ซุนป๋อเหวินลมหายใจหอบกระชั้นก่อนจะอ้าปากกลืนกินยอดอกสีชมพูที่เริ่มแข็งตัวชูชันเข้าปากแล้วดูดดึงเบา ๆ ทั้งใช้ลิ้นเกี่ยวกระหวัดตวัดรัดผลอิงเถาไปมาช้า ๆ
ความร้อนชื้นจากปลายลิ้นที่ไล้เลียทำให้หลิวอี้เฟยบังเกิดความรู้สึกประหลาด นางทั้งร้อนรุ่มและคล้ายจะมึนเมาร่างกายอ่อนระทวยปล่อยให้เขาสัมผัสโดยไม่อาจขัดขืนได้อีกต่อไป
"อ้ะ ตรงนี้...อืม"
เสียงครางหวานแผ่วประดุจยากระตุ้นที่ทำให้ไฟปรารถนาในตัวของซุนป๋อเหวินให้ลุกโชน ปากของเขาอ้ากว้างยิ่งขึ้นดูดเนื้อขาวนวลเข้าปากจนเต็มคำ กระนั้นก็ยังมีส่วนเนื้อที่ล้นออกมา
ร่างงามสะดุ้งเฮือก ความรู้สึกเสียวซ่านบังเกิดทั่วสรรพางค์กาย ยิ่งในยามที่ลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวพัวพันทั้งปากและฟันขบกัดเข้าไปบนผลอิงเถา ยิ่งทำให้หลิวอี้เฟยรู้สึกราวกับตนเองกำลังถูกกรอกสุรา รู้สึกล่องลอยและมึนเมาเป็นอย่างยิ่ง
ใบหน้าของนางเห่อร้อน ความรู้สึกวาบหวิวแปลกใหม่นี้ทำให้นางเหมือนประหลาดใจทั้งละอาย กระนั้นก็ไม่อาจหยุดยั้งเอาไว้ได้แล้ว ด้วยบุรุษหนุ่มผู้นี้กำลังปลุกเร้าอย่างหื่นกระหาย
สองขาเรียวเหยียดเกร็ง สะโพกของนางขยับไปมาส่วนลี้ลับของร่างกายชุ่มชื้นด้วยของเหลวใสที่ไหลออกมา นางเด้งถันรับลิ้นของเขาอย่างลืมตัว รู้สึกว่าบัดนี้หน้าอกของนางชูชันตอบรับริมฝีปากและปลายลิ้นอย่างน่าละอาย
ริมฝีปากเล็กส่งเสียงครางไม่หยุด ด้วยความร้อนรุ่มที่ค่อย ๆ เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ฝ่ามือหนาลูบไล้กอบกุมเต้าอีกข้าง สลับกับริมฝีปากที่ดูดเลียไปมา
ร่างกายที่หอมหวานนุ่มนิ่มนี้ทำให้เขาหลงใหล มือหนาค่อย ๆ ลูบไล้ไต่ลงเบื้องล่างต้องการสัมผัสความเนียนนุ่มของกายสาว ส่วนลี้ลับที่สุดในร่างกายของนาง
หัวใจของนางเต้นระรัวสองขาหุบเข้าหากันทันใด เสียงหวานสั่นระริกเอ่ยด้วยความขลาดเขลา
"ท่านจะทำสิ่งใด อ้ะ...อย่า...จับไม่ได้...ห้าม...จะ...."
ริมฝีปากเล็กถูกประกบเอาไว้ไม่ให้นางเปล่งเสียงทัดทานได้อีกต่อไป หลิวอี้เฟยหลับตาปล่อยให้ตัวเองล่องลอยไปกับสัมผัสของเขาด้วยความจำยอม
นางเปล่งเสียงครางในลำคอด้วยความเสียวซ่านอย่างรุนแรงเมื่อนิ้วของเขาสัมผัสกับความอุ่นชื้น
จุมพิตของซุนป๋อเหวินหนักหน่วงยิ่งขึ้น ลิ้นหนาควานกวาดดูดกลืนความนุ่มเนียนภายในโพรงปากด้วยความรู้สึกหิวกระหาย
นิ้วของเขาค่อย ๆ ไต่สัมผัสเนื้อเนินนูนกลางร่างของนางอย่างช้า ๆ อารมณ์ดิบของเขาพัดโหมกระหน่ำราวกับพายุ
ลมหายใจของซุนป๋อเหวินหอบกระเส่าชิดริมฝีปาก นิ้วเรียวค่อย ๆ บดขยี้กลีบเนื้ออ่อนนุ่มแล้วงอนิ้วเกาะเกี่ยวเป็นจังหวะ
เขารุกรานนางทั้งบนทั้งล่างอย่างรุนแรง ปลายถันถูกดูดกลืนครอบครองลิ้นเลียสลับเต้าไปมาทั้งยังใช้ฟันครูดเนื้อนวลเบา ๆ กระตุ้นความรู้สึก ในขณะที่มืออีกข้างบีบเคล้นหน้าอกอวบอิ่ม ด้านล่างก็ถูกเขาใช้ปลายนิ้วบดขยี้กระตุกรุกเร้า
"อ้า ท่าน...ซุนป๋อเหวิน...อ้า..."
หลิวอี้เฟยสะดุ้งเฮือกความเสียววิ่งพล่านไปทั่วทั้งกายรู้สึกเสียวทั่วท้องน้อย
บัดนี้ซุนป๋อเหวินไม่อาจทนไหว เขาขยับมือปลดอาภรณ์ของตนเองอย่างรวดเร็ว ยามนั้นเองที่เขาทำในสิ่งที่หลิวอี้เฟยอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
สองขาของนางถูกจับแยกออกจนกว้าง ศีรษะที่มีผมสีดำสนิทของเขากำลังซุกอยู่ที่หว่างขาเรียว
ใบหน้าของซุนป๋อเหวินซุกเข้าไปตรงนั้นเพียงได้กลิ่นกายสาวซุนป๋อเหวินพลันลำคอแห้งผาก
ชั่วเวลานั้นเองที่หลิวอี้เฟยขยับหนีด้วยความอับอายปากของนางร้องเสียงหลงทั้งพยายามหุบขา
"ไม่นะ ท่านอย่าทำเช่นนี้ ข้า อ๊ะ อย่า...อื้อ...ซุนป๋อเหวินท่านอย่า..."
ร่างเล็กประเดี๋ยวถดหนี ประเดี๋ยวแอ่นหยัดกายสู้ศึก ทั้ง ๆ ที่ปากร้องให้เขาปล่อยแต่ก็อดครางด้วยความรู้สึกเสียวซ่านแปลบแรงไม่ได้
"ซุนป๋อเหวิน ทะ ท่าน อื้อ ซี้ด สะ...เสียว...ข้า...อ้ะ...ไม่ไหวแล้ว...ข้าเสียว"
ร่างระหงถูกมือแข็งตรึงเอาไว้ไม่ให้ขยับ เขายังตบแก้มก้นงามงอนของนางเบา ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง หลิวอี้เฟยยามนี้หน้าท้องแขม่วลึก เต้าถันชูชันเต่งตึงยั่วยวน
น้ำเสียงแหบพร่ายังเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกขบขัน
"สิบเอ็ดของข้า ทั้งครางทั้งถอยหนีเช่นนี้จะให้ข้าเข้าใจว่าอย่างไรกัน"
"ขะ...ข้า...ไม่....เอา...แล้ว"
นางหอบกระเส่าพร้อมกับเอ่ยปฏิเสธเพราะหลังจากเขาเงยหน้าขึ้นมากล่าวจบก็ฟุบใบหน้าลงไปปักลิ้นเลียรักไปทั่วทั้งพูกลีบเนื้อหอมหวาน
ความรู้สึกเสียวรุนแรงเช่นนี้ทำให้ขาของนางสั่นระริก แม้ใจจะอยากหนีแต่ร่างกายกลับทรยศนางรู้สึกว่าตนเองแพ้แล้ว บัดนี้ร่างกายนี้กำลังถูกเขาควบคุม ไม่ว่าใจต่อต้านแต่นางกลับแอ่นหยัดกายให้เขากลืนกิน
ลิ้นของเขาไล้ลึกไปจนทั่ว ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งหลงใหลส่วนนี้ของนางดียิ่งนัก เขามิใช่จะยินยอมสัมผัสผู้ใดได้โดยง่าย ทว่าเมื่อเป็นหลิวอี้เฟยผู้นี้กลับทำให้เขาบังเกิดอาการกระหายอยากลิ้มลอง
ไม่ว่าส่วนใดในร่างกายนี้ล้วนบริสุทธิ์ผุดผ่อง องค์หญิงสิบเอ็ดที่เป็นเช่นนี้ทำให้ซุนป๋อเหวินเกิดความกังวล นางจะใช้ชีวิตในต่างแดนและเอาตัวรอดได้อย่างไร
ลิ้นของเขายังทำหน้าที่ไม่หยุด เขาตวัดลิ้นเลียไปทั่วกลีบสาว จากนั้นจึงแหย่ชอนไชเข้าไปในร่องหลืบแห่งรัก สัมผัสน้ำหวานที่หลั่งรินออกมาไม่หยุดอย่างเอร็ดอร่อย
หลิวอี้เฟยรู้สึกว่าตนเองกำลังล่องลอยสู่สวรรค์ เท้าของนางจิกเข้ากับที่นอน มือเรียวจับขาสองข้างของนางให้ตั้งขึ้น โน้มหน้าลงแลบลิ้นตวัดเลียอย่างลึกซึ้ง ในลำคอส่งเสียงครางพึงพอใจ
และแล้วหลิวอี้เฟยรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังจะปริแตก เนื้อหนังสั่นระริกรุนแรง นางไม่อาจหักห้ามอารมณ์หวามสองมือกดศีรษะของเขาให้แนบชิดกลีบสาวอย่างไม่รู้ว่าตนเองควรวางมือที่ใด
"ข้า....อ้า...ข้ากำลังจะฉี่ราดแล้ว อ้ะ ข้า ต้องทำอย่างไร"
นี่คือความเข้าใจของนางเมื่อใกล้จะถึงจุดสุขสม
ซุนป๋อเหวินหัวเราะในลำคอ นางช่างเปรียบเปรยความรู้สึกนี้ได้อย่างน่าขบขัน
เขาเงยใบหน้าขึ้นมาแล้วขยับลำตัวมาทาบทับ จุมพิตที่ริมฝีปากเล็กทั้งมือยังลูบศีรษะกลมมนเบาอย่างอ่อนโยน
"สิ่งนี้เรียกว่าใกล้สุขสม มิใช่ปวดฉี่ สิบเอ็ดของข้าช่างไร้เดียงสายิ่ง"
นางมองเขาอย่างมึนงง หลังจากที่เขาเลิกใช้ลิ้นกลืนกินนางกลับรู้สึกว่าต้องการ อยากให้เขากลับไปทำสิ่งนั้นอีก นางกำลังบ้าไปแล้ว
สายตาเว้าวอนนั้นเปิดเผยอย่างชัดเจนว่านางกำลังต้องการสิ่งใด ซุนป๋อเหวินอมยิ้มกัดริมฝีปากของนางแผ่วเบา
"สิบเอ็ดครั้งแรกไม่ได้งดงามเท่าไหร่ แต่ครั้งต่อไปจะดียิ่ง"
"ท่านหมายความว่าอย่างไร"
หลิวอี้เฟยหอบหายใจถี่ บางสิ่งบางอย่างที่แข็งแกร่งกำลังบดเบียดกลีบเนื้อของนางอยู่ สัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นทั้งใหญ่และอวบยาวเป็นอย่างยิ่ง ทั้งในยามที่เขากดลงมาแล้ววนสะโพกเบา ๆ สร้างความเสียวซ่านรุนแรงให้กับหลิวอี้เฟยเป็นอย่างยิ่ง
ใบหน้าหล่อเหลายังคลอเคลียที่ริมฝีปาก เขากัดปลายจมูกโด่งเบา ๆ อย่างเอ็นดูเมื่อนางยังเบิกดวงตากว้างขึ้น
"หมายความเช่นนี้"
หลิวอี้เฟยรู้สึกได้ทันทีว่าบัดนี้มีบางสิ่งบางอย่างพยายามรุกล้ำเข้ามาในร่างกายของนาง ของสิ่งนั้นทั้งใหญ่และยาวเป็นอย่างยิ่งและนางแน่ใจว่าเป็นสิ่งที่บดเบียดเนื้อสาวของนางเมื่อสักครู่
นางกัดฟันแน่น คงเพราะเป็นสตรีร่างเล็กเมื่อถูกถาโถมเข้ามาเช่นนี้ก็รู้สึกว่าตนเองรับไม่ไหว รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกำลังถูกดาบใหญ่ทิ่มแทงจนจะทะลุไปด้านหลัง หลิวอี้เฟยร้องไห้อ้อนวอน
"ปล่อยข้าเถิด ท่านกำลังแทงข้าแล้ว ข้าจะตายหรือไม่"
ซุนป๋อเหวินจูบซับความกลัวที่แก้มของนางเบา ๆ เขายิ้มปลอบโยน
"นอกจากจะไม่ตายแล้วท่านยังจะเป็นสตรีที่สมบูรณ์ อย่างไรก็จะออกเรือนในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ ข้าซุนป๋อเหวินทุกวันและทุกวันต่อจากนี้ จะเป็นคนสอนบทเรียนให้ท่านเองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย สิบเอ็ดของข้าจะต้องเป็นสตรีที่เก่งกาจที่สุดในแผ่นดินเพราะได้อาจารย์ดีเช่นข้าอย่างไรเล่า"
อาจารย์ผู้นี้ช่างกล่าวคำได้อย่างหน้าไม่อายเป็นอย่างยิ่ง
หลิวอี้เฟยนอกจากจะไม่ได้ต้องการแล้วยังคิดจะถีบเขาออกจากร่าง ทว่าเวลานี้ย่อมไม่ทันกาลแล้ว เมื่อกระบี่ใหญ่เล่มนั้นแทงเข้ามาจนมิดด้าม เขายังกระทุ้งร่างของนางอีกหลายทีกระทั่งเขาเกร็งร่างปลดปล่อยเสียงครางแหบโหยออกมา