วันแรกที่ก้าวเท้ามาเหยียบอาณาจักรของเจ้าสัวเวทิต วทันยูก็จัดการเปลี่ยนย้ายทีมผู้บริหารจัดการแต่ละแผนกทันที โดยได้นำคนของตัวเองเข้ามาควบคุม ไม่สนใจว่าคนเก่าคนแก่จะไม่พอใจ เพราะนี่มันคือสิทธิ์ของเขา และเจ้าสัวเวทิตก็ไม่มีสิทธิ์เสียงอีกต่อไป เมื่อตอนนี้เขาคือผู้บริหารและหุ้นส่วนทั้งหมดก็เป็นของเขา
“ใครไม่พอใจก็ไล่ออกไปสมควร” เขาบอกสมควรที่เดินนำเอกสารสำคัญเข้ามาให้เขาในห้องทำงาน วันแรกที่เขาเข้ามาต่างได้ยินเสียงคนพูดถึงเขาด้วยความหวาดเกรง นั่นแหละคือสิ่งที่เขาต้องการ
“เรียบร้อยแล้วไอ้ยู ใครไม่พอใจกูจัดการไล่ออกไปเรียบร้อยและคนเก่าๆ ของเจ้าสัวเวทิต กูก็จัดการให้ออกไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานที่บ้านแล้ว”
“หึหึ...ค่อยรื่นหูหน่อย จำไว้เวลาอยู่ด้วยกันไม่ต้องเรียกกูดีนักไอ้สมควร งานทางนี้กูจะจัดการเอง มึงกลับไปดูแลงานที่จันทบุรีเถอะ ทางนั้นก็ยุ่งไม่น้อย”
“แล้วใครจะอยู่ช่วยมึงที่นี่ล่ะ” สมควรถามอย่างไม่เข้าใจ ปกติเขาและวทันยูทำงานด้วยกันมาตลอด
“กูได้เลือกคนช่วยงานไว้แล้ว มึงกลับไปเถอะ กูจะอ่านเอกสารพวกนี้สักหน่อย”
“มึงไม่ได้คิดจะทำอะไรใช่ไหมไอ้ยู”
“มึงเนี่ยนะสมควร รู้จักกูดีทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอก กูไม่ฆ่าใครหรอก เพราะกูไม่อยากติดคุก”
“แน่ใจนะ”
“อือ...ไปเถอะ อ้อ...ก่อนจะไปมึงไปตามพรปวีณ์มาพบกูด้วยล่ะ เด็กนั่นมีหุ้นส่วนที่นี่ตั้งสิบห้าเปอร์เซ็นต์...หึหึ ถ้ากูไม่เข้ามาบริหารอีกหน่อยคงเป็นหุ้นส่วนใหญ่สินะ เจ้าสัวเวทิตหลงสองแม่ลูกนั่นจะตายไป”
“อย่ารังแกเด็กมันมากนักล่ะ สงสารว่ะ”
“สู่รู้ ไปจัดการตามหล่อนมาได้แล้ว และมึงก็กลับจันทบุรีได้แล้ว บอกนมอิ่มด้วยว่ากูจะอยู่ที่กรุงเทพสักพักจนกว่างานที่นี่จะเข้าที่เข้าทาง”
“อืม...จัดให้ไอ้เพื่อน” แล้วสมควรก็เดินยกยิ้มมุมปากจากไป ส่วนเจ้าของห้องก็อ่านประวัติของพรปวีณ์อีกครั้ง แม้จะอ่านประวัติของหญิงสาวหลายครั้งแล้วก็ตาม และยิ่งเห็นชื่อของเธอเป็นผู้ถือหุ้นยิ่งเกลียดหล่อนและแม่ของหล่อนมากยิ่งขึ้น
“แพศยาทั้งแม่และลูก สารเลว! ฉันไม่มีความสุขอย่าหวังว่าพวกแกจะมีความสุข เพราะพวกแกทำให้แม่ฉันต้องตรอมใจตาย ทำให้ท่านไม่ได้อยู่กับกู”