“รอแป๊บนะคะผู้กำกับ เด็กคนนี้การันตีความแซ่บ” เจ๊ฉิ่งส่งเสียงอ้อนวอน
“ดอยทางนี้” สายตาที่สอดส่ายมองหาชายหนุ่มกับหญิงสาวที่ชายหนุ่มได้การันตีว่าสวยสะดุดตาน่ารักในแบบฉบับที่เจ๊ฉิ่งโปรดปราน
ผิวขาวที่ไม่ได้ค่อยเปิดเผยเด่นแข่งกันกับชุดเดรสสีขาวสมราคา เจ๊ฉิ่งกับผู้กำกับอ้าปากค้าง เพราะเด็กสาวช่างตรงกับคาแรกเตอร์ของเรื่องเสียจริง ๆ
‘เด็กสาวห้าวห่ามถูกพระเอกจับมาแปลงโฉมจนสวยวับ’
ท่าทางการเดินที่ยังดูเก้ ๆ กัง ๆ ทั้งเจ๊ฉิ่งและผู้กำกับหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
“แคสต์เลย” ผู้กำกับหันไปสั่งน้อง ๆ ทีมงาน
“ดอย” เจ๊ฉิ่งลากแขนดอยให้หลบมุม มีเด็กสาวที่เธอยังจับมือเขาแน่นเดินตามมาด้วย
“ชื่ออะไร” เสียงเจ๊ถาม
“เปรี้ยวค่ะ” เธอตอบด้วยวาจาฉะฉาน
“เอางี้...” แล้วเจ๊ก็เริ่มซุบซิบเพราะกลัวคนในกองถ่ายได้ยิน
“ผู้กำกับให้ทำอะไรก็ทำนะ” เธอเน้นย้ำกับเด็กสาวอีกครั้งหนึ่ง ดอยสะกิดแขนเธอก่อนจะบอกคำคำหนึ่ง
“เงิน ท่องไว้เปรี้ยว เงิน...” เขายิ้มให้ เธอทำหน้าแหย ๆ มองเขาตากะพริบ ๆ เจ๊ฉิ่งรีบดันหลังเธอเข้าไปในกล้อง
‘หึ... ท่องไว้ยายเปรี้ยวเงิน...เงิน ๆ เงิน ๆ...’ เธอเริ่มยิ้มให้กับมุมกล้อง และเริ่มทำตามที่ผู้กำกับบอกทุกอย่างอย่างแข็งขัน เด็กสาวก็ยังแปลกใจว่าตัวเธอเองทำได้อย่างไร เสียงปรบมือเกรียวเมื่อทุกอย่างสิ้นสุด เจ๊ฉิ่งปรี่เข้าไปหาผู้กำกับทันที
“เป็นไงบ้างคะ ผ่านไหม” นางยิ้มพราวเพราะเปรี้ยวช่างได้ใจนางเสียจริง ๆ
พี่เหน่งค่อย ๆ คลี่ยิ้มออก ก่อนจะยกนิ้วหัวแม่โป้งให้
“กรี๊ด....” เสียงเจ๊ฉิ่งดังยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่ วิ่งเข้าไปจับไม้จับมือสาวน้อยยกใหญ่
“ไปบ้านเจ๊ เราต้องเตรียมตัวกันอีกเยอะ” นางบอกเธอ
ดอยยืนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขาส่งยิ้มกว้างให้สาวน้อยแบบยินดี
‘ผมเอาคืนคุณเจ็บแน่’ เขาหยันนึกไปถึงนางเอกที่เคยเป็นเบอร์หนึ่งของเจ๊ฉิ่ง
“เหนื่อยเป็นบ้าเลย” เธอบ่นก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาในคอนโดของดอย แล้วเอนตัวลงนอนทันที
นาฬิกาตรงผนังบอกเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ
“เฮ้ย... เปรี้ยว ไปอาบน้ำก่อน” ดอยเข้ามาดึงสาวน้อยที่หลับตาสนิทและขัดขืนการดึงรั้งของเขา
“ไม่เอาแล้วเปรี้ยวจะนอน” เธอบอกเขาเสียงอู้อี้ หน้าตาบ่งบอกว่าง่วงสุด ก่อนจะทิ้งร่างหัวทิ่มลงไปในโซฟา
ดอยออกมายืนห่าง ๆ หัวเราะให้ในความดื้อของเธอ และก็สงสารเธอจับใจ วันนี้โดนเจ๊ฉิ่งอบรมไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง แล้วยังให้ช่างประจำตัวของนางแต่งหน้าแต่งตาให้สาวน้อยในหลายรูปแบบ ก่อนจะให้ช่างภาพคนสนิทเก็บภาพของเธอในทุกมุม
เขาค่อย ๆ ช้อนร่างของเธอขึ้น เดินตรงไปยังห้องนอนของเขา ก่อนจะวางเธอลงบนเตียง ห่มผ้าให้ หาผ้าชุบน้ำและอุปกรณ์เช็ดทำความสะอาดผิวหน้า และลงโทนเนอร์กับครีมบำรุงให้ เปรี้ยวยังคงหลับอุตุไม่รู้เรื่อง
ชายหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วตรงไปนอนยังห้องของพี่ชาย ทิ้งตัวลงไปนอนด้วยความอ่อนล้าเช่นกัน
------------------
“ตื่นได้แล้ว” เสียงดังของดอยตอนเปิดประตูลอยเข้ามากระทบใบหู เปรี้ยวคว้าผ้าห่มปิดคลุมไปทั้งหัว ก่อนจะหมุนตัวนอนตะแคงหันหลังให้กับต้นเสียง
