ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
เสียงสั่นเตือนของโทรศัพท์ของนภิสาดังขึ้น เมื่อคืนกลับมาถึงห้องยังไงยังงงอยู่ แต่พอมองเห็นคนที่นอนกลิ้งอยู่ใต้เตียงก็รู้ทันทีว่าตัวเองถูกปภพหิ้วกลับมา และปภพคงเมาจนเผลอหลับไปหลังจากที่ส่งเธอไว้บนเตียง มือน้อยคลำหาโทรศัพท์ที่ดังสั่นเตือนอยู่ พอเจอสายก็ตัดไปแล้ว
“ตายแล้ว บ่ายโมงแล้วเหรอ” เธอมองดูเวลาตาโต ดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุด จึงใช้เท้าเขี่ยร่างใหญ่ของปภพที่ยังนอนหลับอยู่ใต้เตียงตัวเองให้ตื่น
“เอ็มๆ ตื่นได้แล้ว นี่บ่ายโมงแล้วนะ”
อือ
“ตื่นได้แล้ว ถ้าจะนอนก็ไปนอนห้องนายนู่น”
“อือ...เช้าแล้วเหรอหลิน” พึมพำถามพร้อมพลิกตัวคว่ำหน้านอนหลับต่อ
“บ่ายโมงแล้วเอ็ม”
“บ่ายโมง” ปภพตื่นเต็มตาทันทีแล้วดีดตัวลุกขึ้นพร้อมส่ายหัวแรงๆ ไล่ความปวดหนึบออกจากหัวตัวเอง
“ใช่...บ่ายโมงแล้ว กลับได้แล้ว แล้วนี่ไม่รู้ว่าเจเจตื่นรึยัง”
“โอเคๆ งั้นเรากลับแล้วนะหลิน เมื่อคืนเราไม่ไหวเลยเผลอหลับไปใต้เตียงเธอ ขอโทษด้วยนะ”
“อือ...ไม่เป็นไรหรอก” เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก
“อือ...งั้นเจอกันตอนเย็นนะ ขอกลับไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อน”
“ไม่ส่งล่ะ เดี๋ยวเราจะโทรกลับหาแม่ ไม่รู้แม่โทรมาทำไม”
“ได้ๆ แล้วเจเจไม่ได้กลับห้องเหรอหลิน” ใช่...ทั้งสองเพิ่งนึกได้ว่าจงกลนีไม่ได้นอนอยู่ด้วยในห้อง
“ตั้งแต่ตื่นมาก็เห็นแค่นาย ไม่เห็นเจเจเลยนะ”
“แล้วเจเจไปไหน” ปภพลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูห้องน้ำดู เพราะสองสาวพักห้องเดียวกัน
“เห็นไหมเอ็ม”
“ไม่เห็นเจเจ สงสัยจะตื่นออกไปทำธุระมั้ง งั้นเรากลับห้องแล้ว ไม่ไหวปวดหัวมากต้องหายาแก้เมากินสักหน่อย” เพราะทุกครั้งจงกลนีจะตื่นก่อนใครตลอดยามที่ไปดื่มกัน ฉะนั้นเลยไม่สงสัยว่าเมื่อคืนหล่อนไม่ได้กลับห้อง
“อือ...นายไปเถอะ เราเองก็ไม่ไหว แต่ตอนนี้ต้องโทรหาแม่ก่อน ไม่งั้นโดนดุแน่” ว่าแล้วก็กดต่อสายกลับไปยังเบอร์ที่ไม่ได้รับสายก่อนหน้านี้ทันที ส่วนปภพก็เสยผมเดินหาวออกจากห้องไปพร้อมกับปิดล็อกประตูห้องให้เจ้าของห้องเรียบร้อย
