บทที่ 2 – เธอกับแม่เธอแพศยาพอกัน 2

1233 คำ
พรปวีณ์เดินเข้ามาในห้องทำงานของท่านประธานคนใหม่ของบริษัท และเธอก็รู้ว่าชายหนุ่มคือลูกชายคนเดียวของคุณลุงเวทิตของตัวเอง พอเข้ามาในห้องก็ยกมือไหว้อย่างเคารพ ก่อนจะยืนนิ่งก้มหน้ามองเท้าตัวเองไม่กล้าดึงลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับชายหนุ่มออกมานั่งด้วยอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าอ่านเอกสารตรงหน้า ไม่คิดจะเงยหน้ามาเอ่ยรับไหว้จากตนเอง เงียบ! วทันยูยังคงนิ่งเงียบก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้า ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาสนใจคนที่เข้ามาใหม่ เขายกยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมปิดแฟ้มเอกสารแล้วโยนแฟ้มเอกสารที่เพิ่งอ่านไปตรงหน้า “เธอเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทนี้ถึงได้มีหุ้นส่วนในนี้ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์พรปวีณ์” น้ำเสียงห้วนแข็งกระด้างดังขึ้นทำให้สาวน้อยสะดุ้งตัวสั่นเทาหวาดกลัว ยิ่งสายตาทมิฬที่จ้องมาทางตนจนเธอต้องก้มหน้ามองเท้าตัวเองอีกครั้ง ส่วนวทันยูก็เปิดลิ้นชักออกมาหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนและไฟแช็กออกมาต่อบุหรี่ดูดอย่างไม่สนใจว่าจะมีใครอยู่ในนี้ด้วย “อ่า...ฉันถามไม่ได้ยินรึไงพรปวีณ์ เธอเป็นอะไรกับเจ้าสัวเวทิต ทำไมถึงมีหุ้นส่วน” เมื่อปล่อยพ่นควันบุหรี่ออกมา เขาก็เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง และพรปวีณ์ก็รีบยกมือปิดจมูกเมื่อได้กลิ่นบุหรี่ที่ชายนุ่มดูดลอยไปทั่วห้องทำงาน “ฉะ...ฉันไม่รู้ค่ะ และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองมีหุ้นส่วนในบริษัทนี้” เธอตอบเสียงสั่นพร้อมกับกลั้นลมหายใจตัวเอง กลัวเหลือเกิน ทำไมวทันยูไม่ใจดี อ่อนโยนเหมือนเจ้าสัวเวทิตเลยนะ ทำไมเขาน่ากลัวแบบนี้ “ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ หล่อนกับแม่ของหล่อนมันก็แพศยาพอกันนั่นแหละ” เขาทิ้งบดขยี้บุหรี่ในมือลงกับที่เขี่ยก้นบุหรี่จนไฟมอดดับ ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาหยุดอยู่ข้างสาวน้อยที่ยืนตัวสั่น พรปวีณ์กัดเม้มปากแน่นเมื่อถูกท่านประธานคนใหม่ที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกพูดจาลามปามไปถึงแม่ของตัวเอง เธอก็เงยหน้าขึ้นสบตาของเขาทันที ไม่สนใจว่าสายตาของชายหนุ่มจะน่ากลัวมากเพียงไร แล้วก็ยกมือน้อยสั่นเทาตวัดใส่หน้าของคนตัวสูงทันที เผียะ! “อย่ามาลามปามถึงแม่ฉัน คุณวทันยู!” เผียะ! โอ๊ย! วทันยูกัดกรามแน่นตวัดมือตบสาวน้อยคืนอย่างไม่อดทนเช่นกัน แล้วหล่อนและแม่ของหล่อนกล้าดียังไงมาทำร้ายแม่ของเขากัน เขาไม่สนใจว่าเธอจะเป็นผู้หญิง สำหรับพรปวีณ์และแม่ของเธอแล้วนั้นเขาทำได้มากกว่านี้อีก “แล้วเธอและแม่ของเธอล่ะ กล้าดียังไงมาทำให้แม่ฉันตายจากฉันไป สารเลว!” วทันยูตะโกนใส่หน้าของคนที่เพิ่งหันกลับมามองตัวเอง เขามองเห็นรอยปื้นแดงที่แก้มนวล เขารู้ดีว่าเธอเจ็บแม้เขาจะตบไม่แรงก็ตาม แต่แรงของผู้ชายและผู้หญิงต่างกัน “คุณพูดอะไรของคุณ ฉันไม่เข้าใจ และคุณตบฉันทำไมคุณวทันยู” เธอส่ายหน้าไปมาอย่างหวาดกลัว