“ไอ้หนอนเน่า ตื่นได้แล้ว” ดอยมายืนตะโกนอยู่ใกล้ ๆ สาวน้อยไม่มีทีท่าจะขยับ ดอยนึกแกล้ง ทาบร่างใหญ่หนาของเขาบนร่างของเปรี้ยวที่นอนทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ใต้ผ้าห่ม
“อืม... หนักนะ” เธอบ่นอู้อี้คล้าย ๆ คนหายใจไม่ออก
“ก็จะลุกไหม” เขาว่าเธอ สาวน้อยค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม ดอยยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อคมคายของเขาห่างจากใบหน้าของสาวเปรี้ยวไปไม่ถึงคืบ เปรี้ยวหัวใจเต้นแปลก ๆ เธอเริ่มหน้าแดง
“โอ้ยพี่ดอย เปรี้ยวหายใจไม่ออก” เธอตะโกนใส่หน้าของเขา ก่อนจะดันมือผลักหน้าอกของดอยใต้ผ้าห่ม
“วันหลังถ้านอนขี้เซาอีก พี่จะ...” เขาเว้นคำ
“จะอะไร” เธอแว้ดใส่หน้าพี่ชายต่างสายเลือด
“จะทำอย่างงี้ไง” ดอยพูดจบก็ใช้มือจี้ไปที่เอวของเธอใต้ผ้าห่ม เสียงเปรี้ยวหัวเราะดังลั่น น้ำตาเล็ด
“ไอ้พี่ดอยบ้า อย่าให้หลุดไปได้นะ น่าดู” เธอปรามาสเขา ส่ายดิ้นหนีการรุกรานของดอยอย่างจริงจัง
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง... เสียงโทรศัพท์ของดอยดังขึ้น เขาชะงักก่อนจะหันไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนหัวเตียงลุกขึ้นนั่ง
“ลืมนัดกับพี่หรือเปล่า วันนี้มีแคสต์หลายงานนะ” เสียงเจ๊ฉิ่งดังทะลุออกมาข้างนอก เสียงแหลมปรี๊ดตามสไตล์
“ตื่นกันแล้วครับ” ดอยบอกนาง
“มากินอะไร มากินที่นี่นะ” เจ๊ฉิ่งลดระดับเสียง ดูอารมณ์ดี
เมื่อเขาวางสายเสร็จ รีบหันมาหาสาวน้อยที่ทิ้งหลังลงไปนอนนิ่งอย่างหมดแรง เขาฉุดแขนเธอให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะออกคำสั่ง
“ไปอาบน้ำ” เธอลุกขึ้นเดินเหมือนซอมบี
“ยายเปรี้ยว” เสียงเรียกที่ดัง พอจะทำให้เธอสะดุ้ง พอหันมาเห็นดอยทำท่าจะวิ่งเข้ามาหา เธอรีบกระโดดเข้าห้องน้ำปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว เขายิ้มระบายออกมาเต็มใบหน้า รู้สึกมีความสุข และผ่อนคลายเมื่ออยู่กับเปรี้ยว เขายกหูหาผู้เป็นย่าของเปรี้ยวเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง และรับประกันจะดูแลเปรี้ยวเป็นอย่างดี
“อือ...” เสียงย่ารับคำ
“ดูแลน้องด้วยนะ” คุณย่าสำทับ แต่พอนึกถึงเม็ดเงินที่จะได้ก็ยิ้มพราว จะได้อยู่กันแบบสุขสบายไม่ขัดสนเสียที
ข่าวผู้กำกับเหน่งเลือกนางเอกไร้ชื่อมาเป็นตัวนำในเรื่อง รักอลเวง ทำให้ปภัสสรถึงกับปรี๊ดปรอทแทบแตก
“ยังไงคะเจ๊ฉิ่ง” เธอยกหูหาผู้จัดการส่วนตัวทันที
(“อ๋อ... โผล่หัวมาแล้วเหรอ”) เสียงเจ๊ทักแบบไม่ไยดี
(“หายหน้าหายตาไป ทั้ง ๆ ที่แพลนงานก็ออกแล้ว ดีนะที่ฉันสนิทกับหลาย ๆ คน เขาเลยยอมให้ฉันเปลี่ยนตัวดาราได้ มีความรับผิดชอบบ้างสิหนูปลา”) นางกล่าวหยันแดกดันสาวสวย
“ก็...” เธออ้ำอึ้ง
“ไม่รู้แหละ ทุกทีเจ๊ยังบล็อกงานให้หนูได้ แต่ทำไมเรื่องรักอลเวง พี่เหน่งถึงเปลี่ยนตัวแสดงนำ
(“ยะ...”) เจ๊สบถออกไปแทบทันทีเช่นกัน
(“เมื่อวานหล่อนไม่มา เขาแคสต์งานกัน ใครเขาจะรอหล่อนคะ คนทั้งกอง อีกอย่างพี่เหน่งเขาเป็นใคร ปภัสสร เดี๋ยวนี้โลกมันหมุนเร็วนะคะ หล่อนไม่รู้เหรอ”) นางพูดสิ่งที่อัดอยู่ในใจมาแสนนาน ทนมาเยอะแล้วกับนางเอกคนนี้
“เจ๊...” ปภัสสรเธอก็ขึ้นเสียงสูงเหมือนกัน