เด็กสาวที่กำลังจะลุกขึ้นชะงัก ก่อนจะพูดออกไป
“โธ่... อีน้องต้องทำมาหากินนะคะคุณพี่ดอยขา ไม่ว่างไปเที่ยวกับคุณพี่หรอกค่ะ” เธอจงใจว่ากระแทกเขาแรง ๆ ดอยรีบทำหน้าเศร้า เอื้อมมือของเขาออกไปจับกุมมือของเธอเอาไว้
“พี่เพิ่งจะอกหักมานะ คิดดูสิ แล้วยังไม่มีเพื่อน ไม่มีคนสนใจ เดี๋ยวพี่เกิดคิดสั้นกระโดดระเบียงนี้ฆ่าตัวตายล่ะ” เขาพูดพร้อมตีหน้าเศร้า
เปรี้ยวนึกภาพตาม ภาพที่ภูผาเมาหัวทิ่มอยู่ข้างถนนในวันที่ฝนตกหนัก เขาเปียกโชกไปทั้งตัว ทำให้เด็กสาวจำใจต้องนั่งลง เขาเปลี่ยนสีหน้ายิ้มออกมาทันที
“เดี๋ยววันนี้พี่จ้างเราเป็นไกด์ดีไหม พี่จะจ่ายให้เท่ากับค่าแรงที่เราไปทำงานในแต่ละวันเลย เอ๊า...” เขาพูดปลอบใจ แสดงสีหน้าพอใจออกมาเป็นอย่างมาก
“โอเคค่ะ” เธอยิ้มแก้มยุ้ย ตอบตกลงทันที
“โฮะ... ตกลงง่ายดีเนอะ” เขาแกล้งว่าให้ และพูดไปยิ้มไป
“เอายังนี้นะ เปรี้ยวนั่งรอพี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...แป๊บเดียว เดี๋ยววันนี้พี่เป็นเจ้ามือทุกอย่าง เปรี้ยวจะกินอะไร อยากซื้อ หรือเราจะเอาอะไร เสี่ยดอยซื้อให้หมด” เขาบอกเธอก่อนจะลุกเดินเข้าห้องไป คล้อยหลังแค่แป๊บเดียวเขาก็เดินออกมาหาเปรี้ยว ใช้ฝ่ามือแตะบนตัวของหญิงสาว เธอหันไปมองในทันที
“เออ... จะกินดื่มอะไรในตู้เย็นตามสบายนะ พี่อนุญาต เธอหันไปมองตามเสียงเห็นดอยใส่แต่ผ้าเช็ดตัว รู้สึกเกร็ง ๆ พี่ดอยผู้ไม่สำรวมยิ้มหวานให้ ก่อนจะกลับเข้าห้องของตัวเองไป เปรี้ยวออกอาการหน้าแดง
‘จะเขินทำไม ฮึ... นางเปรี้ยว’ เธอว่าให้ตัวเอง พร้อมกับยกมือตบหน้าของตัวเองเบา ๆ หญิงสาวเดินสำรวจรอบ ๆ บ้าน เห็นรูปภาพของภูผาที่ตั้งตามจุดต่าง ๆ
“หล่อจัง ดูดีด้วย” ก่อนจะเห็นภาพที่ถ่ายรวมกันสาวสวยนางหนึ่ง
“เอ๊ย... นี่มันนางเอกเรื่องรักลวงนี่นา ปลา ปภัสสร” เธอชี้ในรูปก่อนจะปิ๊งขึ้นทันที
“อ๋อ... คนนี้ จำได้แล้ว พี่ดอยเล่นเป็นเพื่อนกับนางเอกในเรื่องนี้นี่เอง ว่าแล้ว... ทำไมหน้าตาคุ้น ๆ เป็นดารานี่เอง” เธอถึงบางอ้อ รู้สึกดีที่มีเพื่อนเป็นดารากับเขาด้วย
‘วันนี้จะถือโอกาสถ่ายรูปคู่เอาไปอวดไอ้พวกในสลัมสักหน่อย ฮา ๆ...’ เธอยิ้มในสีหน้า คิดไปถึงเพื่อนตัวน้อยเป็นฝูงในสลัม พวกนั้นต้องกรี๊ดแตกแน่ ๆ ถ้าได้เห็นเธอถ่ายรูปคู่กับดารา
“โอ๊ะ... คนเป็นดาราเนี่ยเขาอาบน้ำแต่งตัวนานแบบนี้นี่เอง โห... เปรี้ยวนะอาบน้ำไม่ถึงห้าขันก็พอแล้ว มันเปลือง” เธอหันไปแซวเขา เพราะรอนานจนเบื่อ นอนกลิ้งไปทั่วโซฟาในห้องของเขาแล้ว
ภูผาหัวเราะออกมาใบหน้าเปื้อนยิ้ม
กริ๊ง... เสียงมือถือของเขาดัง
(“นี่นายดอย นายติดต่อยายปลาได้หรือเปล่า”) เสียงเจ๊ฉิ่งกะเทยปากแดง ผู้จัดการส่วนตัวของปภัสสรพูดมาตามสายด้วยความมีน้ำโห
(“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย... ตาย ตาย ตาย... ติดต่อยายปลาไม่ได้เลย ฉันจะบ้าตาย วันนี้นะมีนัดต้องไปแคสต์งานนางเอกของเรื่อง รักอลเวง อุตส่าห์ฝากฝังกับผู้กำกับเอาไว้แล้วแท้เชียว”) เจ๊ฉิ่งยังบ่นไม่เลิก
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ” เขาทำสีหน้านิ่ง ตอนนี้คงไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาแล้วที่ต้องไปติดตามตัวปภัสสรเหมือนเงาแบบเดิม
(“เอ่อ... ยังไงถ้าดอยติดต่อยายปลาได้ โทรกลับมาบอกพี่ด้วยนะ”) นางยังมีความหวัง
(“เฮ้อ... ฉันเนี่ยชักจะหมดความอดทนกับยายปลาเต็มทนแล้วนะ จะว่าไปแล้วอะ เจ๊ก็เต็มทนกับพฤติกรรมที่น่าเบื่อของนาง จะไม่ไหวแล้วนะ มีเด็กใหม่มา ฉันจะปั้นให้ดังกว่าแม่นี่เลย มันเล่นตัวนัก จริง ๆ เลย...”) เจ๊ฉิ่งพูดเสียงสูงในตอนท้าย ดอยนึกภาพตามเห็นหน้าเจ๊แล้วนึกสงสาร
(“ถ้ามีเด็กไปเสียบ แม่จะดันให้ทะลุเพดานไปเลย”) เสียงนางเอ่ยพูดหยันไปถึงนางเอกชื่อดังที่ผยองพองขนเสียจนติดเป็นนิสัย
“เจ๊ครับ เจ๊เชื่อในสายตาของผมหรือเปล่าครับ” ดอยหันหน้าไปมองเด็กเปรี้ยวที่กำลังนั่งกัดลูกแอปเปิลอย่างไม่รักษากิริยา อยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ ตัวเขา
(“ยังไงยะ”) เจ๊ให้ความสนใจ
“ผมมีเด็กจะฝากเจ๊ ให้เจ๊ดันให้ดังกว่าปภัสสร เจ๊จะว่ายังไงครับ สนใจไหมครับ” ดอยพูดออกไปด้วยความมั่นใจเกินร้อย เขามองหน้าเปรี้ยวแทบไม่กะพริบ ไม่ว่าจะเป็นหน้ารูปไข่ ผิวแก้มใสนวลของเธอ และริมฝีปากที่เผยอออกมาเซ็กซี่นิด ๆ และผมที่รวบไว้ หากปล่อยเธอคงเป็นคนที่น่ามองคนหนึ่ง
(“เชื่อสิ ฉันเชื่อนาย ตอนนี้มันไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ดอยรีบเลยนะ พาน้องคนนั้นมาหาเจ๊เลย ก่อนที่เขาจะแคสต์กันตอนหกโมงเย็นนี้ที่สตูดิโอ...........นะ ฮึ... คอยดูนะ ยายปลาทำกับเจ๊มามากแล้ว ถ้าเด็กคนนี้แคสต์ผ่าน ฉันดันให้สุดตัวเลย คอยดูนะดอย”) นางพูดแบบหมดใจเหลืออดเหลือทนกับนางเอกเช่นปภัสสร
“ครับ ผมการันตี เจ๊ไม่ผิดหวังแน่นอน” เขาพูดทิ้งท้าย ก่อนที่จะตกลงนัดเจอกับเจ๊ฉิ่งในช่วงบ่าย
“รีบไปกันดีกว่าเปรี้ยว เราสองคนไม่มีเวลาแล้ว” เขารีบฉุดแขนของเธอจากที่นั่ง ลูกแอปเปิลแทบร่วง เปรี้ยวรีบคว้าเอาไว้
“ไปไหน พี่ดอย” เธอรีบถามเขาทันที มองเขาแบบสงสัย
“อยากมีตังค์ ต้องทำงานสิเปรี้ยว” เขาบอกเธอ
“ถ้าเปรี้ยวเชื่อพี่ งานนี้เงินหนัก และเปรี้ยวจะดังเป็นพลุแตก” เขาทำสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
“งานอะไร ไม่ใช่เอาเปรี้ยวไปขายตัวนะ” เธอสัพยอกเขา ทำสีหน้าเหลอหลา
โป๊ก... เขาเขกหัวของเธอทันที
“โอ๊ย...” เด็กสาวร้องลั่น ยกมือขึ้นลูบหัวของตัวเองทันทีเช่นกัน
“กับพี่กับเชื้อพูดจาให้มันดี ๆ หน่อย ภาพลักษณ์ของพี่ดอย ชื่อเสียงของพี่มันมีเยอะนะ นายภูผา เตชินวงค์ไพศาล ดาราชื่อดังเลยนะ” เขาสัพยอกเธอกลับเช่นกัน และยกหางของตัวเองพลาง ๆ ภูผาต้องรีบพาสาวน้อยไปแปลงโฉม อย่างน้อยให้ห่างไกลจากสภาพเด็กกะโปโลคนเดิมเสียก่อน
“เดินตามพี่มาเร็ว ๆ” เสียงดอยเร่งเร้าเด็กสาวที่ตอนนี้เขาปรับเปลี่ยนลุคของเธอใหม่ ด้วยชุดเสื้อผ้าที่เด็กสาวไม่คุ้นชิน เดรสเปิดไหล่กว้างและสั้นเหนือเข่าสีขาวบริสุทธิ์
“ไม่ไหวมั้งพี่ดอย ชุดแบบนี้ แล้วไอ้รองเท้าอะไรนี่อีก เปรี้ยวไม่ถนัดเลย” ปากเธอขยับบ่นอยู่ตลอดเวลา และก้มมองดูส้นสูงที่เธอใส่
“จะเอาไหมเงิน” เขาพูดย้ำคำถามเดิม ๆ
“ถามออกมาได้ เอาสิ” เธอไม่ได้งก แต่นั่นเป็นสิ่งที่เด็กสาวต้องนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