ห้องอาหาร
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกเสียงสนทนาของเหล่าหนุ่มสาวนักศึกษาดังไปทั่วชั้นใต้ดิน พรินเซสกับเพื่อนของเธอเดินไปสมทบกับเพื่อนอีกกลุ่มของเธอแล้ว ส่วนควีนก็เดินตรงไปที่บาร์อาหารที่มีหลากหลายเมนูและหลายสัญชาติ
ควีนเดินไปตักผักสลัดและผลไม้ที่เธอชอบ มื้อเย็นแบบนี้ทานหนัก ๆ จะปวดท้องเอา เธอชอบทานสลัดเป็นมื้อเย็นที่สุด
“น้ำส้มครับควีน” ทีเจวางน้ำส้มหนึ่งขวดบนถาดอาหารของควีน
“ขอบใจ” จะให้ปฏิเสธยังไงในเมื่อนี่เป็นน้ำผลไม้ที่เธอชอบที่สุด ถือว่าทีเจทำการบ้านมาดีเลยแหละ ที่รู้ว่าเธอชอบอะไรและไม่ชอบอะไร
“ควีนเอาสตรอว์เบอร์รีไหม” เพื่อนทีเจเอ่ยถามพร้อมกับทำท่าตักมาให้ควีนด้วย
“เอาไว้ที่เดิมเลย ควีนไม่กินสตรอว์เบอร์รี” ทีเจดุเพื่อน
“อ้าวเหรอ โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
สาเหตุที่เธอไม่ทานสตรอว์เบอร์รีนั่นก็เพราะว่าเธอแพ้น่ะสิ แน่นอนว่าทีเจไม่รู้เรื่องนี้หรอก เขารู้แค่ว่าเธอไม่ทาน
“ไม่ไปช่วยสาวน้อยนั่นหน่อยเหรอ” เอเดนเอ่ยถามเวกัสแต่สายตาจับจ้องที่ควีน
วันนี้พวกเขาทั้งสามสวมใส่เสื้อฮูดสีดำพร้อมหมวกคลุมหัวเหมือนกัน ต่างกันก็แค่สีกางเกงยีน เวกัสใส่สีดำ เอเดนใส่สีน้ำตาล ส่วนไทก้าใส่สีเทา
“กูพรางตัวอยู่” เวกัสนั่งกอดอกอยู่ในมุมมืดของห้องอาหารซึ่งเป็นชุดโซฟาครึ่งวงกลม ที่นั่งตรงนี้ได้จัดทำไว้ที่หลังเสาต้นใหญ่โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่ามีที่นั่งแบบนี้อยู่ในห้องอาหาร
“หึ ถอดคราบเทพบุตรได้แล้วสินะ” ไทก้ายิ้มเยาะชอบใจ เพราะเขาชอบเพื่อนในร่างนี้มากกว่า
“จะเล่นใครละวันนี้พ่อเทพบุตร” เอเดนละสายตาจากควีนแล้วหันมาพูดกับเวกัสอย่างตื่นเต้น
“แขนซ้ายสินะ ที่ผลักกู”
น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาชั่งขัดกับหน้าตาอันหล่อเหล่าของเขาเหลือเกิน
สามหนุ่มต่างยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย ในสายตาคนทั้งมหาวิทยาลัยพวกเขาคือเทพบุตรผู้เรียบร้อยและแสนดี แต่มีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขานั้นมันปีศาจชัด ๆ
ควีนมองหาที่นั่งอย่างยากลำบากเพราะทีเจเอาแต่เดินตามเธอติด ๆ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนหรืออยู่ตรงไหนต้องมีทีเจตัวติดตลอด
“เออ ทีเจ”
“ว่าไงครับ”
“เราอยากได้น้ำส้มอีกน่ะ ทีเจช่วยไปหยิบมาให้อีกได้ไหม”
“ได้สิครับ ไม่มีปัญหา” ทีเจกับเพื่อนรีบเดินไปที่บาร์น้ำผลไม้ทันที
เมื่อสบโอกาสที่จะหลบหนี ควีนจึงถือถาดอาหารวิ่งไปยังโซฟาชุดหนึ่งที่อยู่มุมมืดสุดของห้องอาหาร ไม่มีใครรู้จักมุมนี้นอกจากเธอ ควีนมักจะแอบมานั่งที่ประจำตรงนี้เวลาที่เธอต้องหลบหน้าผู้คน
กึก! เมื่อเธอเดินลงบันไดมาถึงที่นั่งประจำกลับไม่ว่างซะแล้ว ผู้ชายสามคนใส่เสื้อฮูดสีดำพร้อมกับคลุมหัวกันทุกคน
ไม่ใช่แค่ควีนที่ตกใจ สามหนุ่มเองก็ตกใจเช่นกันที่ควีนรู้ที่นั่งของพวกเขา
“เออ...”
“ควีน!”
ตุบ! ร่างเล็กถูกมือปริศนากระชากตัว
“ไปไหนแล้วนะ” ทีเจวิ่งตามหาควีนมาถึงบริเวณโซฟามุมมืดแต่เขากลับไม่เห็นใครเพราะเขาไม่รู้ว่าด้านหลังเสาต้นใหญ่นั้นมีที่นั่งพรางตาผู้คนอยู่
ชู่~
ควีนนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนตักของผู้ชายที่ใส่เสื้อฮูดสีดำกับกางเกงยีนสีเดียวกับเสื้อ แขนข้างหนึ่งกอดรัดเอวเล็กไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างชูนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของเธอเพื่อให้เธอเงียบเสียงตอนที่ทีเจเดินผ่านมา
ถาดอาหารของเธอถูกผู้ชายที่ใส่เสื้อฮูดสีดำกางเกงสีน้ำตาลถือเอาไว้ ส่วนผู้ชายที่ใส่เสื้อฮูดสีดำกางเกงสีเทาถือขวดน้ำส้มของเธอ
พวกเขาเป็นใครกัน?
ขโมยเหรอ ในมหาวิทยาลัยของแด๊ดดี้มีขโมย!
เมื่อคิดได้ดังนั้นควีนก็เริ่มดิ้นแล้วพุ่งตัวไปทางที่ทีเจเดินผ่านไปเมื่อกี้
“หยุด!”
กึก! เสียงนี้มัน
“เวกัส...” แม้ไม่เห็นหน้าแต่เธอก็มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นเขาแน่นอน ไม่ผิดตัวแน่
“เอาไงต่อ” ผู้ชายที่ใส่กางเกงสีเทาเอ่ยถามผู้ชายที่เธอนั่งตักเขาอยู่ด้วยน้ำเสียงร้อนรนเหมือนคนทำความผิดแล้วโดนจับได้
“ฉันไม่ใช่ เวกัส...”
“ใช่สิ ควีนจำเสียง เว...อุ๊บ” คำพูดของเธอถูกกลืนหายทันทีที่ริมฝีปากหนาประกบจูบ
ตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ มือเล็กเลื่อนมือขึ้นผลักอกแกร่งตามสัญชาตญาณ แต่โดนมือหนารวบไว้เพียงมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างจับล็อกท้ายทอยของเธอไว้เพื่อกันไม่หันเธอหลบการจู่โจมจากเขา
ความหวานจากการสัมผัสที่อ่อนนุ่มทำให้เขาเคลิบเคลิ้มจนลืมตัวไปชั่วขณะ จากทีแรกที่คิดแค่ต้องการปิดปากเล็กให้เงียบแต่กลับเป็นเขาที่เผลอไผลแล้วสัมผัสเธอหนักหน่วงกว่าเดิม
“อืออ” ควีนร้องประท้วงเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอเพราะเริ่มหายใจไม่ออก โดนริมฝีปากร้ายบดจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกเขาสูบเอาลมหายใจไปจนแทบหมดแรง “อื้อ...”
เขายอมถอดริมฝีปากออก แต่สายตากลับจ้องมองเธออย่างเร่าร้อน แสงไฟที่ลอดสอดส่องเข้ามาทำให้เธอเห็นดวงตาสีครามได้อย่างชัดเจน เป็นเขา...
“ฉันไม่ใช่เวกัส” เขาพูดเสียงเข้ม
“ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ” เธอยังเถียงเขาอย่างไม่ยอมแพ้
“งั้นเหรอ แล้วถ้าฉันทำแบบนี้ ยังจะคิดว่าฉันเป็นเวกัสอยู่ไหม”
จู่ ๆ เขาก็ซบหน้าเข้าที่ซอกคอโดยที่เธอไม่ทันระวังตัว เธอสัมผัสถึงความร้อนและความชื้นจากริมฝีปากหนา สักพักเธอก็รู้สึกเจ็บจี๊ดคลายมดกัดที่ต้นคอ ควีนนิ้วหนาด้วยความเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง เขากัดต้นคอของเธอด้านซ้ายสองครั้ง ด้านขวาหนึ่งครั้ง และฝั่งหน้าอยู่อย่างนั้นจนเธอทนไม่ไหวต้องรวบแรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออก
“พอแล้ว!” เธอผลักเขาออกได้สำเร็จ
“นี่ไม่ใช่เวกัส ไม่ใช่...” ควีนพึมพำอย่างตื่นตระหนก เธอพยายามจ้องตาของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นสีครามแน่ ไม่ใช่แค่ตาฝาด แต่ครั้งนี้เขากลับซ่อนมันได้มิดชิดทำให้เธอมองไม่เห็น
“ไปซะ”
ทันทีที่เขาปล่อยตัวเธอ ควีนรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากห้องอาหารอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลับเข้ามาในห้องของตัวเองควีนก็ทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างอย่างหมดแรง สิ่งที่เจอเมื่อกี้มันทำเธอตื่นตระหนกไม่หาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเขา เธอมั่นใจว่าเป็นเขา แม้ว่ากิริยาท่าทางจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ตาม เวกัสผู้แสนดีไม่มีทางป่าเถื่อนแบบนั้นกับผู้หญิงอย่างแน่นอน แต่ว่า...คนที่เธอเจอนั่นก็เวกัสเหมือนกันนี่ สรุปอันไหนคือตัวจริงอันไหนคือตัวปลอมกันแน่ เธอต้องรู้ให้ได้
Rrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ของควีนดังขึ้น เธอละความคิดไว้แค่นั้นแล้วหันไปกดรับสายจากพ่อกับแม่ซึ่งท่านวิดีโอคอลมาหาลูกสาวคนสวย
‘Hi ไงจ๊ะ ลูกสาวคนสวยของมัมมี๊’
“คิดถึงจังเลยค่ะ เมื่อไหร่จะกลับมาค่ะ ควีนคิดถึง” ควีนพูดเสียงออดอ้อนพ่อกับแม่ของตัวเอง
‘อีกสามเดือนก็กลับแล้วลูก อยากได้อะไรหรือเปล่า เดี๋ยวแด๊ดซื้อไปฝาก’
“ไม่ค่ะ ควีนอยากให้แด๊ดกับมี๊กลับมาเร็ว ๆ มากกว่า กลับมาเร็ว ๆ นะค่ะ”
‘จ้า ๆ เดี๋ยวนะ นั่นคอลูกไปโดนอะไรมาค่ะ’
ควีนรีบวิ่งไปส่องกระจกทันทีที่โดนทัก สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำเธอแทบช็อกเมื่อต้นคอทั้งสองข้างมีรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ อย่างน่ากลัว
‘นี่ลูกแอบกินสตรอว์เบอร์รีอีกแล้วใช่ไหม มี๊บอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามกินเด็ดขาด อันตรายมากเลยนะ’
“ใช่แล้วค่ะ เดี๋ยวหนูจะกินยาแก้แพ้เดี๋ยวนี้นะคะ บาย...” ควีนรีบกดวางสายพ่อกับแม่ทันที
เธอเดินกลับไปส่องกระจกอีกครั้ง แล้วความรู้สึกสับสนก็ตีรวนกันไปมาจนสมองของเธอมึนงง ถ้าหากคนที่จูบเธอและคนที่สร้างรอยพวกนี้คือเวกัส เธอจะดีใจอย่างไม่มีข้อแม้ แต่ว่าท่าทางในวันนี้กลับไม่ใช่เวกัสที่เธอคุ้นเคย แม้เธอจะมั่นใจว่าเป็นเขาจริง ๆ ก็เถอะ เธอจะเอาอะไรมายืนยันกับตัวเองล่ะ ถ้าไปถามเขาโดยตรงเขาจะตอบเธออย่างตรงไปตรงมาหรือเปล่านะ
โอ๊ย... นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!