เถอะ เพราะว่าไอ้สองคนนี้ตัวใหญ่มาก รูปร่างมันบึกบึนเหมือนนักกล้าม และยังมีตั้งสองคน
สถานการณ์ที่ดูเหมือนว่ากำลังจะวุ่นวายบานปลายขึ้นทุกที ทำให้ผู้ชายที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ภายในรถอย่างใจเย็น ต้องก้าวลงมาจากรถเบนส์สีเงินคันหรูพร้อมกับชายสูงวัยอีกคน
ผมตกใจ…
จ้องมองชายร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าคมคร้ามหล่อเหลาสะดุดตาเหมือนลูกครึ่งฝรั่ง
“พ่อมึงเป็นหนี้พ่อกูโว้ย… พ่อมึงเอาบ้านมาจำนองไว้กับกูหลายปีแล้ว ทั้งต้นทั้งดอกไม่ยอมจ่ายมาเกือบปี นี่กูไม่ยึดบ้านก็นับว่าบุญนักหนา ตามกฎหมายกูมีสิทธิ์ยึดบ้านและที่ดินได้เลย… เอาเอกสารให้พวกมันดู… ”
ชายหนุ่มหน้าฝรั่งร้องสั่งผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลัง ท่าทางของชายสูงวัยคนนี้ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นทนาย
“ครับคุณเจมส์… ”
จริงอย่างที่ผมคิด…
ทนายรีบเปิดแฟ้มโชว์เอกสารสัญญาการกู้ยืมมาตรงหน้าของผม เพื่อให้เห็นว่าได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“จริงหรือครับแม่… ”
ผมมองเอกสารตรงหน้า แม้รู้ว่าเป็นของจริง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวกลับมาถามย้ำกับแม่ที่ยังไม่หายจากอาการตกใจ
“จริงจ้ะลูก… ”
แม่มะลิพยักหน้า ตอบเสียงเครือ สีหน้าขมขื่น
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะครับ… ”
ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย
“หลายเดือนมาแล้วที่พ่อไม่ได้ใช้หนี้ทั้งต้นทั้งดอก ก็ตั้งแต่พ่อตกงาน ครอบครัวของเราก็ขาดรายได้มาตลอด… ”
แม่อธิบาย ผมได้ฟังแล้วมองหน้าเจ้าหนี้
“ผม… ผมขอผัดไปอีกเดือนได้ไหมครับ ผมเพิ่งเรียนจบมอหก… ผมกำลังจะหางานทำครับ… ”
ผมยกมือไหว้ น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ในสถานการณ์ที่ตกเป็นรอง
อันที่จริงผมวางแผนไว้ว่าจะเรียนมหาวิทยาลัยเปิด เพื่อที่จะได้มีเวลาทำงานและเรียนไปด้วย
“โถ… เพิ่งเรียนจบแค่มอหก งานก็ยังไม่มีทำแต่ยังกล้ามาต่อรอง… ”
เจ้าหนี้หน้าหล่อเบะปากใส่ หรี่ตามองผมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างดูแคลน แล้วกล่าวออกมาว่า
“กูจะยอมให้ก็ได้… แต่ในระหว่างนี้กูจะเอามึงไปขัดดอก… วันนี้มึงต้องไปอยู่รับใช้ที่บ้านกู… ”
เจ้าหนี้ยื่นข้อเสนอ
“ ……. ”
ผมตกใจจนพูดอะไรไม่ออก…
ได้แต่สูดหายใจแรงลึก รวบรวมความกล้าเพื่อจะผลักคำพูดให้หลุดออกมาจากลำคอที่จุกแน่นไปด้วยความเศร้า
“ได้ครับ… ”
ถึงขั้นนี้แล้ว ผมจำต้องยอมรับข้อเสนอ ในวันที่ทางเลือกเหลืออยู่น้อยเต็มที
ตอนนี้ขอเพียงแค่บ้านไม่โดนยึด ไม่งั้นพ่อกับแม่ของผมจะไม่มีที่ซุกหัวนอน
“ชลล์… เอ็งคิดดีแล้วหรือลูก… ”
แม่เรียกชื่อผม…
รีบท้วงด้วยความตกใจ เสียงของแม่สั่นเครือคล้ายจะร้องไห้… ผมเข้าใจว่าแม่ห่วงที่ผมจะต้องไปอยู่บ้านเจ้าหนี้
“ผมเป็นผู้ชายครับแม่… งานรับใช้คงไม่มีอะไรหนักหนาเกินกว่าที่ผมจะทำได้ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”
แม้จะกลัว… แต่ผมจำต้องซ่อนความอ่อนแอไว้อย่างมิดชิด เอื้อมมือมากุมมือของแม่มะลิ กล่าวให้แม่สบายใจ
“มึงต้องไปวันนี้เลย… ”
เจ้าหนี้กล่าวเสียงดัง แม่มะลิจ้องมองหน้าผมด้วยความตกใจ
“เอ่อ… คุณคะ… มันไม่เร่งรัดไปหน่อยหรือคะ”
แม่ตวัดสายตามองร่างสูง รู้สึกว่าเงื่อนไขนี้มันฟังดูแปลกๆ พิกล
“ใช่… ต้องไปเดี๋ยวนี้… ”
ทนายความร่างท้วมตอบ
“แล้วลูกฉันจะต้องไปอยู่นานแค่ไหน… ”
เสียงของแม่เริ่มอ่อนลง
“อย่างน้อยก็หนึ่งเดือน… หรือจนกว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ที่ค้าง… ”
เจ้าหนี้หน้าหล่อที่ลูกน้องเรียกว่า ‘เจมส์’ ตอบข้อสงสัยของแม่ด้วยสีหน้าและแววตาเยือกเย็นปานน้ำแข็ง
“ไม่เป็นไรครับ… ผมไปนะครับพ่อแม่… ”
ผมมองหน้าล่ำลาครอบครัว…
ยอมไปกับเจ้าหนี้แต่โดยดี เพื่อแลกกับการที่บ้านจะไม่ต้องโดนยึด ผมตัดสินใจไปโดยที่ก็ไม่รู้เลยว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้า
“อย่าชักช้า… ไปได้แล้วโว้ย… ”
สมุนหน้าเหี้ยมสองคนที่มากับเจ้าหนี้รูปหล่อแต่ใจร้าย เดินนำหน้าผมมาที่รถเบนซ์สีเงินคันหรู
“มึงมาขึ้นคันนี้โว้ย… ”
ลูกสุมนของเจ้าหนี้ ตะโกนเรียกให้ผมเดินมาที่รถกระบะ ซึ่งผมมารู้ในภายหลังว่ามันชื่อไอ้เชิด อีกคนชื่อไอ้สันต์
“เข้าไป… ”
สันต์เปิดประตูรถแล้วผลักหลังผมให้เข้ามานั่งในเบาะหลังของรถกระบะแบบสองตอน ขับตามรถเบนส์สีเงินคันหรู วิ่งนำหน้าออกไปท่ามกลางสายตาของแม่มะลิที่จ้องมองผ่านม่านน้ำตาจนรถแล่นลับไปจากสายตา
ในเวลาต่อมา
เกือบชั่วโมงที่ผมนั่งรถมาด้วยอาการใจหวิวๆ แปลกๆ มาตลอดทาง… จนกระทั่งถึงบ้านของเจ้าหนี้
ผมตะลึงมองบ้านหลังใหญ่…
ช่างดูกว้างขวางและใหญ่โตมาก ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว้างหลายไร่ รอบๆ โอบล้อมไว้ด้วยป่าเขาเขียวขจี
นี่ควรจะเรียกว่า ‘คฤหาสน์’ น่าจะเหมาะสมกว่า ผมอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าของบ้านหลังนี้จะต้องมีเงินทองมากมายมหาศาลขนาดไหน จึงสามารถสร้างบ้านได้ใหญ่โตอลังการปานนี้
บ้านหลังนี้สวยงามมาก… ไม่สิ… ผมควรเรียกมันว่าคฤหาสน์
ผมกวาดสายตาแลไปรอบๆ อาณาบริเวณของคฤหาสน์ และสิ่งที่สะดุดตาอย่างจัง ก็คือประติมากรรมทองเหลืองตั้งอยู่บนฐานซีเมนต์ท่ามกลางสระน้ำ โอบล้อมไว้ด้วยดอกบัวหลากสีสัน เป็นรูปผู้ชายร่างกำยำ เนื้อตัวบึกบึนล่ำสันไปด้วยมัดกล้ามสง่างาม ยืนอวดเรือนร่างเปลือยเปล่าท้าฟ้าท้าลม เห็นลำอวัยวะเพศดุ้นใหญ่สะดุดตา ตั้งลำขนานขึ้นมากับท้องแน่นไปด้วยลอนกล้าม
“คนใช้คนใหม่… ลุงแสงช่วยดูแลให้ที”
ผู้ชายที่ชื่อเจมส์สั่งไว้เพียงสั้นๆ เมื่อลงจากรถ
“ครับนาย… ”
ผู้ชายวัยกลางคนที่ชื่อลุงแสงก้มศีรษะรับคำด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อมต่อนาย แล้วพาผมมาที่เรือนนอนของคนรับใช้