จงกลนีตื่นมาในตอนบ่าย ร่างกายของเธอยังอ่อนเพลียและปวดเมื่อย แต่เธออยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว เธอมองหาเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเก็บมาสวมใส่ให้เรียบร้อย ก่อนจะมองหากระเป๋าสะพายของตัวเอง แต่เดินหาทั่วห้องก็ไม่เจอ จึงตัดสินใจออกไปจากที่นี้ในสภาพแบบนี้ พอออกมาจากตัวตึกคอนโดหรูก็มองไปเห็นตึกของโรงพยาบาลที่อยู่ห่างจากตรงนี้ไม่ไกลเท่าไหร่นัก จึงเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ห่างไม่ไกลมารับและมาส่งตัวเองที่หอพักที่พักอยู่ และบอกเขารอข้างล่างจะขึ้นไปเอาเงินค่ารถมาให้ เมื่อจัดการกับค่ารถตัวเองเสร็จก็กลับขึ้นไปบนห้องพัก ไปตอบคำถามของเพื่อนรักที่รออยู่บนห้อง
“ไปไหนมาเจเจ แล้วทำไมยังใส่ชุดเดิม อย่าบอกนะเมื่อคืนไม่ได้กลับมานอนที่ห้อง”
“อือ...ไปนอนที่บ้านของป้าขวัญมาน่ะ” นี่เป็นเรื่องโกหกที่คิดได้ตอนอยู่ในลิฟต์
“ป้าขวัญ...ใคร? แต่เมื่อคืนเธอไปกับอาจารย์หมอนะ” นภิสาซักถาม
“ใช่ อาจารย์หมอเป็นลูกชายของเพื่อนแม่เราเอง และเมื่อคืนอาจารย์หมอก็พาไปนอนที่บ้านของเขา”
“ที่แท้ก็รู้จักกันนี่เอง ถึงว่าทำไมอาจารย์หมอเรียกเจเจไปพบตลอดเลย แล้วนี่แสดงว่าเจเจก็รู้จักอาจารย์หมอตั้งแต่เด็กเลยสิ เขาหน้านิ่งแบบนี้ตลอดเลยเหรอ เคยเห็นตอนเขายิ้มบ้างไหม” นภิสาเริ่มอยากรู้เรื่องของอาจารย์หมอหน้าเดียวขึ้นมาทันที และยิ่งรู้ว่าครอบครัวของเพื่อนและครอบครัวของอาจารย์หมอสนิทกันก็ยิ่งอยากรู้
“รู้จักตั้งแต่เด็กเลยแหละ ตั้งแต่จำความได้ก็เจอเขาแล้ว และเขาก็ไปที่ขอนแก่นบ้านเราบ่อยมากเมื่อก่อน ยิ้มเหรอก็เคยนะ แต่น้อยครั้งจะเห็นอาจารย์หมอยิ้ม คือเขามีหน้าเดียวแบบนี้มาตลอด เสียใจ ดีใจก็หน้าไร้อารมณ์เหมือนที่เห็นแหละ ตอนนี้เราง่วงมากหลิน ขออาบน้ำนอนก่อนนะ ไม่ไหวแล้วตอนนี้” พูดพร้อมปิดปากหาวแล้วเดินไปยังห้องน้ำ ส่วนนภิสาก็ยอมแพ้ไม่ถามต่อ เพราะดูท่าทางเพลียๆ ของเพื่อนแล้วคงง่วงจริงๆ แหละ
“แล้วกระเป๋าสะพายของเจเจล่ะ ทำไมไม่มีมาด้วย”
“ติดรถของอาจารย์หมอไปน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปขอคืน มือถือก็อยู่ในนั้น”
“อือ...งั้นไม่ถามแล้ว ไปอาบน้ำเถอะ” หากว่าเธอสังเกตสักนิดจะเห็นว่าตามลำคอของเพื่อนนั้นมีรอยแดงช้ำเต็มไปหมด
จงกลนียิ้มแห้งให้เพื่อนแล้วเดินไปยังห้องน้ำพร้อมปิดประตูห้องน้ำแล้วถอดเสื้อผ้าโยนทิ้งในตะกร้า ก่อนจะเดินไปยืนหน้ากระจกแล้วหมุนตัวเองไปมาอย่างสำรวจ ซึ่งทุกส่วนของร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยของคนตัวโตจนต้องเผลอกำมือแน่น
“ไอ้อาจารย์หมอหื่น” เธอทุบตีมือตัวเองกับอ่างล้างหน้าแรงๆ แล้วเดินไปเปิดฝักบัวให้ชะล้างร่องรอยของเขาให้ออกจากร่างกาย แม้จะอาบน้ำให้สะอาดแค่ไหน แต่เธอก็ลบสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ดีในตอนนี้ น้ำใสๆ ไหลอาบสองแก้มพร้อมกับน้ำในฝักบัวไหลอาบร่างกายของเธอด้วย