เพราะไม่คิดว่าผู้ชายตัวโตจะตบตัวเองกลับ ดวงตาที่สดใสร่าเริงบัดนี้เต็มไปด้วยน้ำตาที่อาบคลอล้นดวงตาและไหลอาบแก้มนวลของเธอจนต้องยกมือขึ้นปาดเช็ดทิ้ง “ไม่เข้าใจก็ไปถามแม่ของเธอสิพรปวีณ์ และไปถามเจ้าสัวเวทิตด้วยว่าทำไมฉันถึงตบหน้าเธอ และที่ฉันพูดและตบเธอมันน้อยไปด้วยซ้ำ ใจฉันอยากบีบคอเธอให้ตายตกตามแม่ฉันไป แต่มันไม่สะใจพอ เพราะเธอต้องตายทั้งเป็นเด็กน้อย” เขายกมือขึ้นมาบีบคางเล็กสวยเต็มแรง โกรธจนหน้าเธอบิดเบ้ด้วยความเจ็บ มือเล็กพยายามตีและปัดมือใหญ่ที่บีบคางตัวเองออก แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อเขาจับล็อกคางเธอแน่น “ปะ...ปล่อย ฉันเจ็บ!” กว่าเธอจะเอ่ยออกมาจบประโยคก็ยากลำบากเหลือเกินเมื่อคางถูกบีบแน่นจนทำให้พูดไม่สะดวก “หึ! มันยังน้อยไป เจ็บทางกายไม่สู้ทางใจที่ฉันเจอมาตลอดชีวิต เธอมันก็เหมือนแม่เธอนั่นแหละพรปวีณ์ สารเลว!” แล้วเขาก็ผลักเธอจนเสียหลักล้มลงกระแทกพื้น วทันยูเหยียดยิ้มมองร่างเล็กที่กำลังพยายามดันตัวเองลุกขึ้นยืน เขาจึงยกเท้าตัวเองไปเหยียบมือเล็กที่เท้ายันพื้นแล้วบดขยี้เท้ากับมือของสาวเจ้า “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีความแค้นอะไรกับฉันและแม่ของฉัน แต่คุณจะมาว่าฉันและแม่ฉันเลวแบบนี้ไม่ได้ เพราะคนที่เลวจริงๆ คือคุณต่างหากคุณวทันยู!” แม้จะเจ็บที่เขาใช้เท้าเหยียบขยี้มือตัวเอง แต่ก็ยังโกรธอยู่จึงไม่สนใจความเจ็บที่หลังมือของตัวเองตะโกนต่อว่าเขากลับ ด้านวทันยูเมื่อโดนสาวน้อยต่อว่ากลับก็ยกเท้าออกจากหลังมือเล็กทันที “อย่ามากล่าวหาฉัน คนที่เลวคือแม่ของเธอต่างหาก แม่ของเธอมันก็แค่ผู้หญิงแพศยาแย่งผัวคนอื่น ออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้ อย่าคิดว่ามีหุ้นส่วนที่นี่แล้วจะทำงานที่นี่ได้ เก็บข้าวของของเธอออกไปจากบริษัทนี้ซะ ไสหัวไป!” ด้วยความเดือดจัดทำให้วทันยูทนไม่ไหวจึงตะโกนไล่พรปวีณ์ หากหล่อนยังอยู่ที่นี่ เขาได้บีบคอหรือไม่ก็ตบหล่อนตายคามือแน่นอน “ไสหัวไปถ้าไม่อยากถูกฉันฆ่าเธอตายที่นี่” เขาเอ่ยย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเหี้ยมและดังกว่าเดิม “คุณมันเลว! ไม่มีใครไล่ฉันออกไปจากบริษัทนี้ได้นอกจากคุณลุงเวทิต เพราะคุณลุงเป็นคนพาฉันมาทำงานที่นี่” “ลองดูไหมล่ะว่าเจ้าสัวเวทิตจะช่วยเธอได้ไหม และหุ้นของเธอก็อย่าหวังว่าจะได้ เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ในสมบัติพวกนี้ ออกไป!” เขาเอ่ยไล่ครั้งที่สามพร้อมย่อตัวฉุดกระชากเธอลุกขึ้นแล้วลากออกไปโยนนอกห้อง “โอ๊ย! ฉันจะไปฟ้องคุณลุงเวทิตว่าคุณทำร้ายฉัน” เมื่อถูกผลักออกมานอกห้อง เธอก็เอ่ยขู่เขาด้วยคิดว่าเขาจะเกรงกลัวเจ้าสัวเวทิต พ่อของเขาบ้าง “ไปฟ้องเลย เชิญขี่ม้าสามศอกไปฟ้องเจ้าสัวเวทิตของเธอเลยพรปวีณ์ และคิดเหรอว่าคนพิการอย่างเขาจะช่วยเธอได้ สมเพชว่ะ! ปัง!” เขายิ้มเยาะแล้วกระแทกประตูห้องทำงานปิดใส่หน้าหญิงสาวทันที ส่วนพรปวีณ์ก็ได้แต่ยืนกัดฟันยกมือปาดเช็ดน้ำตาตัวเองออกจากแก้มนวลแล้วเดินจากไป ไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีใครกำราบผู้ชายใจทรามคนนี้ได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม