ประมวลเก็บรถเข็นไว้หลังรถแล้วขึ้นไปนั่งกับนายตัวเองแล้วปิดประตูและรถก็ถูกบังคับออกตัวไปทันที ส่วนนมอิ่มก็เดินกลับเข้าไปในบ้านเมื่อส่งแขกเสร็จ
‘ยู พะ...พ่อมารึยังลูก” เสียงแหบแห้งของคนป่วยบนเตียง ปากซีดเซียว หน้าซีดเซียวกว่าจะเอ่ยจบประโยคได้ก็ลำบากเหลือเกิน
‘ยังครับแม่ ยูโทรตามพ่อแล้วนะครับ’ เด็กชายวทันยูวัย 12 ขวบเอ่ยตอบผู้เป็นมารดาที่มีเครื่องช่วยหายใจให้ความช่วยเหลือประคองชีวิตในตอนนี้พร้อมจับมือนุ่มนิ่มของท่านมาแนบแก้มตัวเองทั้งน้ำตา จริงๆ หนุ่มน้อยไม่ได้โทรไปตามพ่อ เพราะเมื่อเช้าก่อนจะออกมามีผู้หญิงมาหาพ่อและท่านก็ออกไปพร้อมกับหล่อนคนนั้นจนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาบ้าน เขาโทรไปถามนมอิ่มก็บอกว่าพ่อของเขายังไม่กลับมา และเขาจำภาพของผู้หญิงคนนั้นได้ดี หล่อนวิ่งมาสวมกอดพ่อของเขา พ่อของเขาก็โอบกอดตอบกลับแนบแน่นแล้วพากันออกไปข้างนอก ทั้งๆ ที่มารดาของเขาป่วยหนักที่โรงพยาบาล และรู้ดีว่าที่ท่านเป็นแบบนี้เพราะใคร เพราะพ่อกับหญิงแพศยาคนนั้นท่านถึงทรุดหนัก
‘ยู...ตะ...ตามพ่อให้แม่หน่อยลูก แม่อยากเจอพะ...พ่อของลูก อึก! อื้อ” นางหายใจติดขัด ปกติสุรีย์มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว นางป่วยเป็นโรคหัวใจรั่วมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งมาเจอสามีและจำปาไปมาหาสู่กันติดต่อกัน นางก็ยิ่งเจ็บปวด เมื่อตามไปเจอทั้งคู่อยู่ด้วยกันที่บ้านของอีกฝ่าย และภาพที่เห็นวันนั้นคือเจ้าสัวเวทิตโอบกอดกับจำปา ทั้งๆ ที่สามีของจำปานั้นเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าสัวเวทิต สามีของตนเอง และสามีของจำปาก็จากไปด้วยอุบัติเหตุ จากไปได้ไม่นาน สามีนางก็เหมือนจะดูแลใส่ใจจำปาและลูกน้อยที่อายุยังไม่ถึงขวบของนางมากกว่าที่เพื่อนจะดูแลกัน
‘ครับแม่ ยูจะโทรตามพ่อให้แม่นะครับ’ วทันยูเอ่ยรับปากแล้วปล่อยมือแม่จะออกไปโทรศัพท์หาพ่อนอกห้อง แต่แล้วมือแม่ที่กำลังจะปล่อยก็กำมือของหนุ่มน้อยไว้แน่นจนเขาต้องนั่งลงเหมือนเดิมแล้วหันมาเอ่ยกับท่านว่า...
‘ยูไม่ไปแล้วครับแม่ แม่รีอยากให้ยูอยู่ข้างๆ ใช่ไหมครับ’ หนุ่มน้อยบีบกุมมือของแม่แน่นพร้อมกับแนบแก้มไปกับหลังมือของท่าน
‘อยู่กะ...กับแม่ อึก!’ นางรู้ว่าตอนนี้นางฝืนตัวเองไม่ไหวแล้ว ลมหายใจเริ่มจะหมดลงทุกที
‘ครับแม่ ยูจะอยู่กับแม่ แม่ต้องอยู่กับยูนะครับ แม่...อึก!’ หนูน้อยเอ่ยเสียงสั่นเครือเจ็บปวดสงสารแม่ที่หายใจรวยรินทุกที
‘มะ...ไม่ไหวแล้ว แม่รักยูนะลูก อื้อ...อึก!’ นางยกแขนอีกข้างที่ไม่ได้จับกุมกับมือลูกชายมาลูบแก้มของลูกชาย ก่อนที่มือจะร่วงหล่นจากแก้มพร้อมกับสัญญาณชีพของนางดับสูญไปตลอดกาล
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!
“แม่! อย่าทิ้งยูไป อึก! ฮือๆๆๆๆ อยู่กับผมก่อน ตื่นขึ้นมาคุยกับผมก่อนแม่ ฮือๆๆๆ’ เด็กชายวทันยูร้องไห้พร้อมตะโกนเรียกแม่และเขย่าปลุกท่านให้ตื่นมาพูดคุยกับตัวเองเหมือนเดิมและหมอพยาบาลก็ต่างพากันวิ่งเข้ามาในห้อง
นั่นคือความทรงจำที่เจ็บปวดและฝังอยู่ในใจเขาตั้งแต่วัย 12 ขวบ ภาพของแม่ที่จากไปไม่มีวันกลับมันคอยย้ำเตือนความชั่วของเจ้าสัวเวทิตกับจำปาได้ดี และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะแก้แค้นพวกทรยศนั่น พวกที่ทำให้มารดาที่เป็นที่รักยิ่งของเขาจากไปไม่มีวันหวนกลับ