมีผลกับเนื้อสมองส่วนอื่น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม