"นี่คือสิ่งใดกัน อ้ะ กะ กรี้ด! กรี้ด!"
หลังจากความรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุดผ่านไปหลิวอี้เฟยผลักร่างสูงใหญ่ออกจากกาย
ครานี้ซุนป๋อเหวินยินยอมปล่อยนางแต่โดยดี ในยามที่เขานอนหงายหอบหายใจถี่ ๆ และกำลังปรับความรู้สึกอยู่นั้นฉับพลันก็ต้องตกใจด้วยเสียงของสตรีร่างเล็กที่จู่ ๆ ก็กรีดร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
ริมฝีปากของหลิวอี้เฟยสั่นระริก นางยังรู้สึกชาที่บริเวณจุดอ่อนไหว และยังคงมีความรู้สึกจุกหน่วงที่ท้องน้อยอย่างแรง ยามนี้เมื่อเห็นว่าช่วงนั้นของนางมีของเหลวบางสิ่งไหลออกมาจึงได้ใช้นิ้วแตะดู
ภายใต้แสงเทียนสลัว หลิวอี้เฟยก็ได้ประจักษ์แก่สายตาว่าของเหลวที่นางรู้สึกนั้นยังมีสีแดงและเหนียวหนึบ หลิวอี้เฟยตกใจแทบสิ้นสติจึงได้กรีดร้องออกมาด้วยอาการลืมตัว
"ทะ ท่านคิดสังหารข้า ท่านจะฆ่าข้า กรี้ด! ท่านใช้มีดแทงข้า ซุนป๋อเหวินท่าน อึก! อึก!"
เสียงกรีดร้องของนางครานี้ไม่ได้เบาเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากหลิวอี้เฟยรู้สึกหวาดกลัวและคิดว่านางคงต้องตายแล้วเป็นแน่
ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นย้อนกลับเข้ามาในความคิด นางเห็นซุนป๋อเหวินผู้เหี้ยมโหดตวัดดาบบั่นคอขันทีใหญ่ผู้นั้นจนศีรษะกลิ้งไปตามพื้นเลือดสาดกระเซ็นไหลนอง ช่างน่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
"ขะ ข้าจะตายแล้วใช่หรือไม่"
ยิ่งคิดว่าตนเองต้องตาย ร่างกายจึงตอบสนองหวาดกลัวไปพร้อมความคิด
ความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มกระจายไปทั่วร่าง ทุกส่วนเริ่มชาดิกทั้งนางยังใช้จินตนาการคิดไปเองว่าบัดนี้เลือดกำลังไหลออกมาไม่หยุดจนเกือบจะหมดร่างตนเองแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้แน่นอนว่าชีวิตน้อย ๆ นี้กำลังเดินทางไปยังจุดสุดท้ายนั่นก็คือความตายแล้วเป็นแน่
ซุนป๋อเหวินเองก็ตกใจเป็นอย่างยิ่งที่จู่ ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น เขาจึงรีบยกมือปิดปากเล็กของนางไว้ไม่ให้นางส่งเสียงเรียกคนเข้ามาภายในเปิดโปงเรื่องของเขาและนางให้รู้กันทั้งวังหลวง
ยิ่งเขาปิดปากหลิวอี้เฟยยิ่งหวาดกลัวร่างเล็กดิ้นรนหนีเพื่อขัดขืน
"หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าจริง ๆ แน่"
หลิวอี้เฟยฟังไม่ชัดนัก นางจึงได้ยินเขาเอ่ยว่า เขาจะฆ่านางแน่ ๆ ในใจหวาดผวายิ่งพยายามกรีดร้องดิ้นรนจนสุดชีวิต
เมื่อดิ้นแรงขึ้นซุนป๋อเหวินก็ยิ่งออกแรงปิดปากของนางมากขึ้นไปด้วย เขาไม่ได้เบามือแม้แต่น้อย
ฝ่ามือนั้นแน่นหนาจนกระทั่งไม่เหลือพื้นที่ให้หายใจได้ยิ่งทำให้นางดิ้นทุรนทุรายโดยไม่รู้ตัว
"สิบเอ็ด ท่านหุบปากข้าจึงจะปล่อยเจ้า"
หลิวอี้เฟยอึกอักขาดอากาศหายใจ นางจึงไม่ได้ยินเสียงของเขาแล้ว ฝ่ามือนั้นแน่นหนาทั้งน้ำเสียงช่างอำมหิตเยือกเย็น นอกจากเขาจะแทงนางจนบาดเจ็บสาหัสแล้ว คนผู้นี้ยังคิดปิดปากนางด้วยฝ่ามือใหญ่ เขากำลังคิดสังหารนางด้วยฝ่ามือนี้แน่แล้ว
ให้ตายเถิด เป็นนางเองที่ผิดจึงคิดไว้ใจเขา สุดท้ายแล้วคนผู้นี้ก็มอบความตายให้นางจนได้
เมื่อไร้อากาศหายใจ ในที่หลิวอี้เฟยดวงตาเหลือกถลน ลมหายใจรวยรินอาการดิ้นรนรุนแรงค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสงบหางตาของนางมีน้ำใสไหลออกมา ได้แต่บอกลานางกำนัลคนสนิทอยู่ในใจ
ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตนี้ก่อนตาย นางมิได้คิดถึงบิดาที่ยังมีชีวิตอยู่ ในใจเพียงแต่คำนึงถึงสาวใช้ผู้หนึ่ง นางช่างเป็นองค์หญิงผู้อาภัพอย่างแท้จริง
นางเงียบเสียงไปแล้ว ร่างเล็กยังค่อย ๆ สงบลงจนหยุดนิ่งซุนป๋อเหวินจึงคลายของตนเองออก เขามองสตรีที่ตัวอ่อนในอ้อมแขนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"เงียบได้แล้วหรือ ไยจู่ ๆ จึงกรีดร้องราวกับผีเข้าทำให้ข้าต้องมาเปลืองแรงเพราะเจ้าเช่นนี้ด้วย"
หลิวอี้เฟยมิได้ตอบ เสียงของนางเงียบราวกับคนตาย
ซุนป๋อเหวินขมวดคิ้วมุ่น เขาเชยใบหน้าของนางขึ้นมาหลังจากพินิจดูโดยละเอียดจึงพบว่าหลิวอี้เฟยไร้สติไปแล้ว
ซุนป๋อเหวินดวงตาเบิกกว้าง นิ้วเรียวจ่อเข้าที่จมูกพบว่าลมหายใจเบาบางเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้เขาเองเพิ่งได้สติ
นี่เขาทำสิ่งใดลงไป มิใช่ว่าเป็นเขาที่อุดปากนางจนตายไปแล้วหรือ
"หลิวอี้เฟย หลิวอี้เฟย องค์หญิง องค์หญิง สิบเอ็ด องค์หญิงสิบเอ็ด แย่แล้ว"
ซุนป๋อเหวินไม่มีเวลาคิดแล้ว เขาห่อร่างของนางด้วยเสื้อคลุมของเขา สวมใส่เสื้อผ้ารวดเร็ว อุ้มหลิวอี้เฟยขึ้นมาแล้วทะยานออกจากตำหนักองค์หญิงทันใด
ดึกดื่นคืนนั้นท่ามกลางความเหน็บหนาว หมอหลวงผู้หนึ่งถูกลักพาตัวจากสำนักหมอหลวงมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อถูกปลุกให้ตื่นขึ้นก็พบว่าตนเองอยู่ในตำหนักแห่งหนึ่ง และคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าก็ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างยิ่ง
"คะ คุณชายซุน"
"ข้าเอง"
หมอหลวงมองไปรอบ ๆ ด้วยความมึนงงเขายังอยูในชุดนอนตัวใน ผมเผ้ายุ่งเหยิงทว่าเมื่อสบตาของคุณชายซุนผู้นี้ทำให้ถึงกับสะดุ้ง ตาตื่นขึ้นมาทันใด
"ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วที่นี่คือที่ไหนช่างไม่คุ้นตาเสียเลย"
หมอหลวงผู้นี้คือหมอหลวงอี้เป็นหมอหลวงประจำกายของฮ่องเต้ เขากับซุนป๋อเหวินได้พบหน้ากันเสมอจึงนับเป็นคนคุ้นเคยผู้หนึ่ง
หมอหลวงอี้แน่ใจว่าสถานที่นี้เขาไม่รู้จัก ทุกสิ่งในนี้ล้วนแปลกตายิ่งนัก
ซุนป๋อเหวินไม่พูดมาก คนที่พาตัวหมอหลวงผู้นี้มาก็คืออู๋ทง อู๋ทงจึงส่งกระเป๋ายาให้หมอหลวงอี้แล้วเอ่ยว่า
"รบกวนท่านหมอแล้ว เป็นข้าเป็นคนที่พาท่านมาเอง ที่นี่จะเป็นที่ไหนก็ช่างเถิด ที่ตามท่านมานี่ก็เพื่อต้องการให้ท่านรีบรักษาคนผู้หนึ่ง"
หมอหลวงอี้ยกมือเกาศีรษะ เมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็ได้แต่พยักหน้าแม้จะยังมึนงงสงสัย ซุนป๋อเหวินเองก็มีอาการท่าทางร้อนรนอย่างที่ไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนัก
"ท่านหมอเชิญตามข้ามา"
"ได้"
ไม่ต้องเอ่ยถามให้มากความ ซุนป๋อเหวินทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนหมอหลวงอี้ย่อมรู้ว่ามีคนสำคัญรอเขาอยู่ภายใน เขามิได้คัดค้านเดินตามซุนป๋อเหวินเข้าไปภายในห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงก็พลันรู้สึกคุ้นตา
"นะ นี่คือ คนผู้นี้"
ซุนป๋อเหวินตวัดสายตาเป็นเชิงขอร้องมองหมอหลวงแล้วเอ่ยว่า
"ก็แค่สตรีนางหนึ่ง อย่างไรก็อยากให้ท่านหมอช่วยนางด้วย"
หมอหลวงอี้กลืนน้ำลายลงคอ สตรีนางนี้จะเป็นเพียงแค่สตรีคนผู้หนึ่งได้อย่างไร ในเมื่อนางคือ องค์หญิงสิบเอ็ดผู้ที่กำลังจะถูกส่งตัวไปสมรสให้กับท่านอ๋องแห่งซีหนิง